วันนี้มินิมอร์เริ่มวันไม่ดีนัก (วันจันทร์ รถติด ร้องไห้ยิ่งกว่าดอกโศก-ดาวพระศุกร์) แต่การได้เลือกเรื่องราวดีๆ ที่เหล่า Makers เขียนเอาไว้ใน minimore ทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงได้มากเลยล่ะ ก่อนจะหมดวันอันหนักหน่วง มาอ่านเรื่องราวดีๆ กันเถอะ
ถ่ายรูปให้หน่อย โดย Mossy Tanayakorn
การไปท่องเที่ยวแล้วต้องขอให้คนอื่นถ่ายรูปให้... อะ จัดว่าปกติ เพราะบางทีเราไม่ได้มีเพื่อน แฟน หรือคนรู้จักที่จะไปด้วยแล้วผลัดกันถ่ายได้ ครั้นจะใช้เซลฟี่สติ๊กที่ฮิตกันช่วงก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้เหวยยย ถ้าใช้กล้อง DSLR ตัวใหญ่ ต้องเอาไม้หน้าสามทำเซลฟี่สติ๊กมั้ยถึงจะไม่หัก แบบว่ามุมมันไม่ใช่ ฟีลมันไม่ได้ แน่นอนว่าการถ่ายรูปให้คนอื่นนับเป็นเรื่องปกติเช่นกัน "ถ่ายรูปให้หน่อย" เลยเป็นประโยคที่คุ้นชินกันไป....แต่คุณ Mossy Tanayakorn พบนิยามใหม่ของคำว่า "ถ่ายรูปให้หน่อย" จากประเทศอินเดีย เมื่อ เจ้าถิ่น/คนที่เดินอยู่ริมถนน/คนที่เดินผ่าน/คนแปลกหน้า เดินมาบอกกับนักท่องเที่ยวให้ถ่ายรูปให้ แล้วใช้กล้องของเราด้วย เฮ้ย เฟี้ยว! ในความประหลาดใจ(ปนหวาดระแวง)นั้น มิตรภาพมันจู่โจมเข้ามาหาเราแล้ว ลองไปอ่านกัน แล้วจะพบว่าอินเดียนี่สุดยอดจริงๆ
02 : เจ้าชายน้อยของดากานดาโดย Khanom Supannika
เรื่องของคนกับความสัมพันธ์เป็นอะไรที่หาข้อจำกัดหรือชื่อเรียกได้ยากที่สุด กระทั่งร่องมาริน่าใต้ทะเลที่แสนลึก ปล่องภูเขาไฟใต้ทะเลสุดอันตราย คนยังไปสำรวจได้ แต่ใจคนนี่ไม่สามารถใช้เครื่องมืออะไรเพราะใจนั้นลึกและยากเกินหยั่งได้จริงๆ *คม/แปลงโคลงโลกนิติมาไง* คุณ Khanom Supannika พาเราไปพบกับเรื่องราวของความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง "เจ้าชายน้อย" ซึ่งมาจากหนังสือเรื่องดัง และดูกแปลงเป็นละครเวทีในภาพยนตร์เรื่องเพื่อนสนิท เมื่อความสัมพันธ์หนึ่งเกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร รูปแบบไหน คนเราก็ล้วนต้องรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นั้น...แต่เดี๋ยวนี้คนเราชอบสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกน่ะสิ แล้วข้อสังเกตนี้จะยังใช้ได้หรือไม่นะ
ทำไม Tinder ถึงไม่เวิร์คสำหรับผม โดย mcke3z
ถ้าสมัยก่อนมีลุงหนวด...ให้เราส่งจดหมายพร้อมรูปถ่ายไปลงคอลัมน์หาคู่ สมัยนี้เราก็มี Tinder แอพที่พาให้เราไปรู้จักคนใหม่ๆ เรียกเวลาแม้เวลาผ่านไป มนุษย์ก็ยังมองหาใครสักคน ที่จะมาสร้างความสัมพันธ์...หรืออาจจะพัฒนาไปเป็นความรักได้ แม้คุณ mcke3z จะตั้งชือ่โพสต์ว่า "ทำไม Tinder ถึงไม่เวิร์คสำหรับผม" แต่จริงๆ แล้วได้ให้ทริคหลายอย่างเดียวกับการใช้แอพนี้ไว้อย่างน่าสนใจ การตั้งโปรไฟล์ เขียน bio ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือการมอง Tinder และมองคนใน Tinder อย่างน่าสนใจ....เราตัดสินคนที่ First Impression มากไปหรือเปล่า? ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่จริงจังใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่คนใช้ต้องลองคิดล่ะ เพราะท้ายสุดขึ้นอยู่กับเราล้วนๆ ว่าจะปัดซ้ายทิ้งไป หรือเลือกแสดงความสนใจคนตรงหน้า
The sims theory เมื่อชีวิตสมบูรณ์แบบถูกกำหนดไว้อย่างเบ็ดเสร็จ โดย •|nw•ตัวน้O€“๛
บางคนอาจจะรู้จักเดอะซิมส์เพราะการวู้ฮู...(มี เชื่อเราเถอะ) บางคนรู้จักเพราะชอบสร้างบ้านเล่น ก็มีเหมือนกันที่เอาซิมส์ไว้สร้างตัวละครแทนการวาดรูป บ้างก็สร้างแพทช์โชว์ฝีมืออย่างสนุกสนาน *มองร้านหีบศพและร้านค้ารถเข็น* แต่ทุกคนก็ต้องกำหนดชีวิตให้ตัวละครทั้งนั้นหมดแหละใช่ไหม ซิมส์ยุคหลังๆ รองรับความสัมพันธ์ของ LGBT ด้วย (นี่ดีจัง) แล้วพอซิมส์มีชีวิต มีปณิธาน เรื่องการสร้างบ้านจึงไม่ใช่แค่เอามันแล้วล่ะ คุณ •|nw•ตัวน้O€“๛ เตือนให้เรานึกได้ว่า จริงๆ แล้ว เดอะ ซิมส์ มันคือการจำลองภาพของมนุษย์นี่เอง ทั้งปัญหาชีวิต ระบบสังคม กระทั่งความสัมพันธ์ แต่ชีวิตไม่มี motherlode น่ะสิ...ทำอะไรก็เลยต้องใช้ความระมัดระวังอีกนิด
09 ' : All Dessert in Desert Field (ฉันไม่ต้องการใครอีก)' โดย Neiw Chayanuns Mekasut
ในครัวขนมหวานเขามีอะไร? กว่าขนมสวยๆ จะออกมาให้เราเห็น ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลเน็ทเวิร์ค จนได้ลิ้มรสความอร่อยในที่สุดหลังจากครีมสดเริ่มละลายเกาะตัวไม่อยู่เพราะความร้อนของเมืองไทย ตามคุณ Neiw Chayanuns Mekasut เข้าครัวไปอีกครั้ง เมือ่การฝึกงานในโรงแรมพัดพาเขาเข้าไปอยู่สกิลที่ไม่ถนัดที่สุด อย่างครัวขนม! จุดที่หลายคนร้องเฮ้ย ว่าผู้ชายไม่น่าจะเหมาะกับขนมเลยนะ แต่มินิมอร์ได้ยินมาว่าพาติซิเย่ร์ระดับเทพนัน้เป็นผู้ชายเสียเยอะเลย *เปิดแสงออร่าข้างหลังให้พวกเขา* ขนมไม่เลือกคนกินฉันใด ขนมก็ไม่เลือกเพศคนทำฉันนั้น ตามไปอ่านเรื่องราวชีวิตในครัวขนมหวาน พร้อมกับรูปขนมที่ผ่านบ้างโดนเชฟใหญ่ติกลับมาบ้างกัน
ชื่อวงศิลปิน +【譲】…【求】… = อะไรอ่ะ? โดย w-an.
ความเชื่อผิดๆ ของมักเกิ้ลนอกวงการติ่งอย่างหนึ่ง คือการติ่งนั้นไม่ต้องใช้อะไรมากหรอก นอกจากความบ้าและเงิน...อื้อ ถูก (อ้าว) ก็การติ่งที่ไม่เสียเงินมันมีที่ไหนเล่า! *มินิมอร์ซบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือ* แต่การติ่งหรือเป็นแฟนซัมติงนี่นอกจากจะใช้สองสิ่งข้างต้นแล้ว ยังต้องอาศัยความรู้หลายๆ อย่างนะคุณ w-an. ผู้มีความรู้ภาษาญีปุ่่น แน่นอนว่ามีความชอบเกี่ยวกับทางนั้น เขียนโพสต์แนะนำข้อมูลด้านภาษาเกี่ยวกับการแลกของในแวดวงติ่งค่ะ แล้วทำไมต้องแลกของ ต้องแลกในโกดังร้างมั้ย! (ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ...) ที่ต้องแลกของเพราะว่าค่ายเพลง/ค่ายหนัง/ค่ายอนิเม นั้นช่างร้ายกาจ ทำของพรีเมียมออกมาหลายชุด แต่ละชุดแถมกับซีดีต่างอีดิชั่นงี้ บางทีก็แจกการ์ดมา แต่เหยยย แผ่นที่ซื้อไม่ใช่คนที่ชอบ ไม่ใช่เมนไง พอมีหลายๆ คนเข้าก็เลยเกิดวัฒนธรรมแลกของขึ้นมา เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินซื้อใหม่ เห็นไหม เอื้ออารีกันขนาดนี้เลยนะ
ตามล่าหากระเบื้อง โดย Sirada Pichayapaiboon
ในแต่ละประเทศล้วนมีสถาปัตยกรรมต่างกันออกไป อย่าว่าแต่ประเทศเลย แค่เมือง หรือย่าน ก็มีสีสันของตัวเองอันเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน คุณ Sirada Pichayapaiboon ค้นพบความสวยงามของ O Porto หรือเมืองปอร์โต้ ซึ่งเป็นเมืองแรกที่ได้ไปใช้ชีวิตในโปรตุเกส พื้นถนนในเมืองจะเป็นถนนปูหินคล้ายเมืองในยุโรปหลายๆ เมือง มินิมอร์รู้มาว่ามันทำให้่สาวๆใส่ส้นสูง และคนใช้รถเข็นลำบากถึงกับมีการล่ารายชื่อเพื่อเปลี่ยนถนนเลยนะ (ที่ไทยลองไปดูทางเดินเข้าพระบรมมหาราชวังได้จ้ะ) แต่ที่เด่นเสียจนละสายตาไม่ได้ คือการเอากระเบื้องหลากสี และลวดลายมาประดับตกแต่งอาคาร คือไม่ใช่กระเบื้องลายๆ แพทเทิร์นซ้ำเท่านั้นนะ บางตึกนี่มีเป็นภาพวาดด้วย โอ้โห ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมนี้ ต้องชมคนที่บำรุงรักษาด้วยแหละ
Me Before You -- [Book Review]เพราะความรักไม่ใช่แค่การอยู่ด้วยกันตลอดไป โดย laurenprsley_
กลัวสปอยล์อย่าอ่านโพสต์นี้นะ (บอกไว้ก่อน เราไม่นิยมสปอยล์แบบไม่ทันตั้งตัว) แต่ถ้าคิดว่าการสปอยล์นัน้ไม่สำคัญเท่าการได้รู้จักหนังสือดีๆ สักเรื่องหนึ่ง แนะนำให้ลองไปอ่านโพสต์ของคุณ laurenprsley_ เลย Me Before You เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ร่างกายสมบูรณ์ดี แต่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อครอบครัว จนกระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของตัวเองจริงๆ คืออะไร กับเศรษฐีหนุ่มที่ทำทุกอย่างที่อยากทำมาหมดแล้ว จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุและขยับไม่ได้ เธอได้มาทำงานเป็นผู้ดูแลเขา ส่วนเขาคือคนที่ได้รับความช่วยเหลือ...แต่ท้ายสุดแล้วทั้งสองก็ต่างช่วยกันและกัน ประเด็นที่น่าสนใจคือการมองหาคุณค่าของชีวิต ผ่านตัวละครที่ต้องมีชีวิตแต่ไม่ได้ใช้ชีวิต กับตัวละครที่เคยได้ใช้ชีวิต และอยากจบชีวิตตัวเอง... การแสดงเจตจำนงในการจบชีวิตตัวเอง เป็นสิ่งที่หลายประเทศยอมรับแล้ว แต่ก็ยังเป็นประเด็นอยู่ดีเนอะ ลองไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ และเหตุผลว่าทำไมพระเอกถึงเลือกเช่นนั้นกัน
พันทิปกับโซเชียลเน็ทเวิร์ค และคอมเม้นต์ที่หายไป โดย สตรีมีแมว
ในยุคก่อนหน้าเราใช้ชีวิตกับสังคมเหมือนจริงไม่ต่างจากตอนนี้ แต่พฤติกรรมของคนนั้นเปลี่ยนไป โซเชียลมีเดีย/โซเชียลเน็ทเวิร์กนั้นเป็นรูปแบบสังคมใหม่ และมีอิทธิพลต่อทุกแขนง ไม่ว่าจะสายสถิติ การตลาด การลงทุน หรืออื่นๆ แต่ก่อนหน้านี้ยังจำได้ไหมว่าเราใช้ชีวิตกันแบบไหนในโลกเสมือนจริงนี้? (ให้เวลาคิดจนกว่าจะอ่านวงเล็บนี้จบ จบยัง จบมั้ย หมดเวลา) ก่อนหน้านี้คือยุคของเว็บบอร์ดไงล่ะ! มีหลายเว็บบอร์ดที่เฟื่องฟู และมีไม่มากนักที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นที่ผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงของยุคมาได้ ก็คือเว็บ PANTIP หรือ พันทิป นั่นเอง แต่ว่าพันทิปเองก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างไปตามพฤติกรรมคนใช้ อย่างการทำปุ่มแชร์ไปยังโซเชียลเน็ทเวิร์กน่าจะเห็นได้ชัด แล้วยังมีอะไรอีก ตามคุณ สตรีมีแมว ไปอ่านได้เลย
Power of Words โดย geekjuggler
Prince จากไปแล้ว แล้วเขาคือใคร? ทำไมเด็กรุ่นนี้ไม่รู้จัก Prince คือเจ้าของเพลงดังอย่าง Kiss และ Purple Rain ที่มินิมอร์บอกได้เลยว่าเป็นเพลงที่จริตแฮ่นมาก แต่ชอบเหลือเกิน ที่เหนือกว่านั้นคือเขาเป็นมือกีตาร์ชั้นยอดอีกด้วย แต่คนมักจดจำรูปลักษณ์เฟี้ยวๆ ของเขาได้มากกว่า และที่เด็กรุ่นนี้ไม่ค่อยรู้จักเพราะแกสั่งลบทุกคลิปจาก youtube และที่อื่นๆ หมดไงล่ะ นัยว่าอยากฟังเพลงข้าต้องมาดูสดหรือฟังแผ่นเว้ยยย เด็กๆ เลยไม่ได้รับทราบความคูลสักเท่าไหร่และงงเมื่อคนดังมากมายออกมาไว้อาลัยกับการจากไปของชายผู้นี้ หลายคนโพสต์เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไว้อาลัยกันยาวยืด แต่บทความที่คุณ geekjuggler เอามาให้ดู ยอมรับเลยว่าคมมาก เขาใช้คำว่าอะไร มีด พร้า หรือมีดผ่าตัด ไปดูได้...แต่มินิมอร์เห็นด้วยนะ ปี 2016 นี่มันยากเกินทานทน เปิดปีมาก็เสียศิลปินที่รักติดๆ กันเยอะเกินไป จนสงสัยว่าสวรรค์จะจัดเทศกาลดนตรี Glastonbury หรือ Coachella บนโน้นเหรอ เรียกตัวไปเยอะจัง โกรธแล้วนะ
แถมเพลงของ Prince ให้ฟังจ้ะ Kiss ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลงจะหายไปไหม แต่อยากให้ออฟฟิเชียลอัพเพลงทั้งหลายเก็บไว้จัง ;_;