เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่นแร่แปรวัตถุดิบ...รวมเรื่องชุดโดยนักเรียนเขียนเรื่องอ่าน-คิด-เขียน
LUNCH: อาหารกลางวันบนชั้น 21
  • รื่องสั้นโดย...วรันพร ตียาภรณ์  ผลงานลำดับที่  12  ในคอลัมน์ "เล่นแร่แปรวัตถุดิบ" คลิกเพื่ออ่าน.....บทนำ: เล่นแร่แปรวัตถุดิบ...รวมเรื่องชุดโดยนักเรียนเขียนเรื่อง 2018 ได้ที่นี่



              ไก่กรอบซอสมะนาว…เมนูธรรมดาๆ ที่ทำให้น้ำลายสอ แค่คิดภาพไก่ทอดกรอบๆ ข้าวสวยอุ่นๆ ราดตัดกับซอสมะนาวเปรี้ยวจี๊ดก็ทำให้รู้สึกกระปรี่กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ยิ่งถ้าในเวลาง่วงๆ เหนื่อยๆ แบบนี้ เมนูอาหารกลางวันมื้อนี้คงช่วยชุบชีวิตได้ดีทีเดียว

              ฉันนั่งเหม่อคิดถึงเมนูอาหารกลางวันที่ได้สั่งไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ระบบข้าวกลางวันของบริษัทคือพนักงานจะต้องสั่งอาหารตามเมนูที่มีมาให้เลือกล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์
              
              ทุกๆ เที่ยงจะมีข้าวกล่องติดชื่อของทุกคนวางไว้ที่ห้องอาหารตามเมนูที่สั่งไป เป็นสวัสดิการที่บริษัทมอบให้ เหล่าพนักงานออฟฟิศทั้งหลายจะได้ไม่ต้องลงจากตึกชั้น 21 เพื่อไปซื้ออาหารให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่พวกเขาก็มักบ่นว่ารสชาติอาหารที่บริษัทเตรียมให้ออกจะเย็นชืดเกินไปสักหน่อย หลายๆ คนจึงเลือกใช้บริการสั่งอาหารจากร้านอาหารชื่อดังขึ้นมาแทน 

              เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ทุกคนก็ทยอยลุกออกจากโต๊ะทำงานตรงดิ่งไปยังห้องอาหาร ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งคิดถึงรสชาติไก่กรอบซอสมะนาวที่กำลังจะได้ลิ้มรสก็ยิ่งตื่นเต้น ฉันหยิบกล่องข้าวที่เขียนชื่อตัวเองไว้ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะประจำติดกับกระจกบานโปร่ง มองออกไปข้างนอกก็เห็นวิวตึกสูงหลายตึกของมหานครลดหลั่นกันไปราวกับกำลังนั่งดินเนอร์หรูอยู่บนตึกระฟ้า

              ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉันเปิดกล่องข้าวออกทันทีด้วยความหิวโหย… แต่แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ

              ในกล่องมีข้าวสวยโปะทับด้วยไก่ทอดประมาณห้าชิ้น มีถ้วยพลาสติกเล็กๆ ใส่น้ำซอสวางอยู่บนข้าว และมีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีอยู่ด้วย
     
              …มันเป็นไข่เจียวชิ้นเล็กๆ ตัดเป็นทรงสามเหลี่ยมสองชิ้น ไข่เจียวพวกนี้ดูอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างสิ้นเชิงราวกับแม่ครัวทำมาเหลือแต่ก็เสียดายหากจะทิ้งไปจึงจับมันมาโยนใส่กล่องแบบส่งๆ 

              ไม่มีใครอยากได้ไข่เจียวเมื่อกดสั่งเมนูไก่กรอบซอสมะนาว …ต่างจากกรณีของข้าวผัดกะเพราะที่ผู้สั่งมักจะคาดหวังไข่ดาวราดข้าวมาด้วย 

              ฉันจึงเลือกที่จะเขี่ยไข่เจียวออกไปจากกล่องข้าว

              “ส้มก็ไม่กินเหมือนกันเหรอ” พี่โน๊ต พี่แผนกมาร์เก็ตติ้งที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม ตรงหน้าเขาก็มีไข่เจียวสองชิ้นถูกเขี่ยออกมานอกกล่องข้าวเช่นกัน

              “อืมม ส้มไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ” ฉันตอบ

              “พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน เขาทำไข่เจียวจืดๆ นะว่าไหม” พี่โน๊ตบ่นพลางตักอาหารเข้าปาก ฉันยิ้มแหะๆ ให้พี่เขาก่อนจะเริ่มตักข้าวกินด้วย สายตาจับจ้องไปยังไข่เจียวที่ถูกทิ้งขว้าง จะว่าไปแล้ว…ฉันกับไข่เจียวก็มีอะไรที่เหมือนกันอย่างแปลกประหลาด 

              ถ้าหากกล่องข้าวกล่องนี้คือที่ทำงาน…ฉันก็คงไม่ต่างอะไรกับไข่เจียว
              เด็กจบใหม่หลายคนก็คงรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนกับไข่เจียวในข้าวไก่กรอบซอสมะนาวนี่ล่ะ
     
              “ส้มมาทำงานได้กี่วันแล้วนะ ถึงอาทิตย์หรือยัง” พี่โน๊ตชวนคุย

              “ก็…เกือบอาทิตย์แล้วล่ะค่ะ”
              “อ๋อ แล้วชอบที่นี่ไหม มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะ” พี่โน๊ตบอก ฉันยิ้มตอบ

              หลังจากเป็นไข่เจียวที่ถูกเขี่ยทิ้งมานานหลายเดือน ฉันก็กลายเป็นไข่เจียวที่มีคนเลือกเก็บเอาไว้ในกล่องข้าวด้วยสักที …ถึงแม้ว่าจะยังไปไม่ถึงขั้นไข่ดาวในข้าวกะเพราก็เถอะ

              ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สงสัยว่าชั้นเดียวกันของตึกตรงกันข้ามจะมีพนักงานออฟฟิศนั่งกินข้าวเหมือนกันอยู่ไหม

              “ข้าวสวยแฉะไปหน่อยเนอะ” พี่นัทที่นั่งเยื้องกับฉันบ่นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาย่นหน้าแต่ก็ตักข้าวเข้าปาก น่าแปลกที่ทั้งพี่โน๊ต พี่นัท แล้วก็ฉันต่างก็เลือกเมนูไก่กรอบซอสมะนาวเหมือนกันหมด ท่าทางจะเป็นเมนูยอดฮิตประจำวันจริงๆ

               “นั่นสิ เมื่อไหร่จะได้กินข้าวสุกพอดีบ้างนะ” พี่โน๊ตหัวเราะขำๆ ฉันเขี่ยเจ้าข้าวสวยแฉะๆ ในกล่องเล่น 

              ถ้าถามว่าในกล่องข้าวนี้อะไรสำคัญที่สุด ฉันก็คงตอบว่าข้าวสวยนี่ล่ะ ถึงแม้ว่าหลายๆ คนมักจะไม่ให้ความสนใจและลืมเลือนมันไป แต่ข้าวสวยก็เป็นเหมือนรากฐานของทุกสิ่ง 
              ถึงแม้กับข้าวจะเปลี่ยนไปทุกวันๆ แต่ข้าวสวยก็ยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ

              มันเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยย้ำเตือนถึงความซ้ำซากจำเจที่ฉันต้องเจอในออฟฟิศ
              ตื่นแปดโมงเช้า อาบน้ำ นั่งบีทีเอสที่แออัดยัดเยียดมาทำงาน พอพักเที่ยงก็ต้องมาเจอกับเจ้าข้าวสวยนี่ทุกๆ วัน เหมือนเป็นลูปอาถรรพ์ของการทำงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

              ข้าวสวยเม็ดเล็กๆ ในกล่องคลุกเคล้าไปกับไก่ทอด ฉันรู้สึกราวกับพวกมันกำลังจ้องมองมาด้วยแววตาเยาะเย้ย ใช่สิ ก็ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเจอพวกมันทุกวันนี่นา 

              “เมื่อวานก็แข็งเกิน วันนี้ก็อย่างกับข้าวต้มเลย” พี่นัทบ่น

              เอ๊ะ
              จริงด้วย

              ฉันยิ้มมุมปาก จริงๆ แล้วอะไรเดิมๆ แบบข้าวสวยก็ไม่เคยเหมือนเดิมซะทีเดียว

              “พี่ว่าพี่ชอบข้าวแฉะๆ แบบนี้มากกว่าข้าวแข็งๆ เมื่อวานนะ พอกินกับไก่ทอดที่แข็งด้วยอย่างนี้แล้วก็อร่อยดี” พี่โน๊ตร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติ ทั้งสองคนสวมบทบาทเป็นนักวิจารณ์อาหารผู้เก่งกาจ

              “อืม ก็คงจริงนะ” พี่นัทเห็นด้วย พวกเขาเงียบลงราวกับต้องการดื่มด่ำกับรสชาติอาหารตรงหน้า

              ในกิจวัตรที่ซ้ำซากจำเจอย่างการกินข้าวเที่ยงทุกวันแบบนี้…ไม่เคยมีวันไหนที่เหมือนเดิมจริงๆ แม้แต่บทสนทนาในวันนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาด รวมไปถึงเจ้าไก่กรอบซอสมะนาวตรงหน้าด้วย

              “เฮ้ย กินกันไม่ชวนเลยว่ะ” พี่พลอย หัวหน้าแผนกเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย เธอเป็นผู้หญิงห้าวที่ชอบพูดคำหยาบกับทุกคนในออฟฟิศ ฉันรู้ในทันทีว่าโต๊ะกินข้าวจะไม่เงียบอีกต่อไป

              “นี่เลือกไก่กรอบเหมือนกันหมดเลยเหรอวะ” พี่พลอยอุทาน ตอนนี้เราสี่คนเหมือนเป็นสมาคมนิยมไก่กรอบซอสมะนาว… ทั้งๆ ที่เมนูมีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่เป็นครั้งแรกที่เราเลือกได้ตรงกันมากขนาดนี้

              “เออนั่นดิ” พี่โน๊ตพูดอย่างงงๆ ในขณะที่พี่พลอยเริ่มตักอาหารคำแรกเข้าปาก

              “ไก่…” อยู่ๆ เธอก็ชะงักกึก พวกเราหยุดกินและหันไปมองพี่พลอยด้วยความพร้อมเพรียงกัน ฉัน พี่โน๊ต และพี่นัทที่กินหมดไปครึ่งค่อนกล่องแล้วก็พอเดาได้ว่าพี่พลอยกำลังจะพูดอะไรออกมา

              “ไก่…ทำไมไก่มันแข็งอย่างกับหินแบบนี้วะ เย็นชืดชิบหาย” พูดจบ พี่พลอยก็วางช้อนส้อมลง พวกเราสามคนที่รอฟังอยู่ก็หัวเราะพรืดออกมา นั่งกินมาตั้งนาน เพิ่งมีคนกล้าวิจารณ์ไก่ทอดออกมาดังๆ นี่ล่ะ

              ไก่เป็นเหมือนแกนหลักของอาหารมื้อนี้ เป็นวัตถุดิบหลักที่จะบ่งบอกว่าอาหารจานนี้อร่อยไหม ข้าวหรือไข่เจียวจะรสชาติดีหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่ถ้าไก่ไม่ได้เรื่อง ทุกอย่างก็จบ 

              “โธ่ กินๆ ไปเถอะพี่ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นป่ะ” พี่โน๊ตพูด

              “ไม่แย่กับผีสิ หมายังไม่แดกเลย!” พี่พลอยสบถพร้อมกับส่ายหน้า เป็นจริงอย่างที่เธอพูด ไม่มีอะไรดีสักอย่างในกล่องข้าวกล่องนี้ แต่ทั้งฉัน พี่นัทกับพี่โน๊ตต่างก็ก้มหน้าก้มตากินโดยพยายามพูดเลี่ยงปัญหาใหญ่ที่สุดที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครสักคนกล้าพูดถึงไก่ทอดทั้งๆ ที่เราต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ 

              “แล้วซอสนี่เป็นไงวะ กินด้วยแล้วจะอร่อยขึ้นป่ะ” พี่พลอยแกะซอสมะนาวที่อยู่ในถ้วยพลาสติกออก จริงสิ…ฉันก็ยังไม่ได้ลองชิมซอสดูเลยนี่นา ฉันกับพี่พลอยเลยจิ้มไก่ในซอสและเอาเข้าปาก

               ซอสอาจจะไม่อร่อยแต่ก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะมั้ง…

              “ไอ้ฉิบหาย” 

              “เป็นไรพี่” พี่โน๊ตถึงกับสะดุ้ง

              “ขนาดซอสมะนาวแม่งยังปลอมเลยว่ะ นี่มันซอสมายองเนสชัดๆ” 

              รสชาติเปรี้ยวปะแล่มๆ ในปากตอกย้ำถึงความจริงอันน่าเจ็บปวด….แม้ซอสจะมีความเปรี้ยวแต่ก็ให้ความรู้สึกแบบปลอมๆ ไม่สดชื่นจี๊ดจ๊าดแบบรสชาติของมะนาวที่จินตนาการไว้ในตอนแรก ...ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด

              นี่สรุปฉันกินข้าวไก่กรอบซอสมายองเนสมาตลอดเลยเหรอนี่ 

               “เออใช่ ดูตอนแรกผมก็นึกว่าจะเป็นซอสมะนาว หน้าตาเหมือนกันเลย แต่แม่งของปลอมซะงั้น” พี่โน๊ตผสมโรง

               “ไม่กงไม่กินมันล่ะ กูแม่งเซ็ง” พี่พลอยถอนหายใจ แม้แต่ฉันที่เฝ้ารอพักเที่ยงมาตลอดก็เริ่มหมดแรงที่จะกินอาหารตรงหน้าซะแล้ว ซอสมายองเนสทำให้ฉันหมดศรัทธาในอาหารมื้อนี้อย่างสิ้นเชิง 

              “พวกมึงรู้ป่ะ วาดแม่งสั่งงานเยอะชิบ” เธอเปลี่ยนบทสนทนา บ่นถึงพี่วาดที่เป็นหัวหน้าของเธออีกที พี่พลอยมักจะบ่นให้ฟังถึงปริมาณงานอันมหาศาลที่เธอได้รับอยู่บ่อยๆ ฉันได้ยินจนชินชาแล้วล่ะ

              “แม่งเอ๊ย คิดว่ากูมีเป็นสิบมือล่ะมั้ง สั่งงานอย่างกับกลัวว่าจะใช้งานไม่คุ้ม” เธอพูดใส่อารมณ์จนน้ำลายกระเด็นมาโดนตัวฉัน

               “พี่ก็บอกพี่วาดไปตรงๆ สิว่าทำไม่ไหว” พี่นัทเสนอ

               “ได้ที่ไหนล่ะ เฮ้อ คว…” อยู่ๆ พี่พลอยก็ชะงัก เธอหุบปากที่กำลังจะอ้าออกกระทันหัน ฉันมองตามสายตาพี่พลอยไปก็พบสาเหตุที่ทำให้เธอหยุดพูด… พี่วาดกำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร เธอเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ใส่ชุดกระโปรงยาวสีชมพูสด เมื่อเธอเห็นพี่พลอยนั่งอยู่ที่โต๊ะ ริมฝีปากสีแดงสดก็คลี่ยิ้มออก พี่วาดเดินดุ่มๆ มาทางนี้ทันที

              “หวัดดีจ้ะพลอย พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”

              “อ๋อได้สิคะพี่วาด นั่งเลยๆ เหลือที่เยอะแยะ” พี่พลอยหันไปยิ้มหวาน แทบจะเป็นคนละคนกับเมื่อกี้ชนิดหน้ามือหลังเท้า ฉันปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

              “เออแล้วงานที่พี่สั่งไปโอเคไหม เยอะเกินไปหรือเปล่า” ฉันหลุบสายตาลงจ้องไก่กรอบซอสมะนาวตรงหน้าเมื่อได้ยินคำถามนี้จากพี่วาด กลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้นอาจจะเผลอแสดงพิรุธอะไรบางอย่างออกไป

              ให้ตายสิ กระอักกระอ่วนเป็นบ้า

              “ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่วาด พลอยทำได้สบายมาก” ฉันได้ยินเสียงใครคนหนึ่งสำลักข้าว แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเงยดูว่าเป็นใคร บรรยากาศการกินร้อนระอุขึ้นอย่างกระทันหัน แม้ว่าพี่พลอยกับพี่วาดจะพูดเพราะใส่กัน แต่ฉันกลับรู้สึกถึงคมดาบที่ทั้งสองคนซ่อนอยู่ข้างหลัง 

    เราต่างพูดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
    นอกเสื้อเชิ้ตยีนส์ไม่มีใครเห็นแผล
    ตะเข็บด้ายเหมือนรอยตะขาบ
    แผลอักเสบร้าวไข้โดดเดี่ยว
    เปล่าเลย…เราจ้วงแทงกันอีกไม่ยั้ง
    เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้ตายคนเดียว.

              บางทีฉันก็รู้สึกว่าชีวิตพนักงานออฟฟิศคือการออกรบทุกวันทำงาน
              เราต่างทำตัวเป็นซอสมายองเนสในคราบซอสมะนาวต่อกันและกัน

              “ทุกคน! อย่าเพิ่งอิ่มกันนะ เอมกับฟ้าเพิ่งสั่งอาหารมาจากข้างนอก” ทันใดนั้นเอง พี่ในแผนกเดียวกันกับฉันอีกสองคนก็เดินหิ้วถุงอาหารมากมายเข้ามา บรรยากาศที่มาคุเมื่อกี้พลันมลายหายไป

              “สุดยอดครับ” พี่นัทแทบจะโยนข้าวกล่องในมือทิ้ง อาหารหลากหลายชนิดที่นำมาจากร้านข้างนอกดูเหมือนจะสร้างความตื่นและความสดใสร่าเริงให้กับทุกๆ คนอีกครั้ง

              ถึงเวลาบอกลาเจ้าไก่กรอบซอสมะนาวปลอมๆ แล้วสินะ
              ฉันเอื้อมมือไปหยิบฝาพลาสติกเพื่อที่จะปิดผนึกกล่องข้าว…แต่ไข่เจียวสองชิ้นที่ถูกทอดทิ้งในตอนแรกนั่นกลับทำให้ชะงัก
              …ลองกินดูสักคำคงไม่เสียหาย

              ฉันใช้ช้อนตัดไข่เจียวเป็นคำเล็กๆ แล้วนำไปจิ้มซอสมะนาว(?) ตักไก่กับข้าวสวยแฉะๆ อย่างละนิดเข้าปากพร้อมกัน

               รสชาติของทุกอย่างผสมปนเป

    ไข่เจียวแห้งๆ ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง
    ข้าวสวยธรรมดาที่แฉะกว่าเมื่อวาน
    ไก่ทอดที่แข็งราวกับหิน
    และซอสมะนาวที่กลายเป็นมายองเนสไปซะงั้น




              ฉันเคี้ยวทุกอย่างช้าๆ และเหม่อออกไปนอกหน้าต่างชั้น 21
               ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้รสชาติทั้งหมดกลมกล่อมขึ้นมาแปลกๆ


              เออ…ก็ไม่เลวแฮะ 



    ———————————————————————————


    กว่าจะเป็นงานเขียนชิ้นนี้

    เริ่มจากการอยากถ่ายทอดรสชาติชีวิตของพนักงานออฟฟิศผ่านอาหารหนึ่งจาน
    จริงๆ อาหารจานนี้ยังต้องมีอะไรมากกว่านี้เยอะแต่กลัวว่าจะยาวเกินไป
    ลุ้นสุดคือไม่รู้ว่าสุดท้ายงานที่ทำออกมาจะเข้ากับงานของเพื่อนในกลุ่มไหม 555

    ได้รับแรงบันดาลใจจากไก่กรอบซอสมะนาวจอมปลอมที่ปลอมแม้กระทั่งน้ำซอส :(

    ทุกอย่างที่เหลือเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งสิ้น

    วรันพร ตียาภรณ์ 

    -----------------------------------------

    ผู้สนใจสามารถคลิกที่ชื่อเรื่องเพื่อเข้าถึงงานเขียนเรื่องนั้นๆ  

    ผลงานชุด “LUNCH” ประกอบด้วย 

    - เรื่องสั้น “อาหารกลางวันบนชั้น 21” โดย วรันพร ตียาภรณ์  
    - เรื่องสั้น อาหารฝันกลางวัน” โดย ชัญญานุช ปั้นลายนาค  

    - เรื่องสั้น “อาหารกลางวันที่เจ้าบ้านหายไป” โดย ณิชา เวชพานิช

    วัตถุดิบ
    - บทกวีคำซ้ำเรื่อง “อาหารมื้อกลางวัน” ของ จ่าง แซ่ตั้ง
    - บทกวีเรื่อง “เราต่างพูดว่าไม่เป็นไร” ของ โรสนี นูรฟารีดา
    - ความเรียงเรื่อง “ดอกไม้ของใบหญ้า” ของ รักษิตา
    - คำว่า “บางที” ในคลังคำ ของ รศ.ดร.นววรรณ พันธุเมธา

    -----------------------------------------

    ผลงานเรื่องอื่นๆ สืบเนื่องจากกิจกรรม "เล่นแร่แปรวัตถุดิบ"

    ผลงานชุด “ความทรงจำ” ประกอบด้วย
    - ความเรียงเรื่อง “ให้ความทรงจำเป็นเหมือน ‘ขยะ’” โดย สิริโชค โกศัลวิตร   
    - เรื่องสั้น “ชื่อที่ไม่มีวันลืม” โดย ปุณยาพรสุข ศาลาสุข 
    - เรื่องสั้น This white dog and that white wolf โดย พิมพ์ภาณิณ โชติมา

    ผลงานชุด “ต้นไม้” ประกอบด้วยเรื่อง 

    - เรื่องสั้น “พักพิง” โดย บุณฑริกา จิตพินิจกุล
    - เรื่องสั้น  “ต้นไม้โตขึ้นบ้าง หรือ กระถางเล็กลงหน่อย” โดย ธีรศักดิ์ คงวัฒนานนท์
    - เรื่องสั้น  “ ‘กระถิน’ ปลูกลงดินไม่ได้” โดย จุฬารัตน์ กุหลาบ

    ผลงานชุด “หมู่บ้านล้านดอก” ประกอบด้วย

    - เรื่องสั้น “ดอกบัว”  โดย นันทวัน มงคลสถิต                                                                                                 - เรื่องสั้น “กะฮอม”   โดย เมธินี โสภา                                                                                                                  - เรื่ิองสั้น “ดาวเรือง”  โดย ณฐพร ส่งสวัสดิ์ 


    ผลงานชุด “ชะตากรรม” ประกอบด้วยเรื่อง 
    - เรื่องสั้น “กรำชะตา” โดย พิชญา วินิจสร 
    - เรื่องสั้น “กำชะตา” โดย ณิชมน จันทวงศ์ 


    ผลงานชุด “เด็กเด็กเด็ก” ประกอบด้วย

    ความเรียง ฉันผิดที่เป็นเด็กสายศิลป์” โดย ธนวิชญ์ นามกันยา 
    - เรื่องสั้น คุยกับเด็กในความทรงจำ”  โดย ปิยภัทร จำปาทอง 
    - เรื่องสั้น ดอกแก้วแลดาวเหนือ”  โดย กัลยรัตน์ ธันยดุล  




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in