ยังต่อเนื่องกับบทความระลึกถึง Wes Craven ผู้ล่วงลับ กับผลงานการกำกับ 5 เรื่องที่ยังอยู่ในใจเรา เมื่อตอนที่ 1 ได้แนะนำไปสองเรื่องแล้ว ก็คือ The Hills Have Eyes (1977) และ A Nightmare on Elm Street (1984) ส่วน 3 เรื่องที่เหลือก็เชิญทัศนาได้ตามนี้
3. Shocker (1989)
Shocker อาจไม่ได้เป็นหนังที่อยู่ในกลุ่มชั้นครู ยอดเยี่ยม หรือประสบความสำเร็จ แต่ก็ถือว่าเป็น สยองขวัญที่แฝงความแอกชั่นแฟนตาซีและใส่ความตลกไว้อย่างน่าสนใจ และมีคนดูหลายคนที่ยังพอนึกชื่อนี้ได้บ้าง เวลาเราพูดถึงหนังของ Wes ที่ไม่ใช่ Scream และ A Nightmare on Elm Street
เนื้อหาเรื่องนี้เหมือน Wes ดึงบางส่วนมาจาก A Nightmare on Elm Street มาทำใหม่อีกทาง โดยตัวเอกสามารถฝันถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมได้ แล้วเหตุการณ์นั้นดันเป็นจริงในเวลาต่อมา ทำให้เกี่ยวพันกับฆาตกรตัวโหด ที่ถึงแม้จะจับตัวได้ แต่ก็ดันเล่นคุณไสยรวมร่างกับกระแสไฟฟ้าแล้วแฝงตัวหนีไปมา พร้อมสิงคนได้ หนังยึดพิมพ์นิยมตามยุค 80s ที่มีแนวที่เล่นกับสิ่งประหลาด แฟนตาซี มีไซไฟบ้าง ไม่จริงจังหรือมืดมิดเกินไป แม้จะไม่ใช่หนังที่ดีของ Wes Craven แต่ก็สนุกสนาน ดูเพลิน ๆ ได้
4. Scream Franchise (1996, 1997, 2000, 2011)
Scream หวีดสุดขีด คือการกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งของ Wes Craven และทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น ปรมาจารย์หนังสยองขวัญ ปรมาจารย์หนังเชือด ทำให้หนังแนวนี้กลับมาตื่นตัวอีกครั้งหลังจากหมดยุค Norman Bates (Psycho) ข้ามมายุค Scar Face (The Texas Chain Saw Massacre) Michael Myers (Halloween), Jason (Friday the 13th franchise), Chucky (Child's Play) หรือแม้กระทั่ง Freddy Krueger และเปลี่ยนจากฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นสิ่งเหนือมนุษย์ฆ่าไม่ตาย กลายเป็นมนุษย์กันเอง ที่มีการวางแผน การหักมุมมากขึ้น
Scream ยังแข็งแรงในการสร้างคาแรกเตอร์ตัวร้ายเหมือนเดิม (เรื่องนี้เขียนบทโดย Kevin Williamson ที่ต่อมาไปทำหนัง I Know What You Did Last Summer-ซัมเมอร์สยองต้องหวีด จนโด่งดังไม่แพ้กัน) เจ้าหน้ากาก Ghostface กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของฆาตกร เทียบเคียงกับตัวอื่นในยุคเก่าได้ ตัวละครหลักที่มีคาแรกเตอร์เด่น มีปมแฝง มีความน่าสนใจ และที่สำคัญคือมีสมอง เพราะตัวละครหลักไม่ได้หลงไปให้ถูกฆ่าได้โง่ ๆ หรือกรีดร้องโวยวาย จนสุดท้ายเรื่องเฉลยเอง แต่ยังฉลาดหนี พยายามหาว่าใครคือฆาตกรตัวจริง จนไปถึงจุดจบที่เราต้องทึ่ง และเป็นรากฐานให้หนังเชือดยุคใหม่ ตั้งแต่ I Know What You Did Last Summer, Urban Legend, Valentine หรือกระทั่งการกลับมาของฆาตกรยุคเก่า เช่น Halloween H20: 20 Years Later, Bride of Chucky, Jason X เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้ Scream ยืนยาวมาถึงไตรภาคและยอดเยี่ยมทั้งสามภาค (ก่อนขยายเป็นภาค 4 ในอีกสิบเอ็ดปีถัดมา) ไม่ใช่แค่การสร้างตามรอยความสำเร็จของภาคแรกเท่านั้น แต่ Kevin Williamson ได้เขียนโครงเรื่องเผื่อการมีไตรภาคไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก จึงทำให้เกิดบทภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาคที่เหนือชั้น หากใครจำได้ การโปรโมท Scream 3 นั้นเผยให้เห็นถึงสูตรหนังไตรภาคออกมา นอกจากเพื่อแฉสูตรหนังไตรภาคที่มีอยู่ทั่วฮอลลีวูด ยังเพื่อขายตัวหนังตัวเอง ด้วยกฎว่า "ภาค 1 จงสร้างกฎ ภาค 2 จงแหกกฎ และภาค 3 จงลืมทุกกฎ" นี่คือสิ่งที่ Scream ยึดและทำมาอย่างสุดยอดจนครบไตรภาค และ Wes ก็ยังกำกับออกมาอย่างยอดเยี่ยมเหมือนเคย จึงทำให้ Scream ทั้งสามภาคเป็นที่จดจำในทุกด้าน (รวมถึงด้านการจุดประกายสร้างหนังล้อเลียนอย่างตระกูล Scary Movie ด้วยนะ)
5. Red Eye (2005)
Red Eye เที่ยวบินระทึก เป็นเรื่องเดียวในหมู่หนังที่หยิบมาแนะนำ ที่ไม่ใช่หนังสยองขวัญ หนังฆาตกรรม หนังเชือด แต่เป็นหนังแนวระทึกขวัญ ลุ้นจิกเบาะโรงหนังไปอีกแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Wes ก็กำกับหนังแนวนี้ได้สนุกไม่แพ้กัน แถมหนังยังมีอารมณ์ที่ต่างกันเป็นช่วง ๆ ซึ่งแต่ละช่วงก็ทำได้ดี จนพอเข้ารอยต่อระหว่างช่วง คนดูก็แอบทึ่งกันไป
Red Eye หนังกำกับโดย Wes เขียนบทโดย Carl Ellsworth ว่าด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง (Rachel McAdams) ที่เจอกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่ง (Cillian Murphy) เข้ามาคุยมาโปรยเสน่ห์ใส่ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเป็นหนังรักสดใสธรรมดา แต่พอพ่อหนุ่มมานั่งติดกันเท่านั้นแหละ ออกลายชั่วร้ายทันที พร้อมทั้งขู่บังคับสาวเจ้าให้ทำตามตน ไม่เช่นนั้นพ่อของเธอที่อยู่ที่บ้านจะถูกฆ่าเสียเอง
หนังมีส่วนผสมระหว่างความระทึกขวัญจากสถานการณ์ในที่จำกัด เหตุการณ์จารกรรมวินาศกรรม ซึ่งอาจจะซ้ำกับหนังที่มีในยุคนั้น แต่เรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีมาก สนุกมาก แม้ปีเดียวกันจะมี Flight Plan (นำแสดงโดย Jodie Foster) ที่เล่นกับสถานการณ์บนพื้นที่จำกัดอย่างเครื่องบินเหมือนกัน แต่ส่วนตัวมองว่า Red Eye สนุกกว่ากันเยอะ
จริง ๆ ยังมีผลงานบางส่วนที่ควรค่าแก่การพูดถึงที่เราไม่ได้ยกมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังที่เหลือของ Wes Craven จะสนุกไม่เท่า หรือไม่สนุกเลย หลายเรื่องก็น่าสนใจ แต่ที่ยกมาส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าหลายคนอาจมีความทรงจำกับหนังพวกนี้เหมือนกัน และหวังว่าทุกครั้งที่คุณดูหนังเหล่านี้ คุณจะนึกถึงผู้สร้างสรรค์อยู่เบื้องหลัง ผู้กรุยทางหนังเชือดยุคใหม่ให้กลับมาฮือฮาในวงการภาพยนตร์อีกครั้งช่วงปลายยุค 90s ผู้เป็นปรมาจารย์หนังสยองขวัญ ผู้กำกับผู้ล่วงลับผู้นี้
ที่มา: imdb, wikipedia