รู้มั้ยว่าตอนนี้ในยุคที่เทคโนโลยีสุดจะแจ่ม มีเกมให้เลือกทั้งออนไลน์ออฟไลน์เพียบ จะเล่นกับคอมพิวเตอร์ หรือกับเครื่องเล่นเกมอื่นๆ ก็เยอะจนตาลาย แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีเกมอีกแบบที่บูมสุดๆ ทั้งที่ไม่ได้อาศัยความล้ำของเครื่องเล่นใดๆ เล่นที่ไหนก็ได้ เน็ตไม่จำเป็น ปลั๊กก็ไม่ต้องง้อมันคือเกมกระดานหรือบอร์ดเกมนั่นเอง
แล้วมันเพราะอะไรกันที่ทำให้ยุคที่ออนไลน์ก็ง๊ายง่าย จะแข่งเกมกับคนอีกซีกโลกยังสบายๆ หันมาเล่นเกมกระดาษ ทอยลูกเต๋า จั่วการ์ดติดโต๊ะกันนะ
ถึงตอนนี้บางคนอาจจะนึกไม่ออก บอร์ดเกมนี่อะไร บันไดงูหรอ เกมเศรษฐีหรอ เอาอะไรมาติด เราก็ขอบอกว่าบอร์ดเกมมันเยอะมาก มีทุกรูปแบบ จะร่วมมือกันเอาชนะเกม จะตีกันเองกับเพื่อน จะทรยศหักหลัง ซื้อขายต่อรองสงครามต่อรถไฟกู้โลกจากโรคระบาด เกมสั้นเกมยาว 15นาทีจบ หรือจะยาวไป5-6ชั่วโมงเลยก็มี ความหลากหลายไม่แพ้เกมคอมเลยล่ะ (ความเศร้าคือเราก็ติดมันเหมือนเกมคอมได้ด้วย ฮือ)
ดูจากภายนอกด้วยความที่เป็นพลาสติกบ้าง กระดาษแข็งบ้าง อาจจะทำให้รู้สึกว่ามันช่างก๊องแก๊งเสียเหลือเกิน เกมก็คงจะง่ายๆ ง่อยๆ สินะ ก็ขอบอกว่าให้คิดใหม่ เพราะบอร์ดเกมมีความซับซ้อนและทางผู้สร้างส่วนใหญ่จะสร้างมาอย่างดี หรือที่ทางศัพท์ผู้สร้างเขาใช้คำว่ามันเป็นเกมแบบยุโรปสไตล์ นั่นคือถ้าจะสู้ก็จะสู้กันอย่างมีชั้นเชิงต้องวางกลยุทธ์กันหน่อย เช่น แย่งทรัพยากรกัน , มีจุดหมายเดียวกัน ไม่ได้สู้กันแบบโบ้มๆ โหดๆ ต่อหน้าฆ่ากันดะอย่างโกรธแค้น นั่นมันเป็นเรื่องของอเมริกันสไตล์ ซึ่งไอ้ความเป็นยุโรปสไตล์นี่ล่ะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บอร์ดเกมบูมขึ้นมาได้ ความมีชั้นเชิงของมันทำให้เรานั้นตั้งใจเล่นและคิดตลอดเวลา ต้องวางแผนมากกว่าที่จะรอถล่มอีกฝั่งอย่างทื่อๆ
(รูปนี้คือเกม pandemic เหมือนสร้างมาให้เราเรียนรู้คำว่าแพ้ สุมหัวกัน 5 คนก็แพ้ เจ็บปวดมาก)
แต่บอร์ดเกมก็ไม่ได้มีแค่เกมซับซ้อนวางแผนเท่านั้นนะ เกมที่ชิวลงมาหน่อย เล่นขำๆ กันได้ทุกวัย เด็กน้อยก็สนุก ผู้ใหญ่ก็ยังสนุกอยู่ก็มี ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บอร์ดเกมได้รับความนิยม นั่นคือบรรยากาศของการได้เล่นด้วยกันแบบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวก็ตาม การได้วางแผนกันหักหลังกันด่ากันกรี๊ดด้วยกันต่อหน้านั้นสะใจกว่าผ่านจอผ่านไมค์หรือผ่านการแชทเห็นๆ อบอุ่นหายเหงากันไป
ส่วนอีกปัจจัยที่ดูไม่น่าเชื่อที่ช่วยชุบชีวิตบอร์ดเกมขึ้นมาอีกครั้ง ก็คือเทคโนโลยีสมัยนี้นี่ล่ะเพราะจากเดิมที่เล่นกันอยู่ในวงแคบๆ หาซื้อก็ไม่ง่ายเท่าไรนัก ก็มีเว็บแนะนำเกม แคสต์เกม ขายเกม ทำให้คนสนใจกันมากขึ้น และอีกอย่างที่สำคัญก็คือทางผู้สร้างเกมสามารถทำรูปแบบดิจิทัลขึ้นมาให้คนทดลองซื้อเล่นก่อนซื้อของจริงได้ (เพราะของจริงแพงกว่า) หรือบางคนที่ชอบจริงๆ ก็ซื้อทั้ง 2 แบบเลยก็มี
(เกม ticket to ride แบบ digital version มีทั้งในคอมพิวเตอร์และมือถือ)
(เกม Plague Inc ที่เคยฮิตมาแล้วในแบบดิจิทัล ก็กำลังจะออกบอร์ดเกมล่ะ)
จริงๆ แล้วการกลับมาของบอร์ดเกมก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นคู่แข่งกับเกมดิจิทัลนะ เพราะเขาบอกว่าจริงๆ ทั้ง 2 เกมนี้ก็ต่างคนต่างพัฒนา เรียนรู้จากกันและกัน มียืมไอเดียกันบ้าง เรียกได้ว่าวิน-วิน ทั้งคู่ รวมถึงผู้เล่นด้วยที่ได้ประโยชน์จากเกมที่ก็ดีขึ้นๆ ทั้ง 2 แบบเลย (แต่มันจะไม่ได้ประโยชน์ก็ตอนติดมันหมดทุกอย่างเนี่ย)
ความสำเร็จของบอร์ดเกมในยุคปัจจุบันนั้นตามตัวเลขเขาว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายของบอร์ดเกมเพิ่มขึ้นถึง 15-20 % ผู้สร้างเกมมีตั้งแต่เจ้าใหญ่ไปจนถึงเจ้าเล็กๆ ที่หาทุนในจากการระดมทุนใน kickstarter และใน 3 ปีที่ผ่านมา มีบอร์ดเกมใหม่ๆ ออกมามากกว่า 100,000 เกมแล้ว และเหมือนว่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ บอร์ดเกมได้กลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในการเล่นเกม ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงแคบ งานแฟร์เกี่ยวกับบอร์ดเกมเริ่มมีในหลายประเทศ คาเฟ่บอร์ดเกมก็มีกระจายอยู่ในหลายเมือง (บ้านเราก็มีนะ) เรียกได้ว่าอนาคตของบอร์ดเกมในยุคนี้ดูสดใสเอามากๆ เลยล่ะ