เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Better Day Sopon Supamangmee

ผมยังเป็นเด็กโง่คนหนึ่งเท่านั้น... มันเป็นความจริงที่ไม่น่าพิสมัยมากเท่าไหร่นักหรอก การมองกระจกทุกเช้าแล้วตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ว่าจะร่ำเรียนจบสูงมากแค่ไหนความคิดนี้ก็ยังไม่หายไปจากสมอง แต่แปลกดีที่ในขณะเดียวกันมันกลับนำมาซึ่งความรู้สึกสบายใจซึ่งยากจะอธิบาย ในความไม่รู้และไร้ประสบการณ์กลับรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย ทั้งกว้างใหญ่และน่าค้นหา คงคล้ายกับที่มีหลายคนเปรียบเปรยเอาไว้ว่าคนเรานั้นไม่ต่างจากแก้วใบหนึ่ง เมื่อความรู้ประสบการณ์ที่เทใส่จนล้นเต็มแก้ว ก็ไม่สามารถจะเทสิ่งใหม่เข้าไปเพิ่มได้อีกถ้าไม่ละทิ้งปล่อยเทสิ่งเก่าออกไปบ้าง แต่เคยสงสัยว่า แล้วสิ่งที่เคยเรียนรู้มาก็ไม่มีความหมายเลยหรือไง ในเมื่อเททิ้งออกหมดเพื่อรับสิ่งใหม่มันก็ไม่ต่างอะไรกับต้องเดินถอยหลัง กลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ศูนย์ทุกครั้งไป ฟังแล้วรู้สึกหดหู่จนไม่อยากทำอะไรต่อ แล้วแบบนี้ชีวิตจะมีคุณค่าอะไรกันเล่า หรือที่เขาหมายถึงนั้นเป็นการเทออกครึ่งเดียวเพื่อรับเข้ามาอีกครึ่งหนึ่ง ผสมผสานกันให้เป็นน้ำกึ่งเก่ากึ่งใหม่กึ่งเย็นกึ่งร้อน แต่ว่าถ้าแก้วมันเต็มก่อนที่น้ำแห่งความรู้จะเทใส่มาทั้งหมดหล่ะ ความรู้ที่ได้มาก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย กระเด็นตกหล่นหายไปอีก เติมได้ไม่เต็มที่เพราะเราไม่พร้อมที่จะรับทั้งหมดอย่างนั้นหน่ะหรือ คิดไปมันก็ยังไม่น่าจะใช่อยู่ดี แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้คำตอบจากแก้วใสใบเก่งที่ใช้เป็นประจำทุกวัน ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่มีคุณค่าหรือที่คนเรียกมันว่า “ประสบการณ์” นั้นไม่ต่างอะไรจากคราบด่างที่แทรกตัวติดตามผนังแก้ว เมื่อใช้ไปนานๆเติมเข้าไปเป็นประจำ ใส่เพิ่มและเทออกบ่อยครั้งเข้า รอยเปื้อนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อแก้วจนซึมลึกและไม่สามารถแยกจากกันได้อีกต่อไป คราบเปรอะแห่งประสบการณ์กลายเป็นสิ่งที่แบ่งแยกแก้วใบนั้นออกจากแก้วใบอื่น ความด่างพร้อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นคุณลักษณะที่ไม่จำเป็นต้องสวยงามแต่กลับนำมาซึ่งคุณค่าและความหมาย และไม่มีวันสูญสลายหายไปไม่ว่าจะใช้น้ำยาล้างจานยี่ห้อไหนขัดก็ตามที วันดีๆวันหนึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นวันพิเศษวันไหนแค่วันเดียว แต่มุมมองของเราเองต่างหากที่จะเปลี่ยนวันธรรมดาหนึ่งวันให้เป็นวันที่ดีวันหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาในชีวิตของผม ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ได้สวยงามหรือน่ารื่นรมณ์อะไรมากเท่าไหร่จนต้องนำมาเล่าอวด แต่ที่ผมรู้สึกอยากอวดเล่าคือวันธรรมดาที่บางครั้งดูน่าเบื่อ บทสนทนาที่บางครั้งก็เหมือนไม่ได้มีอะไรพิเศษ ครอบครัว ภรรยา เพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ คนบางคนและบางครั้งหลายคน ที่ผ่านมาในชีวิตประจำวัน บทเพลงเก่าๆที่ลอยผ่านหูบนคลื่นวิทยุ ภาพยนต์ที่ผ่านตา ความเพ้อฝัน หนังสือบางเล่มที่ทำให้ฉุกคิดนิ่งสงบ การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ความคิดความรู้สึก ความทรงจำ ข่าวคราวบ้านเมือง หรือแม้แต่กระทู้พันทิป สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนให้กับเราได้ทั้งนั้นไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามที วันที่เราเปิดใจรับและเรียนรู้ วันนั้นก็คือวันที่ดีวันหนึ่ง วันที่เราจะเทสิ่งเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ สร้างคราบเปื้อนรอยด่างตะกอนที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเองที่น่าภูมิใจ ผมยังคงเป็นเด็กโง่คนหนึ่งเท่านั้น...และวันนี้ผมหวังว่ามันจะเป็นวันที่ดีอีกวัน ทั้งของผมและของคุณ

ALL POSTS
Views