ใครยังไม่รู้จัก 'เต๋อ-นวพล' ผู้กำกับ 'ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ' เชิญทางนี้ (3/3)


        และแล้ว เราก็เจาะลึกมาถึงผลงานโคตรแรกเริ่มของเต๋อ ผลงานที่ไม่ค่อยมีใครรู้นอกจากแฟนพันธ์แท้ เต๋อ จริงๆจังๆ (มีแข่งป่ะ?)


ภาพโปรโมตหนังสั้นกึ่งละคร ซีรีส์บันทึกกรรม เรื่อง มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนเกลียดเมธาวี (2554)

        นั่นก็คือผลงานหนังสั้นกึ่งละครที่เต๋อกำกับให้กับทางรายการ “บันทึกกรรม” ของช่อง 3 ที่เต๋อกำกับไว้ถึง 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ทางโลก (2552), ปาณาติปาตา (2553) และ มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนเกลียดเมธาวี (2554) ซึ่งเรื่องสุดท้ายนั้นทำให้ชื่อของเต๋อเริ่มเป็นที่ฮือฮาของแวดวงหนังสั้นและละครโทรทัศน์ เนื่องจากเต๋อใช้มุมมองการเล่าเรื่องกับละครซีรีส์บันทึกกรรมแตกต่างจากบันทึกกรรมเรื่องอื่นๆ รวมถึงได้นักแสดงนำอย่าง เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ ดาราสาวมากฝีมือที่ขึ้นชื่อเรื่องการรับเล่นหนังหรือละครสักเรื่องด้วย แม้จะเป็นตอนที่มีผู้กำกับรุ่นพี่มากฝีมือจาก GTH อย่าง “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” เป็นโปรดิวเซอร์ให้ แต่นั่นก็หมายถึงผู้กำกับหน้าใหม่อย่างเต๋อในตอนนั้นต้องมีอะไรดีจน เต้ยยอมรับเล่นเรื่องนี้ และแน่นอน มันออกมาดีและกลายเป็นกระแสอย่างมาก เนื่องจากเต๋อหยิบเอาประเด็นยอดฮิตของ Facebook ใน พ.ศ. นั้นอย่าง “มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคน” (จำได้มะ ช่วงนั้นจะมีเพจ มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนแล้วก็ต่อด้วยอะไรสักอย่าง เกิดขึ้นมาเต็มไปหมด) มานำเสนอได้อย่างสมจริง และ “มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเมธาวี” นี้เองทำให้ “เต๋อ นวพล” เริ่มเป็นที่น่าจับตามองในฐานะของผู้กำกับหน้าใหม่ในยุคนี้ เมธาวี คือ แรงผลักที่ทำให้เต๋อโดดเด่นออกมานอกจากฐานะคนเขียนบท “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” ไปอีกหนึ่งก้าว

สำหรับคนที่อยากรับชมซีรีส์บันทึกกรรม ตอนที่กำกับโดยเต๋อ ก็ตามนี้เลย:


        เต้ย จรินทร์พร ยังได้กลับมาร่วมงานกับเต๋ออีกครั้งในปี 2555 กับหนังสั้นเรื่อง “SORRY” ที่ออกฉายทางช่อง 9 อีกครั้ง โดยที่ในเรื่องนี้เต๋อได้คนในวงการหลายคนที่เต๋อเคยกำกับงานให้มาร่วมแสดงอีกมายมาย นอกจากเต้ยยังมี อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร (เล็ก GREASY CAFE), ชาติฉกาจ ไวกวี (ช่างภาพชื่อดัง), ยุทธนา บุญอ้อม (ป๋าเต๊ด เจ้าพ่อเด็กแนวอย่าง Fat Radio(อดีต) และเกเร (ปัจจุบัน --คนทำ Big Mountain Music Festival นั่นแหละ)) และ ฤทัยวรรณ วงศ์สิระสวัสดิ์ (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น”)


        งานในยุคเริ่มต้นของเต๋อ นวพล ก็คือหนังสั้นปริมาณมาก เต๋อเป็นหนึ่งผู้กำกับหนังสั้นที่ขยันผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนังสั้นของเขาที่ได้รับรางวัล “รัตน์ เปสตันยี” (รางวัลสำหรับภาพยนตร์โดยบุคคลทั่วไป) จากรางวัล ประกวดภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 14 ของมูลนิธิหนังไทย ในปีพ.ศ. 2553 ก็คือเรื่อง “เชอรี่เป็นลูกครึ่งเกาหลี CHERIE IS KOREAN-THAI (2553)” เรียกได้ว่าเต๋อนำหนังสั้นเรื่องนี้ของเขาฝ่าฟันคนทำหนังสั้นทั้งประเทศไปได้ย่อมไม่ธรรมดา 


และนี่คือหนังสั้น(เท่าที่หาได้) ของเต๋อ


        ยังไม่จบแค่นั้น เพราะเราจำได้ว่า เต๋อเคยมีภาพยนตร์สารคดีแนวทดลองเรื่อง "SEE (2549)" ได้ชนะรางวัลสองรายการ จากการประกวดภาพยนตร์ Fat Film Festival ครั้งที่ 4 จากคลื่น 104.5 Fat Radio นั่นก็คือ รางวัลรองชนะเลิศ และ รางวัลป็อบปูล่าโหวต แม้จะเป็นการถ่ายภาพของพ่อเขา ซึ่งกำลังยืนผัดข้าวอยู่ แต่นั้นก็ทำให้ผู้คนทั้งโรงเงียบงันและมีน้ำตาได้ แม้เราไม่มีลิงก์ของหนังสั้นเรื่องนี้มาให้ทุกคนได้ดู แต่เรื่องราวที่ทำให้หนังสั้นเรื่องนี้ได้รับรางวัลป็อปปูล่าร์โหวตเกิดจากเรื่องราวดังนั้น

ภาพของผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งยืนผัดข้าวผัด แล้วก็ยกจานข้าวไปนั่งกินที่โต๊ะในห้องมืดๆ
แล้วกล้องก็ถ่ายแช่ตอนที่ลุงคนนั้นกินข้าวประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้

จากนั้นอยู่ดีๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า “คัท!”
แล้วก็เดินออกมาหาลุงคนนั้น แล้วบทสนทนาเหล่านี้ก็เกิดขึ้น

เด็กหนุ่ม : “พ่อ พ่อต้องกินช้ากว่านี้นะ ...เอาให้เหมือนแบบคนอายุ 70 น่ะ”

ชายแก่ : “…เอาให้ช้ากว่านี้?”

เด็กหนุ่ม : “ครับ”


ชายแก่ : “แล้วเมื่อกี้ที่ถ่ายไปใช้ไม่ได้เหรอ”

เด็กหนุ่ม : “ก็ต้องถ่ายใหม่น่ะ”

ชายแก่ : “อืม...เฮ้อ...ปวดฟัน”


เด็กหนุ่ม : “อ้าว แล้วพ่อไปหาหมอรึยัง”
ชายแก่ : “ก็ว่าจะไปวันพุธ”


เด็กหนุ่ม : “โอเค โอเค เริ่มถ่ายใหม่ได้”

แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินออกจากฉากไป ...ส่วนชายแก่ก็เริ่มกินข้าวต่อในจังหวะที่ช้ากว่าเดิม
หลังจากกล้องแช่ภาพลุงคนนั้นกินข้าวต่อ สักพักก็มีข้อความขึ้นมากลางจอว่า

“ภาพที่เห็นอยู่นี้ เป็นภาพที่ผมเห็นอยู่ทุกวัน พ่อของผมมักกินข้าวคนเดียวในห้องนี้เสมอ ...วันหนึ่งตอนที่ผมกำลังกินน้ำอยู่ที่อีกห้อง ผมมองเห็นภาพของพ่อกำลังกินข้าวอยู่ในมุมมืดๆ ...มันทำให้ผมรู้ว่าเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ...และถ้าหากยังปล่อยไว้แบบนี้ ...เราก็คงจะยิ่งห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ”

        เห็นได้ว่าเต๋อเป็นผู้กำกับที่ละเอียดอ่อน  ผลงานของเขาหยิบยกเรื่องราวใกล้ตัวมาเป็นหนังได้อย่างที่พวกเรานึกไม่ถึง ทั้งคุณพ่อของเขาที่นั่งทานข้าว, เฟซบุ๊คมั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคน, ฟิล์ม 36, ข้อความในทวิตเตอร์ รวมไปถึงอาชีพ ธรรมดาๆอย่าง Freelance ในหนังเรื่องล่าสุดของเขา ที่เรียบง่ายซะจนใครหลายคนมองข้าม แต่พอทำออกมาเป็นภาพยนตร์ กลับโดนใจคนทั้งประเทศ เพราะคนส่วนรองลงมาจากพนักงานออฟฟิศก็คือเหล่าผู้เป็นฟรีแลนซ์นี่เอง

        ย่อหน้าสุดท้าย ก็คือจุดเริ่มต้นของ เต๋อ นวพล รวมถึงบทสัมภาษณ์สั้นๆถึงอดีต สมัยเริ่มทำหนังสั้นเรื่องแรกขณะที่กำลัง ศึกษาอยู่ที่ภาควิชาภาษาจีน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเต๋อนั้นได้เริ่มฝึกถ่ายทำและตัดต่อหนังสั้น โดยการลองผิดลองถูกเนื่องจากไม่ได้เรียนนิเทศศาสตร์อย่างใครเขา จนเกิดเป็นหนังสั้นเรื่องแรกในชีวิตเต๋อขึ้นมากับเรื่อง “บ้านหด (my shrunk house) (2547)” ซึ่งเต๋อได้ทำเรื่องนี้ขึ้นมาตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เราได้ถามถึงที่มา ของการทำหนังสั้นครั้งแรกของเขาเรื่องนี้ เต๋อบอกกับเราว่า

“จริงๆ ไม่มีไรมากครับ ลองถ่ายหนังเลย ลองดูว่าทำได้ไหม
กับตอนนั้นสนใจพวกนิทานเซ็นเลยลองดัดแปลงๆมาดูครับ
หนังเกี่ยวกับ วันนึงผู้หญิงรู้สึกว่าบ้านตัวเองมันหด
เลยไม่รู้จะทำไง
ถ้าทำได้จะเปลี่ยนชื่อใหม่ครับ พูดเองยังเขินเอง ตั้งได้ไง”

เต๋อ นวพล, 21/8/2558

        เห็นได้ชัดว่าความมีอารมณ์ขันนั้นติดตัวเต๋อมาแต่ต้นจากการตั้งชื่อหนังสั้นเรื่องนี้ว่า “บ้านหด” ที่แม้แต่ตัวเต๋อเองก็ยังคง สงสัยตัวเองว่าตั้งได้ยังไง และเชื่อได้ว่าเป็นชื่อที่ใครๆฟังแล้วจะต้องมีรอยยิ้มแน่นอน เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่มีลิงก์หนังสั้นเรื่องนี้มาให้ได้ดูกันว่าการกำกับครั้งแรกในชีวิตของเต๋อนั้นเป็นยังไง และมีอีกหลายเรื่องที่หาดูไม่ได้ทางอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งช่อง youtube ของเต๋อเอง อันได้แก่

1. My shrunk house (2547)
2. There, there (2548)
3. See (2549)
4. The perfect english gentleman (2549)
5. You have to wait, anyway. (2550) (ปรากฏแค่ Teaser)
6. Tapir, in Remains (2551)
7. The temptation (2552) (ปรากฏแค่ Teaser)
8. The mother wanna go to Carrefour (2553)

        เจาะเวลาหาอดีตกับผลงานที่สะท้อนตัวตนของเต๋อกันเรียบร้อยแล้ว หวังว่าแฟนของเต๋อจะรักเต๋อมากขึ้น รวมไปถึงแฟนๆ หน้าใหม่ รวมไปถึงคนที่เพิ่งได้รู้จักเต๋อวันนี้นี่แหละ จะได้มีโอกาสกลับไปดูผลงานของผู้กำกับคนเก่งคนนี้ แต่ที่แน่ๆวันที่ 3 กันยายนนี้ เรามีนัดกันกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเต๋อ “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Heart Attack)” กันที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ
        ขอทิ้งท้ายไปด้วย MV เพลง “Vacation Time” ที่เป็นซาวนด์แทร็ค ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่แม้ว่าเต๋อจะไม่ได้กำกับเองเพราะต้องเข้ากล้องไปเล่นMVด้วย ทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง 


“ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Heart Attack)” 3 กันยายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ แล้วเจอกัน






Credit: ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก merveillesxx