ว่ากันว่าคอลัมน์ทำนายดวงในนิตยสารไม่ว่าจะรายวัน รายวีค หรือรายเดือนมักถูกเปิดอ่านเป็นหน้าแรกๆ แถมความแม่นยำของดวงชะตาบนหน้ากระดาษยังส่งผลต่อยอดขายจนน่าสนใจ อย่างนิตยสารรายปักษ์ขวัญใจไทยทั้งผองอย่างคู่สร้างคู่สมซึ่งมียอดพิมพ์หลักล้านก็ยอมรับตรงๆ ว่าคอลัมน์สุดฮอตคือดูดวงท้ายเล่ม ฮอตขนาดที่ว่าต้องขอปิดผนึกนิตยสารกันคนอ่านแอบแง้มเปิดเช็กดวงกันหน้าแผง!
โหราศาสตร์ฝังแน่นอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอย่างแยกยาก อาชีพหมอดูจึงคล้ายฟันเฟืองขับเคลื่อนสังคมไม่ต่างจากอาชีพอื่น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่าในแต่ละปีวงการหมอดูไทยมีเงินหมุนเวียนถึง 5 พันล้านบาท แถมกิจกรรมต่อยอดอย่างการปล่อยสัตว์ สักยันต์ หรือหล่อพระพุทธรูป ฯลฯ เพื่อสะเดาะเคราะห์ ยังดูดเงินจากกระเป๋าชาวไทยได้อีก 700 ล้านบาท ยังไม่รวมธุรกิจยิบย่อยในวงการอย่างหนังสือดูดวง ทัวร์ไหว้พระ รวมถึงแอพฯ ตรวจชะตาทั้งหลายที่ทำเงินมากมายอีกกว่า 200 ล้านบาทต่อปี! ส่วนลูกค้ารายใหญ่ของแม่หมอนั้นหาใช่ชาวบ้านร้านตลาดแต่อย่างใด ทว่าคือมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ ผู้ขอเสพคำทำนายไว้ประโลมใจจากชีวิตในป่าคอนกรีตนั่นต่างหาก
นอกจากอิทธิพลเชิงเงินๆ ทองๆ แล้วโหราศาสตร์ยังเกี่ยวโยงกับการเมืองอย่างเหนียวแน่น อย่างที่เรามักได้ยินข่าวว่านักการเมืองไทยหลายคนแอบย่องไปตรวจชะตากันอยู่เป็นประจำนั่นแหละ หรือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในอดีตก็มักมีโหรหลวงคอยตรวจชะตาราศีของว่าที่นายกก่อนกำหนดวันลงพระปรมาภิไธยให้ตรงกับฤกษ์งามยามดีในทุกครั้ง ส่วนนักการเมืองต่างประเทศก็ใช่ว่าจะสตรองจนเมินหมอดู เพราะ Nancy Reagan ภริยาของ Ronald Reagan ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 40 ก็ยอมรับตรงๆ ว่าบางจังหวะการดูดวงก็เป็นวิธีหนึ่งที่เธอใช้สร้างกำลังใจและหาทางออกให้แก่สามี
จากการเศรษฐกิจและการเมือง โหราศาสตร์ยังมีบทบาทในเชิงมนุษยศาสตร์อีกหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือพยุงจิตใจของคนทุกระดับ หรือกระทั่งในแวดวงแฟชั่นเอง สไตล์โบฮีเมียนของสาวยิปซีซึ่งกลายเป็นเทรนด์อมตะในโลกแฟชั่นก็มักมีลูกแก้วหรือผ้าโพกศีรษะของแม่หมอผสมอยู่ในภาพจำด้วยเหมือนกัน และนั่นคงการันตีได้ว่าเรื่องดวงชะตาไม่ใช่เรื่องเฉพาะสังคมเรา แต่เป็นเรื่องที่ซุกซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมของสังคมโลกอย่างแยบยล
เนื้อหาบางส่วนจากคอลัมน์ Core ในนิตยสาร giraffe ฉบับที่ 29