จากเซลฟี่นู้ดของคนดัง ชวนขยายประเด็นไปยังเสรีภาพแห่งร่างกายของสาวๆ

เมื่อ Kim Kardashian แชร์ภาพเซลฟีนู้ดร่วมกับ Emily Ratajkowski นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ ที่เปลือยท่อนบนพร้อมมีเซ็นเซอร์บาร์คาดอกกันทั้งคู่ โดยเขียนแคปชั่นง่ายๆ ว่า “เมื่อพวกเราไม่มีอะไรจะใส่” พร้อมโชว์นิ้วกลางคล้ายจะตอกกลับพวกที่ชอบด่าเรื่องการโชว์เนื้อหนังของพวกเธอกันนัก และแน่นอนว่าผลตอบรับจากโลกออนไลน์ ทำให้เราเห็นกรอบของแฟชั่นและสังคมที่เปลี่ยนไปได้เป็นอย่างดี

ถึงจะไม่ได้สนใจเรื่องของเซเลบคนดังสักเท่าไหร่ แต่หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกโซเชียล เราจะต้องรับรู้เกี่ยวกับ Kim Kardashian ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เธอผู้โด่งดังเพราะความร่ำรวยและเรื่องราวทางเพศ ทั้งเซ็กซ์เทปและภาพนู้ด เธอผู้ไม่ได้ประกาศตนเป็นเฟมินิสต์ แต่เลือกแสดงออกถึงอิสรภาพในร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่



ความคิดเห็นต่อพฤติกรรมของ Kim แบ่งออกเป็นสองขั้ว อ่านแล้วก็ชวนให้นึกไปถึงเรื่องราวของเสื้อสายเดี่ยวกับมินิสเกิร์ตเมื่อทศวรรษก่อนที่เคยเป็นประเด็นร้อนเหมือนการเปลือยอกครั้งนี้ 
ในตอนนั้นสังคมเดือดร้อนมากมายกับมินิสเกิร์ตของ Britney Spear ในไทยเราเองก็มีการตั้งแง่กับเสื้อสายเดี่ยวของ Triumphs Kingdom แม้จะมีวัยรุ่นหลายคนเริ่มแต่งตามกันบ้าง แต่หลายคนก็ยังไม่กล้า เพราะอุปสรรคสำหรับสาวๆ ในตอนนั้นคือคำว่า ‘โป๊’ จนกระทั่งมีคนดังเริ่มสานต่อเทรนด์นี้ ในที่สุดสาวๆ ก็แหกกรอบออกมาและสบายใจที่จะเปิดเผยเนื้อหนังกันมากขึ้น



    มาถึงตอนนี้เสื้อสายเดี่ยวหรือเกาะอกเป็นเรื่องธรรมดา เราอยู่กับแฟชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งคล้ายเป็น norm ว่า ถ้าไปทะเล จะต้องใส่ชุดว่ายน้ำแล้วอัพรูปด้วยนะ เราเขินอายกันน้อยลงเมื่อใครๆ ก็โชว์กัน ทุกคนร่วมกันส่งต่อวัฒนธรรมแห่งความมั่นใจนี้ออกไป แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดอีกตามเคย เพราะถึงบางคนไม่ได้แคร์เรื่องโป๊แล้ว แต่ยังคงติดอยู่กับอีกอุปสรรคหนึ่งคือความ ‘ไม่สวย’ ซึ่งหลายคนเลือกจะไม่โชว์เนื้อหนังเพราะไม่ได้พอใจกับร่างกายตัวเองขนาดนั้น
    นั่นทำให้มีผู้หญิงหลายคนชื่นชม Kim เพราะร่างกายของเธอเองก็ไม่ได้สวยอย่างพิมพ์นิยม คือไม่ได้ผอมเพรียวอย่างนางแบบ แต่เธอยังคงมั่นใจในเรือนร่างและพร้อมจะโชว์มันเสมอ ไม่ว่าจะในฐานะของผู้เรียกร้องอิสระในเรือนร่างหรือผู้เสพติดความสนใจก็ตาม



คณะสังคมศาสตร์ แห่ง Université du Québec แคนาดา มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และข้อดีเบตหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม้ผู้หญิงวัยรุ่นยุคนี้แคร์เรื่องสวยไม่สวยมากกว่าโป๊ไม่โป๊ แต่ก็ยังมีหลายคนที่มองว่าการแต่งตัวเผยเรือนร่างมีความหมายอย่างเดียวคือการยั่วยุทางเพศ ซึ่งแท้จริง การแต่งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งมันอาจมีความหมายและเหตุผลมากกว่านั้น แต่ละคนมีมุมมองเรื่องการแต่งกายที่แตกต่างกัน บางคนอาจมองในแง่ของแฟชั่นหรืออิสรภาพ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนที่มองในแง่ของเซ็กซ์อยู่ดี คอมเมนต์มากมายเกี่ยวกับ Kim ยืนยันได้ชัดเจน



เกิดเป็นคำถามต่อไปอีกว่า ในขณะที่ผู้ชายสามารถมีความสุขในการมองเรือนร่างผู้หญิงได้เป็นปกติ แต่ทำไมเมื่อผู้หญิงจะมีความสุขกับเรือนร่างตัวเองบ้างกลับเป็นเรื่องให้ต้องถกเถียง ตลอดมาผู้หญิงถูกสั่งสอนให้ปกปิดร่างกายตัวเอง เพราะไม่ใช่ภาระของผู้ชายที่จะต้องควบคุมความต้องการของตัวเอง ทำให้แม้หลายครั้งการปกปิดจะมาในรูปแบบของการปกป้องแต่บางครั้งมันก็กลายเป็นการปิดกั้นไปอย่างช่วยไม่ได้ 


คล้ายว่าตลอดมาร่างกายผู้หญิงคือปัญหา หัวนมกลายเป็นเรื่องน่าอาย การโชว์ต้นขากลายเป็นประเด็น ทั้งที่บางครั้งผู้หญิงเพียงต้องการจัดการกับร่างกายตัวเองอย่างที่สบายใจก็เท่านั้น 
    หรือจริงๆ แล้วร่างกายผู้หญิงไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ทัศนคติที่แต่ละคนมีต่อร่างกายผู้หญิงต่างหากที่ปัญหา?