เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่นแร่แปรวัตถุดิบ...รวมเรื่องชุดโดยนักเรียนเขียนเรื่องอ่าน-คิด-เขียน
หมู่บ้านล้านดอก : ดอกบัว
  • เรื่องสั้นโดย...นันทวัน มงคลสถิต  ผลงานลำดับที่ 4 ในคอลัมน์ "เล่นแร่แปรวัตถุดิบ" 

    คลิกเพื่ออ่าน.....บทนำ: เล่นแร่แปรวัตถุดิบ...รวมเรื่องชุดโดยนักเรียนเขียนเรื่อง 2018 ได้ที่นี่


                ขากลับจากโรงพยาบาลผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่เสาประตูรั้วสีขาวที่คุ้นเคยนั้นมีกระถางต้นไม้จิ๋วที่ใส่อะไรสักอย่างมาตั้งอยู่พอเข้าไปใกล้จนเห็นชัดแล้วว่ามันไม่ใช่กระถางต้นไม้จิ๋ว

                แต่มันคือกระปุกรูปทรงคล้ายดอกบัวข้างในมีไม้ปั่นหูวางอยู่แน่นกระปุกยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ ผมตัดสินใจถามแม่ว่า แม่ออกมาปั่นหูหน้าบ้านแล้วก็ลืมทิ้งไว้หรอ ? ”

                แม่ทำหน้าเบื่อหน่ายกับคำถามของผมแล้วตอบนี่พึ่งจะเห็นหรอ อะแกดูให้มันดี ๆ หน่อยกระปุกที่แกว่านั้นน่ะไม่ใช้ไม้ปั่นหูธรรมดานะโว้ยแต่เป็นสินค้ารูปแทนที่สมาคมลัทธิปุกปุยเขาทำออกมาใหม่

                ผมเถียงกลับอ้าว แล้วยังไงอะมันก็แค่ไม้ปั่นหูอะ แล้วทำไมแม่ต้องเอากระปุกไม้ปั่นหูมาวางหน้าบ้านด้วยเล่า

                “ยังอีกยังจะมาเถียงอีกนะ ลูกคนนี้นิ เดี๊ยะๆแม่ขมวดคิ้วแล้วยกมือชี้นิ้วคาดโทษมาที่ผม
    เอาแล้ว แม่เริ่มมีน้ำโหแล้ว ฟังจากน้ำเสียงตะกี้ถ้าผมอยู่ใกล้แม่กว่านี้นะผมว่าผมคงจะโดนตีไปสักป๊าบสองป๊าบและผมเดาว่าแม่ต้องบ่นต่อไปอีกแน่ๆ ไม่สิผมฟันธงเลยละกันว่าแม่จะต้องบ่นผมต่ออีกแน่นอน
    3 2 1 . . .          “ก็แกนั้นแหละพ่อเอ่ยที่เป็นคนซื้อมาแถมยังออกปากชมว่าสร้างสรรค์แล้วก็ยังใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย แหมตอนนั้นแกยังบอกว่าเอาไว้ประดับหน้าบ้านก็สวยดีหรือถ้ามีใครคันหูผ่านมาก็เอามาใช้ได้ หรือว่าคนในบ้านออกจากบ้านแล้วคันหูก็จะได้ไม่ต้องเดินกลับเข้าเอาจากในบ้านอีกโอ้ยพ่อคู๊ณณณณ.นี่นะถ้ารู้ว่าแกจะเป็นอะไรแบบนี้นะแม่น่าจะอัดเสียงแกไว้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะได้ความทรงจำกลับมาได้สักที เฮ้อ

    นั้นไงทีตอนซื้อหวยแล้วไม่เป็นแบบนี้บ้างนะเอ๊ะ แม่พูดว่าอะไรนะ ผมขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบของแม่ประหนึ่งว่าถ้าคิ้วผมมันเป็นเชือกเงื่อนตายแล้วพูดว่า

    ห้ะ อะไรนะผมเนี่ยนะและนั้นเป็นคำพูดสุดท้ายของบทสนทานาก่อนเข้าบ้านของผมกับแม่เพราะหลังจากนั้นผมไม่ได้เถียงอะไรกับแม่อีกเป็น เพราะผมประหลาดใจและไม่เข้าในตัวผมคนก่อนหน้าที่ทำไมผมต้องหัวอ่อนอะไรขนาดนั้นกันนะน่าหงุดหงิดตัวเองซะเหลือเกิน ทำไมกันนะทำไมผมยังจำอะไรไม่ได้ซักที ผมอยากรู้ทำไมผมต้องทำอะไรแบบนี้เป็นอะไรที่สิ้นเปลืองเหลือเกินมันจะมีสักกี่คนกันที่คันหูและจะต้องมาเดินผ่านหน้าบ้านผมด้วยนะถึงจะได้ใช้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

                หลังจากเห็นผมเงียบไปสีหน้าแม่กลับมาวิตกกังวลและลูบหัวผมแล้วพูดว่าเอาน่าตาแมนลูกแม่ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา เดียวมันก็จะดีขึ้นนะ แกรู้ใช่ไหมว่าแม่หวังดีอยากให้ความทรงจำแกกลับมาแกจำได้ใช่มั้ยว่าแม่ใช่คนพูดหวานนะ

                ผมกอดแม่ด้วยใบหน้าที่น้ำตาคลอที่ผมพยามฝืนไม่ให้มันไหลเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงมากกว่านี้

                มาถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้แล้วล่ะว่าผมความจำเสื่อมใช่ผมครับความจำเสื่อมการอุบัติเหตุรถชนที่หน้าบ้านตัวเอง         หมอบอกว่าผมมีอาการสูญเสียความทรงจำบางส่วนจากอุบัติเหตุรถชน ต้องมาพบตามที่หมอนัดเพื่อให้การรักษาอย่างต่อเนื่องและคืนความทรงจำทั้งหมดมาได้ซึ่งผมก็เป็นเคสที่น่าเป็นห่วงอีก เพราะอาการกระทบกระเทือนของผมไม่ได้รุนแรงมากนักความทรงจำผมควรจะกลับมาได้แล้ว แต่จึงมาเป็นภาระให้แม่ดูแลแทนที่จะฝ่ายที่ควรดูแลแม่ในวัยที่แม่แก่ตัวลงมากแล้วก็ตามอ้อส่วนพ่อผมนะหรอ ท่านเสียไปตั้งแต่ผมเด็ก ๆ แล้ว ทั้งชีวิตผมก็เหลือแค่แม่คนเดียวถึงผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะเป็นแบบไหนผมก็ผมมั่นใจผมต้องไม่ให้แม่ผมมาเหนื่อยใจคอยดูแลพาไปนู้นนี่เพื่อกระตุ้นให้ความจำผมกลับมาแบบนี้แน่ๆ

                เราสองแม่ลูกก็ทำตามทุกอย่างที่หมอแนะนำเริ่มจากการให้ทวนความทรงจำใหม่ทั้งหมดเรื่อยมาจนความทรงจำส่วนที่หายไปเริ่มกลับมาจนเกือบปกติและกลับทำงานได้

    ผมกับแม่เราเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำกันใหม่ทั้งหมดโดยแม่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของครอบครัวและหมู่บ้านของเราแม่พาผมเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้านทำให้ความทรงจำผมกลับมาบ้างอย่างการพาผมไปเจอเพื่อนชาวผกากรองที่ผมเคยเล่นด้วยสมัยเด็กบ่อยๆ ที่ลานหมู่บ้านที่ทำให้รู้เรื่องตำนานดอกกะฮอม และเรื่องราวของลัทธิปุกปุยที่แม่กับผมเวอร์ชั่นก่อนหน้าเลื่อมใสซะเหลือเกิน



    แม่เล่าว่าบ้านเรานับถือลัทธิปุกปุยเหมือนๆ กับในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็นับถือลัทธินี้ เพราะเป็นที่พึ่งและช่วยแนะนำการดำเนินชีวิตให้ชีวิตมีแก่นมีสารขึ้นแม่อธิบายด้วยความใจเย็นว่าลัทธินี้มีหลักในการกระทำสิ่งๆหนึ่งด้วยความเต็มใจและหวังดีมีสิ่งแทนในการเคารพบูชาคำสอนท่านปุกปุยคือเสี้ยวก้อนนุ่นจากก้อนนุ่นที่งอกออกจากดอกบัวของท่านปุกปุยปลูกไว้เพื่อเป็นการระลึกถึงคำสอนนั้น และเสริมว่าครอบครัวเราเลยเปลี่ยนนามสกุลใหม่กันเป็น“หวังดีกูล” เพราะแม่รู้สึกว่าการเชื่อและทำตามลัทธินี้แล้วทำให้แม่ดำเนินชีวิตต่อไปได้หลังจากพบมรสุมชีวิตจากการสูญเสียพ่อผมไป

    ตอนแรกผมเริ่มดีใจที่ความทรงจำที่หายไปเริ่มกลับมาจนหมดยกเว้นแต่เรื่องของลัทธิกับตัวผมที่คิดว่ายังไงถ้าเราตอนนี้ไม่เชื่อก็คงไม่เป็นไรความคิดคนมันเปลี่ยนกันได้แต่ยิ่งนานวันเข้าส่วนลัทธิที่เริ่มหลอกหลอนผมจนผมไม่เป็นอันทำงานทั้งคนรู้จักที่มาจากสมาคมลัทธิที่เข้ามาเรื่องราวต่างๆ ที่ผมไปร่วมทำกิจกรรมหรือเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมออกแบบสินค้าใหม่ของลัทธิเอยหรือโครงการเผยแพร่เอยมันทำให้ผมต้องการจะรู้เหตุผลของตัวเองในตอนนั้นทำไมถึงทำ อย่างแรกคือการเห็นแม่ตัวเองบูชาก้อนนุ่นอยู่ทุกวันและพยายามกึ่งบังคับให้ผมทำด้วยซึ่งก้อนนุ่นนั้นที่เชื่อว่าเป็นส่วนแบ่งจากก้อนงอกออกจากดอกบัวตามที่เจ้าลัทธิบอก

    วันหนึ่งผมตัดสินใจถามว่าแล้วก้อนจริงๆ ที่งอกตกลงแล้วมีกี่ก้อน หลังจากได้คำตอบว่าก้อนนุ่นจริงที่งอกจากดอกบัวของเจ้าลัทธิมีแค่อันเดียวผมนี่อึ้งไปเลย ผมไม่เข้าใจว่าแม่เชื่อไปได้ยังไงว่าส่วนหนึ่งก้อนนุ่นอันนั้นจะแบ่งมาถึงแม่แล้วเขามาหวังดีอะไรแม่บูชาสิ่งแทนมาเท่าไหร่เนี่ยแค่เชื่อคำสอนก็พอแล้วรึเปล่ากราบไหว้แบบนี้มันดูงมงายและยึดติดกับตัววัตถุเกินไปรึเปล่า

    และไหนจะธรรมเนียมสำหรับชาวลัทธิที่เคร่งอย่างบ้านผมคือกระโดดตบ 3 ทีที่หน้าประตูบ้านก่อนออกจากบ้าน   ซึ่งแม่ก็มักใช้เป็นเรื่องอ้างว่าผมน่ะลืมกระโดดตามธรรมเนียมลัทธิที่แม่พร่ำบอกให้ทำตามทำให้ในวันที่ผมเกิดอุบัติเหตุรถชนนั้นที่ผมยืนอยู่ที่ข้างทางถนนของหมู่บ้านกำลังจะข้ามจากฝั่งบ้านไปอีกฝั่งเพื่อไปทำงานก็ถูกรถรถชนจนทำให้ความทรงจำไปเพราะเป็นบทลงโทษสำหรับคนที่เคร่งแล้วมาเลิกทำธรรมเนียมแม่บอกว่า พอผมถามกลับไปว่าแล้วทำไมต้องกระโดดแม่ก็ไม่มีคำตอบให้ผม

    ครั้งนี้ผมกับแม่ทะเลาะกันจริงจังแม่เดินหนีผมด้วยหน้าเปื้อนน้ำตาไปที่หลบหลังบ้าน ผมเลยตัดสินในจะไปสงบสติอารมณ์ที่ลานหมู่บ้านแต่ด้วยความฉุนเฉียวรีบเดินออกไปจึงไม่ได้ดูเลยใช่ครับ ผมถูกรถเฉียวและหมดสติไป

    ผมลืมตามามองเห็นเพดานสีขาวและกลิ่นสะอาดผมว่าผมอยู่โรงพยาบาลอีกแล้วแน่ ๆ แต่ครั้งนี้ผมจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมได้ทั้งหมดแล้วทั้งตัวผมเวอร์ชั่นก่อนหน้าและผมหลังจากความทรงจำหายไปเพราะอะไรนะหรอ . . .

    เพราะตัวผมในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้เพราะอยู่ในสภาวะที่ต้องการที่พึ่งเหมือนกับแม่เมื่อแม่พบลัทธินี้แล้วชีวิตเราดีขึ้นนั้นเราจึงเชื่อและเลื่อมใสปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดจึงไม่คิดตั้งคำถามและดำเนินชีวิตตามนี้กันเรื่อยมา

    ส่วนตัวผมในเวอร์ชั่นความทรงจำหายก็หมดคำถามแล้วเช่นกันเมื่อมองย้อนกลับมาดูสิ่งที่ตัวเองสงสัยว่าทำไมต้องกระโดดตบก่อนออกจากบ้านก็เพราะเป็นการทำให้ร่างกายมีสติตื่นตัวก่อนออกไปไหนอย่างการที่ผมไม่ได้กระโดดตบก่อนออกจากบ้านทำให้ง่วงไม่มีสติไม่มองทางจนทำให้ถูกรถชนก็ไม่ต่างกับว่าการย้ำว่าเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาในรูปแบบที่ต่างกันและการไม่เข้าในแม่ที่ต้องบูชาก้อนนุ่นที่เชื่อว่างอกจากดอกบัวนั้นเป็นเครื่องเตือนใจที่คอยย้ำให้เรากระทำตามคำสอนว่าสัญลักษณ์ความขาวบริสุทธิ์ใจจริงของก้อนนุ่นและสัญลักษณ์ความดีของดอกบัวที่ย้ำให้เห็นคำสอนชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าเราไม่ปฏิบัติตามคำสอนถ้าเราแค่ตั้งๆ ไว้แล้วก็ไปทำสิ่งที่ไม่ดี

    ผมหันไปรอบๆ ห้องเห็นแม่นั่งหลับผงกหัวอย่างอิดโรยพร้อมด้วยคราบน้ำตาที่ยังแห้งไม่หมด ผมเอ่ย“แม่ครับ ผมขอโทษ”

    แม่สะดุ้งตื่นล้วรีบวิ่งเข้ามาหาผมที่เตียง “เป็นยังไงบ้าง กินน้ำไหมลูก”
    ผมส่ายหน้าช้า ๆ เป็นการตอบปฏิเสธ จากนั้นแม่กดเรียกหมอมาดูอาการผม
    เสียงทักจากคุณหมอ“ว่าไงคุณสมชาย หวังดีกูล, สงสัยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดทายที่เราจะเจอกันแล้วสินะ”

    สิ้นเสียงของคุณหมอ

     ผมยิ้มรับคำทักทาย ตาทั้งสองค่อย ๆ ปิดลงด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่กลับมาทำงานพร้อมกับได้ยินเสียงบทสนทนาของแม่กับหมอที่เบาลงไป

    ตามด้วยเสียงหวีดยินดีของแม่อีกระลอก

    ก่อนที่ผมจะตัดสินใจผมเลือกเรียนรู้และอยู่กับตัวตนทั้งสองต่อไป



    ----------------

    กว่าจะเป็นงานเขียนชิ้นนี้
              "รู้สึกท้าทายและสนุกไปในคราวเดียวกันกับการที่ต้องใส่วัตถุดิบแถมยังต้องคุมธีมหลักไว้ให้ได้อีกบวกกับการตัดสินใจแต่งfictionเพราะปกติไม่แต่งเลยรู้สึกว่ายากมากแล้วก็กลัวคนอ่านไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองจะสื่อ ฮือ เราจะพยายามต่อไป" -  นันทวัน มงคลสถิต  

    -----------------

    ผู้สนใจสามารถคลิกที่ชื่อเรื่องเพื่อเข้าถึงงานเขียนเรื่องนั้นๆ  

    ผลงานชุด “หมู่บ้านล้านดอก” ประกอบด้วย

    - เรื่องสั้น “ดอกบัว”  โดย นันทวัน มงคลสถิต                                                                                                 - เรื่องสั้น “กะฮอม”   โดย เมธินี โสภา                                                                                                                  - เรื่ิองสั้น “ดาวเรือง”  โดย ณฐพร ส่งสวัสดิ์ 

    วัตถุดิบ
    - บทกวีคำซ้ำเรื่อง “ดอกไม้” ของ จ่าง แซ่ตั้ง
    - บทกวีเรื่อง “หลงทางในประเทศของตัวเอง” ของ โรสนี นูรฟารีดา
     - ความเรียงเรื่อง “บัว...ดอกไม้ของวันวานและวันนี้” ของ รักษิตา
     - คำว่า “หวังดี” ในคลังคำ ของ รศ.ดร.นววรรณ พันธุเมธา

    -----------------

    ผลงานเรื่องอื่นๆ สืบเนื่องจากกิจกรรม "เล่นแร่แปรวัตถุดิบ"

    ผลงานชุด “ชะตากรรม” ประกอบด้วยเรื่อง 

    - เรื่องสั้น “กรำชะตา” โดย พิชญา วินิจสร
    - เรื่องสั้น “กำชะตา” โดย ณิชมน จันทวงศ์

    ผลงานชุด “เด็กเด็กเด็ก” ประกอบด้วย
    ความเรียง ฉันผิดที่เป็นเด็กสายศิลป์” โดย ธนวิชญ์ นามกันยา 
    - เรื่องสั้น คุยกับเด็กในความทรงจำ”  โดย ปิยภัทร จำปาทอง 
    - เรื่องสั้น ดอกแก้วแลดาวเหนือ”  โดย กัลยรัตน์ ธันยดุล  

    ผลงานชุด “LUNCH” ประกอบด้วย 

    - เรื่องสั้น “อาหารกลางวันบนชั้น 21” โดย วรันพร ตียาภรณ์  
    - เรื่องสั้น อาหารฝันกลางวัน” โดย ชัญญานุช ปั้นลายนาค  
    - เรื่องสั้น “อาหารกลางวันที่เจ้าบ้านหายไป” โดย ณิชา เวชพานิช

    ผลงานชุด “ความทรงจำ” ประกอบด้วย
    - ความเรียงเรื่อง “ให้ความทรงจำเป็นเหมือน ‘ขยะ’” โดย สิริโชค โกศัลวิตร   
    - เรื่องสั้น “ชื่อที่ไม่มีวันลืม” โดย ปุณยาพรสุข ศาลาสุข 
    - เรื่องสั้น This white dog and that white wolf โดย พิมพ์ภาณิณ โชติมา

    ผลงานชุด “ต้นไม้” ประกอบด้วยเรื่อง 

    - เรื่องสั้น “พักพิง” โดย บุณฑริกา จิตพินิจกุล
    - เรื่องสั้น  “ต้นไม้โตขึ้นบ้าง หรือ กระถางเล็กลงหน่อย” โดย ธีรศักดิ์ คงวัฒนานนท์
    - เรื่องสั้น  “ ‘กระถิน’ ปลูกลงดินไม่ได้” โดย จุฬารัตน์ กุหลาบ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in