ไอเทมแฟชั่นเท่ๆ หลายชิ้นมีที่มาจากกองทัพและสงคราม ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเก็ตทรงบอมเบอร์ แจ็กเก็ตมีฮู้ดสีเขียวขี้ม้า เทรนช์โค้ต กางเกงคาร์โก รองเท้าบูต หรือเสื้อยืดสีขาว ซึ่งแต่ละชิ้นก็มีเรื่องราวที่มาแตกต่างกันไป แต่ที่อยากบอกเล่าเป็นพิเศษก็คือ 4 ชิ้น จากกองทัพของ 4 ชาติ นั่นก็คือ...
1. แว่นตา Ray-Ban จากกองทัพสหรัฐฯ มีที่มาตั้งแต่ปี 1930s ตอนนั้นเป็นยุคแรกที่นักบินอเมริกันต้องขับเครื่องบินรบสูงขึ้นไปบนฟ้า และสายตาก็ปะทะกับแสงอาทิตย์อย่างหนักหน่วง กองทัพเลยสั่งทำแว่นตากันแดดกรอบพลาสติกทรง aviator กับบริษัท Bausch & Lomb ต่อมาทางบริษัทได้นำทรงนี้ไปผลิตใหม่ โดยใช้กรอบโลหะ และตั้งชื่อว่า Ray-Ban ตามฟังก์ชั่นของมันจริงๆ

2. รองเท้า Dr. Martens จากกองทัพเยอรมัน ผู้ออกแบบคือ Dr. Klaus Martens นายแพทย์ชาวเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนั้นเขาต้องออกจากกองทัพเพราะอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า นั่นทำให้เขาตระหนักว่ารองเท้าคอมแบตที่ทหารในยุคนั้นใส่กันยังถนอมเท้าได้ไม่ดีพอ เลยร่วมมือกับเพื่อนชื่อ Dr. Herbert Funck ออกแบบรองเท้าหุ้มข้อเท้าที่ใช้หนังนุ่มขึ้น และมีขอบที่แข็งแรงทนทานออกมาขาย กลายเป็นรองเท้า Dr.Martens มาดเท่ที่ใครใส่ก็เข้มขึ้นมาในทันตา

3. กางเกงสีกากี (Khaki Trousers) จากกองทัพอังกฤษ โดยในช่วง Revolutionary War กองทัพอังกฤษสวมใส่แต่ Redcoat (นึกภาพเครื่องแบบทหารอังกฤษหน้านิ่งที่หน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม… นั่นแหละ) ไม่ว่าสมรภูมิจะอยู่ที่ไหน จนในปี 1840 นายพลอังกฤษที่ฐานทัพอ่าวเบงกอลได้เจอแนวคิดการย้อมผ้าสีกากีจากคนอินเดียท้องถิ่น จึงนำเทคนิคนี้มาใช้กับกางเกงของทหารที่ประจำอยู่ที่นั่น เพราะเข้ากับการปฏิบัติการในภูมิอากาศเขตร้อนมากกว่าโค้ตสีแดงตัวหนาเป็นไหนๆ ต่อมาในปี 1940 กางเกงสีกากีของทหารอังกฤษก็เริ่มเข้ามาอยู่ในกระแสแฟชั่นพร้อมๆ กับเสื้อยืดขาวนั่นเอง

4. ลายพราง (Camouflage) จากกองทัพฝรั่งเศส ลายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กองทัพฝรั่งเศสจ้างให้ศิลปินมาเพนต์ปืนใหญ่และป้อมสังเกตการณ์ของพวกเขาไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็น ซึ่งลายที่ได้ก็สามารถพรางตัวท่ามกลางป่าไม้ได้ดีมากๆ เลยเป็นที่มาของชื่อลาย Camouflage มาจากเป็นศัพท์แสลงในปารีสคือ Camoufler ที่แปลว่าการปลอมแปลง และได้กลายเป็นลายบนชุดปฏิบัติการณ์ของทหารทั่วโลกในเวลาต่อมา รวมถึงหนุ่มสาวที่หลงรักลุคแห่งการออกลุยด้วย

เราไม่รู้หรอกว่าคนแรกๆ ที่หยิบเอาไอเทมเหล่านี้มาใช้ในทางแฟชั่นนั้นด้วยเหตุผลอะไร อาจจะชอบภาพแห่งความองอาจดุดันของเหล่าชายชาติทหาร หรือเพราะรักฟังก์ชั่นอันสมบุกสมบันของมันก็ได้ ที่น่าสนใจคือ เราหยิบรูปลักษณ์บางอย่างของพวกเขามาใช้ แต่ในทางแฟชั่นเรากลับละทิ้งความเคร่งกฎระเบียบของทหารออกไปจนหมด กลายเป็นลุคที่ดูมีความขบถไปซะอย่างนั้น