เราพูดถึงแฟชั่นยุค 50s-60s อยู่บ่อยครั้ง เพราะแฟชั่นจากยุคนั้นได้วนเวียนมากลายเป็นเทรนด์ฮิตในยุคใหม่เสมอ แต่ในความวนเวียนนั้นก็ช่างน่าแปลกใจ ที่มีบางซับคัลเจอร์ซึ่งฮิตมากแต่กลับถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา ทั้งที่มันเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมฮิปปี้อันรุ่งเรืองแท้ๆ—เรากำลังพูดถึงกลุ่ม Beatnik ที่น้อยคนคงเคยได้ยินชื่อแต่หากได้อ่านเรื่องของพวกเขา หลายคนอาจคิดถึง
Search #anywear
แม้เหตุการณ์ในออร์แลนโดจะยังสะเทือนใจเราอยู่เสมอ แต่เชื่อว่าชาว LGBT จะยังคงยืนหยัดสู้ต่อ และแฟชั่นการแต่งกายก็เป็นอีกหนึ่งในเครื่องมือชั้นดี เช่นแคมเปญโฆษณาส่าหรีในอินเดีย จนถึงแฟชั่นตระการตาในงาน LGBT Pride ที่จัดขึ้นตามเมืองต่างๆ บนโลกตลอดเดือนมิถุนายนนี้
ความสนุกจากงาน Met Gala ในธีม Manus X Machina ยังคงตกค้างอยู่ เลยอยากพูดถึงแนวคิดเกี่ยวกับแฟชั่นในยุคแห่งเทคโนโลยีอีกสักหน่อย เพราะธีมในปีล่าสุดนี้ทำให้เราเห็นชุดเฉิดฉายบนพรมแดงที่ต่างอารมณ์จากงานปีที่แล้วในธีม China: Through the Looking Glass มากโข อย่างน้อยเราก็ไม่เห็นชุดที่กลายเป็นมีมดังอย่างชุดไข่เจียวของ Rihanna แล้วล่ะ
เห็นข่าวที่ดาราสาวขนกระเป๋าแบรนด์เนมจากต่างแดนเข้าประเทศ เราก็นึกเลยไปถึงสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่คนมักจะขนข้ามแดนเข้ามานั่นก็คือน้ำหอม ...อันที่จริงเป็นความชอบส่วนตัวของเราเองที่เคยใช้เวลา 4 ชั่วโมงเต็มในฝรั่งเศสเพื่อเดินดมน้ำหอมมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้จักมันมากนัก ดังนั้นเลยถือโอกาสหาเรื่องทำความรู้จักมันให้มากขึ้นเสียตอนนี้เลย
เรื่องของเรื่องเมื่อ Kim Kardashian แชร์ภาพเซลฟีนู้ดร่วมกับ Emily Ratajkowski นางแบบสาวสุดเซ็กซี่
คงจำกันได้ว่าช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากคนไทยจะได้ฮือฮากับถุงผ้าสีรุ้งสำเพ็งสไตล์ หรือเด็กชายจากสังขละบุรีที่ได้ถ่ายแบบให้ Louis Vuitton หลายคนประกาศก้องยินดีว่าความเป็นไทยโดดเด่นไม่แพ้ชาติใดในโลก แล้วชนชาติอื่นอย่างแอฟริกัน จีน ญี่ปุ่น หรืออินเดียนแดงที่ถูกหยิบยืมวัฒนธรรมไปใช้บ่อยยิ่งกว่า เขามองเหมือนเราไหม อยากชวนให้หาคำตอบไปด้วยกัน
แรงบันดาลใจทางแฟชั่นไม่ได้มาจากการแต่งตัวของพวกวัยรุ่นสายสตรีทหรือสไตล์ของดารานักร้องเท่านั้น แต่ยูนิฟอร์มของเหล่าชายชาติทหารก็ส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นไม่น้อย และในตอนนี้ military look ก็ดูเหมือนว่าจะกลับมาเป็นเทรนด์อีกครั้ง ซึ่งเว็บไซต์ highsnobiety ได้เล่าประวัติอย่างละเอียดว่าไอเทมทหารแต่ละชิ้นมีที่มายังไง ซึ่งอ่านสนุกจนอดใจจะบอกต่อไม่ไหวแล้ว
แว่วข่าวว่าเทศกาลดนตรีในตำนานอย่าง Woodstock กำลังจะกลับมา เพราะ Michael Lang หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังเฟสติวัลในปี 1969 ออกมาประกาศว่าเขาจะจัดงานนี้อีกครั้งในวาระครบรอบ 50 ปี ซึ่งนั่นก็คือในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่เชื่อว่าไม่เร็วเกินไปหรอกที่จะพาย้อนไปดูแฟชั่นประจำเทศกาลกันก่อน ว่าวัยรุ่นฮิปปี้ในปี 1969 นั้นเขาแต่งตัวอย่างไร
ภาพของ Lady Gaga ในชุดสูทเรียบร้อยภูมิฐานสีแดงสด ที่งาน Super Bowl 2016 ที่ผ่านมา ช่างต่างกับเธอในเดรสหวือหวาจากเนื้อสดๆ สีแดงฉานเมื่อ 6 ปีก่อน เกิดเป็นคำถามในใจว่า อะไรกันที่ทำให้เธอรวมถึงศิลปินอีกหลายๆ คน เปลี่ยนแนวการแต่งตัวไปอย่างสิ้นเชิง แล้วแบบนี้ อะไรกันแน่คือสิ่งที่พวกเขาเป็น
ปีสองปีที่ผ่านมาเราเห็นการ Collaborate ในวงการแฟชั่นที่สองแบรนด์ดังจับมือกันสร้างสรรค์ผลงานเต็มไปหมด ที่เป็นปรากฎการณ์มากๆ ก็เช่น H&M x Balmain ที่มีคนไปต่อแถวรอซื้อกันตั้งแต่ฟ้าไม่สว่าง หรือ Adidas x Kanye West (Yeezy) เป็นที่น่าสนใจเหลือเกินว่านอกจากความสนุกสนานแล้ว แบรนด์มหาแพงกับแบรนด์มหาชนเขารวมร่างกันไปทำไมนะ
แฟชั่นของสาวมุสลิมไม่ใช่เรื่องใหม่ และนับวันก็จะยิ่งบูมขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดแบรนด์ดังอย่าง Dolce & Gabbana DKNY หรือ UNIQLO ก็ได้ออกไลน์เสื้อผ้าที่อิงหลักศาสนาอิสลาม นี่จึงเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นมิติของหญิงมุสลิมได้มากขึ้น ซี่งมันอาจมาไม่ได้ไกล ถ้าปราศจากทัศนคติแบบพวกเธอเหล่านี้...
ปลายปี 2015 รัฐบาลฝรั่งเศสได้ให้ของขวัญปีใหม่กับคนในวงการแฟชั่นเป็นกฎหมายใหม่เอี่ยม ที่ระบุว่าห้ามนางแบบที่ผอมเกินกำหนดรับงานใดๆ และทางฝ่ายศิลป์ก็ห้ามรีทัชภาพนางแบบนายแบบจนเกินความจริง เป็นกฎหมายแปลกๆ ที่ชวนให้อยากรู้ว่าวงการแฟชั่นมันโหดจนต้องมีกฎหมายมาบังคับเลยหรือ?
ในขณะที่บริษัท Pantone ได้ออกมาประกาศ Pantone Color of the Year 2016 ไปแล้ว นั่นก็คือสีชมพู Rose Quartz และสีฟ้า Serenity แน่นอนว่าวงการแฟชั่นได้รับอิทธิพลจากสองสีนี้อย่างแน่นอน แต่ยังมีบางคนที่ไม่แคร์สีแห่งปีใดๆ เพราะพวกเขามีสีที่หลงรักมานาน สะท้อนผ่านการแต่งตัวประจำวัน ที่ใส่สีเดิมทั้งตัว ทุกวัน ทุกปี อะไรที่ทำให้พวกเธอหลงรักสีหนึ่งสีเดียวมาได้นานขนาดนี้ ต้องไปดูกัน
เราเชื่อเหลือเกินว่าการสวมใส่เสื้อผ้าไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นฉาบฉวยที่ใส่โชว์กันไปกันมาในแต่ละวัน แต่มันยังเป็นเรื่องของการบ่งบอกหรือกระทั่งสร้างตัวตนของใครหลายคนหรือหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือลัทธิ Afrofuturism ที่ทำให้เราเห็นภาพนั้นชัดเจนที่สุดว่าเสื้อผ้าหน้าผมมีส่วนในการสร้างตัวตนมากแค่ไหน
เคยคิดกันไหมว่าแก่แล้วจะทำตัวยังไงดี? บางทีถ้าไม่ตายไปเสียก่อน เราอาจจะเหนื่อยกับชีวิตจนอยากนั่งว่างๆ อยู่ที่บ้าน แต่หากใครที่ใฝ่ฝันถึงชีวิตแก่ชราอันเต็มไปด้วยสีสัน เราเชื่อว่าเขาและเธอที่ปรากฏตัวใน advancedstyle.blogspot.com น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเหลือเกิน
เราเห็นภาพปาร์ตี้สวมหน้ากากกันมาก็มาก แต่คงไม่มีงานไหนบนโลกที่ได้รับความสนใจถึงกับมีคนออกมาวิเคราะห์ในเชิงสัญลักษณ์ว่าเกี่ยวข้องกับลิทธิชั่วร้ายอย่างลับๆ (!?) เรากำลังพูดถึง Rothschild party ในปี 1972 ที่มักถูกเชื่อมโยงกับองค์กร Illuminati ซึ่งภายใต้เสื้อผ้าและเครื่องหัวอันเหนือจริงนั้น ยังคงรอให้คนตีความอยู่เสมอ ว่ามีอะไรซ่อนอยู่