มินิมอร์ชวนเพื่อนๆ ดู "นักเขียนบทซีรีส์" ที่ทำงานในฮอลลีวูดเล่าเรื่องราวการทำงานของเขากัน ความพิเศษนอกจากที่ 'เธอ' ทำงานให้ซีรีส์ในเครือ Marvel แล้วนั้น *มินิมอร์กรี๊ดแรง* เธอยังมีเชื้อสายไทยอีกด้วยแน่ะ เธอคือคุณ Maurissa Tancharoen หรือที่เรียกแบบไทยๆ ว่า มาริสสา ตันเจริญ และชื่อเล่นของเธอคือ Mo มาทำความรู้จักกับตัวเธอและงานของเธอกัน
(ภาพจาก stark-wolfspectrum.tumblr.com )
ถ้าพูดถึงมาร์เวลแล้วไม่ใส่โลโก้นี่รู้สึกขาดๆ
เคยไหมที่เราดูซีรีส์โปรดอยู่ แล้วถึงกับต้องสบถออกมา เมื่อเรื่องราวที่ดำเนินอยู่นั้นมันช่างลึกล้ำ หักมุม จนเรานั้นไม่ได้ทันตั้งตัว บางครั้งเรื่องในซีรีส์ก็มีความลึกซึ้ง ดื่มด่ำในอารมณ์เสียจนทำให้เรายิ้มหรือร้องไห้ไปได้ การกำกับก็เป็นสิ่งสำคัญ การแสดงก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่า...จุดตั้งต้นของทุกอย่างคือ 'บท' เพราะบทโทรทัศน์นั้นเปรียบเสมือนหางเสือเรือที่กัปตันถือเอาไว้เพื่อนำทาง ถ้าเบนหางเสือผิดก็พังทั้งหมด
เป็นงานที่สำคัญมากนะเนี่ย เพราะซีรีส์เรื่องไหนจะสนุกหรือไม่ จะได้ต่อสัญญาทำอีกภาคหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับความสนุกของเนื้อหาที่นำพามาด้วยเรทติ้ง!
มินิมอร์ไปงาน Bangkok Comic Con ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนากับเพื่อนๆ มาเมื่อวันที่ 30 เมษายน สารภาพตรงๆ คือไปเพื่อเดินเล่นและติ่งโน่นนี่ตามประสา แต่! พอเห็นในตารางก่อนวันงานไม่นานว่า Maurissa Tancharoen (จากนี้ของเรียกคุณโม) จะสไกป์คุยจากอเมริกา! ก็เลยตัดสินใจว่าเอาน่ะ! ไปเช้าหน่อย จะได้ฟังเรื่องราวดีๆ จากเธอเชียวนะ เมื่อมาถึงงานก็ใกล้เวลาสไกป์พอดี แต่ที่พีคกว่านั้น ไม่ใช่แค่คุณโมคนเดียวที่จะมาสไกป์ แต่มี Jed Whedon (คุณเจด วีดอน) น้องชายของผู้กำกับ Joss Whedon (จอส วีดอน) แห่ง The Avengers ด้วย ซึ่งทั้งคุณเจดและคุณโมเป็นสามีภรรยากัน ทั้งสองได้ร่วมกันสร้างซีรีส์ Marvel's Agents of S.H.I.E.L.D. ขึ้นมา ตอนนี้ season 3 ใกล้จะจบ และได้รับการ renew สร้างซีซั่น 4 แล้วด้วย!
(ภาพจาก geekcrash.files.wordpress.com)
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์ได้ Marvel's Agents of S.H.I.E.L.D.
"ยังไม่ได้ลายเซ็นแคปฯบนการ์ดเลย" #มิตรสหายท่านหนึ่ง ที่ได้แต่ติ่งกัปตันอเมริกาอยู่ในเงามืด
ซีรีส์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยชิลด์ และการหลบซ่อนอยู่ในเงามืดเมื่อโลกทั้งโลกรับรู้ว่าชิลด์ล่มสลาย หลังจากเหตุการณ์ใน Captain America : Winter Soilder (ss1) ชิลด์ที่อยู่ในเงาต้องเผชิญกับภัยใหม่ของผู้มีพลังพิเศษที่เรียกตัวเองว่า Inhumans - อินฮิวแมน (ss2) และ การสืบไปจนถึง 'หัว' ของไฮดร้า และความจริงอันน่าตื่นตะลึง สิ่งที่ทำให้แฟนมาร์เวลหลายคนกุมขมับ คือเนื้อหาของซีรีส์และจักรวาลหนังนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ตามสโลแกนที่แฟนจำแม่นว่า "It's All Connected" แล้วนักเขียนบทที่ทำให้โยงกันได้หมดเนี่ย เจ๋งอะ!
ไปดูการทำงานของเขากันดีกว่า
คุณโม บอกกับพิธีกรและผู้ชมในงานว่า "รู้สึกโชคดีทีไ่ด้ทำงานนี้ เพราะโปรดิวเซอร์ทุกคนนั้นสนิทกัน เหมือนทำงานกับเพื่อน"
(ภาพของคุณโมจากอินสตาแกรม Ming Na Wen ผู้เล่นเป็น Agent Melinda May)
การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานก็สำคัญ เพราะซีรีส์เรื่องหนึ่งไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องผ่านการลงแรงจากหลายฝ่าย ถ้าช่วยกันทำงานตามหน้าที่ของตนเองอย่างตั้งใจ ผลลัพธ์มันก็มีแนวโน้มที่จะออกมาดีนะ
"ฉันได้เข้ามาในวงการฮอลลีวูดตอนอายุสิบสองน่ะ เล่นมิวสิควิดีโอเพลง BAD ของ ไมเคิล แจ็คสัน ส่วนการเขียนบทนี่เริ่มเขียนตอนมหาวิทยาลัย แต่เป็นบทละครเวที" คุณโมเล่าต่อ นอกเหนือจากที่เธอเป็นนักเขียนบท เธอยังเคยเป็นนักร้อง นักแสดง และนักเต้นอีกด้วย โอ้โห ฟูลออฟชั่นมาก
"พูดไทยได้นิดหน่อย" คนฟังเซอร์ไพร้ส์เมื่อเธอพูดเป็นภาษาไทย "ขอโทษมากๆ ที่ไม่ได้..." เธอทำเหมือนกำลังนึกคำอยู่ ก่อนพูดออกมาว่าขอโทษที่ไม่ได้ไปที่งานในวันนี้ ซึ่งแฟนๆ เข้าใจดีและไม่โกรธอะไร เพราะชิลด์ซีซั่นสามเพิ่งปิดกล้องไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง
Q: แรงบันดาลใจที่ได้จากการทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ในซีรีส์เรื่อง Marvel's Agents of S.H.I.E.L.D.
เจด - การที่คนธรรมดา แล้วต่อมาก็มีซูเปอร์พาวเวอร์ เป็นเรื่องของคนธรรมดา กับพลังและโลกที่มันยิ่งใหญ่เหนือจริง
Q: ถามถึงความรู้สึกของการเป็นโปรดิวเซอร์เรื่องนี้
โม - สนุกมาก ซีซั่นนึงมี 22 ตอน พอหมดซีซั่นได้พักแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น (แต่ก็ยังบอกว่าสนุก! แสดงว่ารักงานเนอะ) เธอยังพูดถึงว่าตนมีทีมงานที่ดี เมื่อส่งบทที่เขียนออกไป เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นสิ่งที่เห็นและจับต้องได้ผ่านการแสดง
โอย...นี่เหมือนฝันเลยเนาะ อะไรที่คิดในหัว เขียนเป็นตัวอักษร แล้วกลายเป็นงานจริงเนี่ย
Q: ความยากลำบากของงานคืออะไร
เจด - "เวลา" ตอบด้วยเสียงหนักแน่นมาก เขายังบอกต่ออีกว่าตอนหนึ่งมีเวลาถ่ายทำแค่ 8 วันเท่านั้นเอง (เราดูกันราว 50 นาที จบ)
โม - "แทบไม่ได้นอนเลย" โมเสริมขึ้นมาทันที (เธอเป็นแม่ลูกอ่อนด้วยนะ ลูกราวเพิ่งราวๆ หนึ่งขวบ ทำงานแบบนี้คงลำบากน่าดู)
Q: คาดหวังให้ผู้ชมได้อะไร
เจด - การทำซีรีส์นั้นมีงบไม่มากเท่าภาพยนตร์ แต่จะสามารถใส่ใจกับการพัฒนาด้านบุคลิก การเติบโตของตัวละครได้
โม - จะได้เห็นว่าจากคนธรรมดาจะกลายเป็น Hero ได้ยังไง
(ภาพจากเพจ Brown Sucre : Photography)
Q: ทำงานกับคนใกล้ตัวลำบากไหม
โม - ลำบากเพราะมีนิสัยต่างกันมากกว่า เจดจะเป็นพวกหัวแล่นปรู๊ดปร๊าด คิดอะไรออกมาไว แต่โมเองจะเป็นพวกเก็บตัวเงียบ
เจด - /พยักหน้ารัวๆแบบที่มินิมอร์รู้สึกถึงความเป็นพ่อบ้านใจกล้า/ แต่เจดก็เสริมว่าเขาคิดออกมาเยอะก็จริง แต่ได้โมเนี่ยแหละเป็นคนขัดเกลา
Q: ขั้นตอนการทำงานที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด
โม - บอกว่าชอบขั้นตอนระหว่างการถ่ายทำ (แน่ะ เธอพูดถึงการทำงานส่วนอื่นอีกแล้ว) เมื่อเธอส่งบทออกไป ไม่นานก็สามารถเตรียมสถานที่ถ่ายทำได้ เหมือนว่าพอบทเสร็จ อีกทีมก็รับงานต่อ เตรียมงานได้ทันที
จะให้ทีมงานจัดฉากห้อยลูกตุ้ม ลิปซิงค์เพลง Wrecking Ball ของไมลี่ ไซรัสก็ด้ายยยย
จริงๆ คือเขาร่วม dubsmash war เพื่อหารายได้เข้าการกุศลล่ะ
เฮ้ย แต่ก็ลงทุนไปนะ... ดูคลิปได้ที่นี่ dubsmashwar (คนใส่ขาสั้นก็โคลสันไง จะใครล่ะ)
Q: คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเป็นโปรดิวเซอร์หรือต้องการเขียนบทในวงการฮอลลีวูด
ทั้งสองคนบอกตรงกันว่าต้องมาฮอลลีวูดก่อน! (เออ ก็จริงของเขา แต่ไม่ใช่ว่าเติมเงินตั๋วรถไฟฟ้าแล้วจะไปได้เลยนี่ เหยยยย)
เจด - ฝึกฝน สมัยนี้เรามีเครื่องมือง่ายๆ มากมายที่ช่วยเราได้ โทรศัพท์มือถือเองก็ใช้งานได้ หัดถ่าย ตัดต่อ ฝึกฝนเยอะๆ
ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่ไม่ผ่าน 'การฝึกฝน' นะ มินิมอร์ว่า
แล้วพิธีกรก็ให้แฟนๆ ขึ้นมาถามคำถาม โดยมีคนคอสเพลย์เป็น Daisy Johnson/Quake ตัวเอกของเรื่อง แล้วก็ Agent 19/Mocking Bird/Bobbi Morse โดยมีคำถามที่น่าสนใจมาก (โมและเจดตื่นเต้นเมื่อเห็นคนคอสเพลย์เป็นเดซี่ ซึ่งคล้ายมาก ชมชุดใหญ่เลยล่ะ)
(ชุดนี้ ส่วนภาพคอสเพลย์ดู ที่นี่ นะ)
Q: ขอบคุณที่คุณเขียนบทโดยมีตัวละคร LGBT (เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานสเจนเดอร์) อย่างในชิลด์ก็มีโจอี้ ตัวละครซึ่งเป็นอินฮิวแมนชายและเป็นเกย์ ในอนาคตจะเห็นบทบาทของกลุ่ม LGBT เพิ่มขึ้นไหม แล้วก็คนเชื้อชาติอื่นๆ ด้วย
ทั้งสองคน - มีแน่นอน และเราจะเพิ่มบทบาทเกี่ยวกับคนชาติอื่นๆ ด้วย
โหววว นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะในจักรวาลมาร์เวลนั้นยังไม่มีการพูดถึงกลุ่ม LGBT ชัดเจนนัก โดยเฉพาะหนัง แต่ในซีรีส์เครือมาร์เวลหลายเรื่องมีคนกลุ่มนี้เป็นตัวละครหลักด้วยนะ :> ในชิลด์เองก็มีคนหลายเชื้อชาติ ทั้งคนเอเชีย คนละติน คนเชื้อสายแอฟริกัน เรียกได้ว่าหลากหลายเลยทีเดียว ถ้าเราอยากจะเขียนงานสักอย่าง ไม่ว่าจะนิยายหรือบทโทรทัศน์ การมองสภาพสังคมที่เป็น ศึกษา แล้วนำมาใช้พัฒนาบท ก็เป็นเรื่องที่ดีและน่าทำ เพราะสื่อนั้นต้องชี้นำสังคมด้วยเหมือนกัน
Q: การทำงานในฮอลลีวูด จากไทยนี่เป็นไปได้ไหม ที่นั่นเปิดกว้างสำหรับคนชาติอื่นๆ หรือเปล่า (คำถามนี้จากแฟนที่เป็นนักเขียนและกำลังเขียนบทโทรทัศน์ของตัวเองอยู่ด้วยล่ะ)
ทั้งสองคน - แน่นอน เปิดกว้างอยู่แล้ว ทั้งคู่ยังบอกด้วยว่าถ้าเขียนงานอยู่ ขอให้เขียนต่อไป อย่าได้หยุด
หวังว่าเพื่อนๆ อ่านแล้วคงได้รู้จักการทำงานในสายอาชีพนี้มากขึ้น งานเขียนไม่ได้มีแค่นิยาย เขียนบทโทรทัศน์ก็มีนะ ทั้งสคริปท์รายการโทรทัศน์ทั่วไป บทละคร บทภาพยนตร์ และบทซีรีส์ ขอให้ทุกคนตั้งใจทำ พัฒนาฝีมือตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ศึกษาหาลู่ทางและโอกาส จากนั้นก็ส่งงานของเราออกไปให้คนอื่นได้รู้จักเสียเลย!
มินิมอร์ขอฝากคำถามสุดท้ายเอาไว้ เป็นคำถามที่ทั้งโมและเจดตอบได้น่าประทับใจมากจริงๆ