เชื้อไวรัสอีโบล่าถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในปี 1976 ในสาธารณรัฐซาเอียร์ ตรงกลางของทวีปแอฟริกา (หลายคนอาจจะไม่รู้จัก เพราะปัจจุบันถูกควบรวมเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปี 1997 - คุ้นชื่อ'คองโก'แล้วนะ) การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบล่ามีมาอยู่เรื่อยๆ แต่ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดในประเทศเซียร์ราลีโอน ซึ่งตั้งอยู่ในแอฟริกาตะวันตก เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา (เช่นกัน... หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อประเทศ'เซียร์ราลีโอน'มาก่อนถ้าไม่มีการระบาดในครั้งนี้) ดังนั้น ก่อนจะสรุปถึงtimeline เหตุการณ์ทั้งหมด มาดูกันก่อนว่าคุ้นๆชื่อประเทศอะไรกันบ้างในเขตนี้ เช่น
- The Gambia แกมเบีย : ประเทศที่ประกาศรับชาวโรฮิงยาไปอยู่ด้วย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
- Cote d'Ivoire โกตดิวัวร์ : ดีดีเย ดรอกบา หลายๆคนยังจำชื่อเก่าได้มากกว่า ว่า ไอวอรีโคสต์
- Guinea กินี : ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับประเทศปาปัวนิวกินี และเป็นคนละประเทศกับ'กินี-บิสเซา'ที่อยู่ติดกัน
- Liberia ไลบีเรีย : ไม่ใช่ ไนจีเรียน มีชื่อเสียงเรื่องสงครามกลางเมือง ค้าอาวุธ ทหารเด็ก ท่ายิงปืนอาก้าแบบฮิปฮอป ที่ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์เรื่อง Lord of War (2005) นิโคลัส เคจ แสดงนำ
ธันวาคม 2013
พบผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 2 ขวบในประเทศกินี นักวิจัย’เชื่อว่า’เขาคือผู้ป่วยอีโบล่าเคสแรกที่ส่งผลให้เกิดการระบาดครั้งนี้ (ฝรั่งใช้ศัพท์เรียกเท่ๆว่า "patient zero") ถึงแม้ว่ามารดาและพี่สาวของเด็กชายจะได้รับเชื้อและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา แต่เนื่องจากในช่วงเวลานั้นยังขาดการวินิจฉัย และ ระบบสาธารณสุขของประเทศที่ไม่พร้อมรับมือ จึงยังไม่มีการกักกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสใดๆเกิดขึ้น
มีนาคม 2014
กระทรวงสาธารณสุขกินีเริ่มประกาศสภาวะเชื้อไวรัสอีโบล่าระบาด องค์การแพทย์ไร้พรมแดน(MSF)ก่อสร้างศูนย์กักกันในกินี องค์การอนามัยโลกส่งทีมงานลงพื้นที่ เริ่มพบผู้ติดเชื้อในไลบีเรีย และมีการปิดกั้นพรมแดนจากประเทศมอริเตเนีย และ เซเนกัล // รวมผู้ติดเชื้อ 112คน เสียชีวิตแล้ว 70คน
พฤษภาคม 2014
พบผู้เสียชีวิตเคสแรกในเซียร์ราลีโอน // รวมผู้ติดเชื้อ 383คน เสียชีวิตแล้ว 211คน
มิถุนายน 2014
องค์การแพทย์ไร้พรมแดน(MSF)ประกาศสภาวะเชื้อไวรัสอีโบล่าระบาดในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ เซียร์ราลีโอนปิดประเทศและประกาศหยุดเรียน // รวมผู้ติดเชื้อ 779คน เสียชีวิตแล้ว 481คน
กรกฎาคม 2014
มีผู้เสียชีวิตคนแรกในประเทศไนจีเรีย ไลบีเรียปิดประเทศและประกาศหยุดเรียน // รวมผู้ติดเชื้อ 1603คน เสียชีวิตแล้ว 887คน
สิงหาคม 2014
โกตดิวัวร์ (หรือ ไอวอรีโคสต์) ประกาศปิดประเทศ เริ่มพบผู้ติดเชื้อทางตอนเหนือประเทศคองโก ธนาคารโลกให้การช่วยเหลือประเทศในเขตโรคระบาดเป็นเงิน 200ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ องค์การอนามัยโลกประกาศอนุมัติการใช้งานยาและวัคซีนที่ยังไม่ผ่านการรับรอง มีการส่งตัวผู้ติดเชื้อชาวเซเนกัลที่ทำงานในเซียร์ราลีโอนมายังเยอรมันเพื่อการค้นคว้าวิจัย // รวมผู้ติดเชื้อ 3,707คน เสียชีวิตแล้ว 1,808คน
2 สิงหาคม
พบผู้ติดเชื้ออีโบล่าคนแรกในสหรัฐอเมริกา ชื่อ ดร. Kent Brantly หลังกลับจากงานอาสาสมัครช่วยเหลือลงพื้นที่ไนจีเรีย และ พบผู้ติดเชื้อรายที่สอง 5 สิงหาคม ทั้งสองคนถูกย้ายเข้าเขตกักกัน
21 สิงหาคม
สหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการรักษาเบื้องต้นในวันที่ ด้วยตัวยาทดลอง ZMapp เลือดของ ดร. Kent Brantly ถูกนำไปใช้ค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมเพื่อขยายผลการรักษา
กันยายน 2014
ผู้ติดเชื้อในเซียร์ราลีโอนถูกปล่อยทิ้งไว้ตามท้องถนนโดยปราศจากการกักกันและการรักษาเนื่องจากไม่มีเงินสนับสนุน ประธานกลุ่มองค์การแพทย์ไร้พรมแดนประกาศเตือนสหประชาชาติว่า "มนุษยชาติกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเชื้อไวรัสอีโบล่า" สหประชาชาติจึงบังคับใช้ภารกิจให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน (นับเป็นภารกิจฉุกเฉินครั้งแรกที่ประกาศใช้ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาในเชิงสาธารณะสุข) // รวมผู้ติดเชื้อ 7,492 คน เสียชีวิตแล้ว 3,439 คน
ธันวาคม 2014
รวมผู้ติดเชื้อ 20,000 คน เสียชีวิตแล้ว 7,800 คน // เชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตจริงในเซียร์ราลีโอนมีมากกว่านี้ 4-5เท่าโดยที่องค์การอนามัยโลกไม่ได้รับรายงาน
มีนาคม 2015
ไลบีเรียประกาศปล่อยตัวผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบล่าคนสุดท้ายกลับบ้านหลังได้รับการรักษาเรียบร้อย พร้อมเริ่มต้นนับระยะเวลา 48 วันก่อนที่ประเทศจะเข้าสู่เขตปลอดอีโบล่า // ยอดรวมผู้ติดเชื้อสูงสุด 24,300 คน และผู้เสียชีวิตแล้ว 10,000 คน
พฤษภาคม 2015
9 พฤษภาคม 2015 ไลบีเรียสู่เขตปลอดอีโบล่า // ยอดรวมผู้ติดเชื้อสูงสุด 26,300 คน และผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 10,000 คน
สิงหาคม 2015
เซียร์ราลีโอน ปล่อยตัวผู้ติดเชื้อไวรัส'อีโบล่า'คนสุดท้ายกลับบ้านได้แล้ว เซียร์ราลีโอนกำลังจะกลายเป็นเขตปลอดการระบาดเชื้อไวรัสอีโบล่าในอีก 48 วัน (ข่าวร้าย... ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตในอาทิตย์สุดท้ายเพิ่มหนึ่งศพ และตรวจพบว่าเป็นเชื้อ อีโบล่า)
<< อ่านต่อเรื่อง เซียร์ราลีโอน ปล่อยผู้ติดเชื้อ'อีโบล่า'คนสุดท้ายกลับบ้าน >>
มนุษย์ยังคงต้องเอาชนะภัยธรรมชาติตั้งแต่อุกาบาตจากนอกจักรวาล จนถึงเชื้อไวรัสในร่างกายเราเอง สถานการณ์ยังคงไม่แน่นอน - แล้วเราจะอัพเดตให้รับรู้กันต่อไปเรื่อยๆ
