ไม่เอาน่า มาแชตกันต่อเถอะ รวมตัดจบบทสนทนาที่ชวนให้น้ำตาไหล

ยุคนี้สมัยนี้นอกจากพูดคุยกันปกติธรรมดา การแชตก็อีกการสื่อสารที่ทุกคนใช้ติดต่อกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วเช่นเดียวกัน บางคนนี่พูดน้อยกว่าพิมพ์ซะอีกนะ แต่การแชตก็เหมือนการพูด มีทั้งคนที่สนทนาเก่งและไม่เก่ง แบบแรกคุยสนุกๆ ใครๆ ก็อยากคุยด้วย ส่วนแบบหลังนี่สิคุยไปแป๊บๆ ก็โดนตัดจบซะล่ะ



ซึ่งการตัดจบบทสนทนานี่ก็มีอยู่หลายแบบ ลองมาดูกันมั้ยว่าใครเคยเจอแบบไหนมาแล้วบ้าง บางทีที่เจออะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าเราคุยไม่เก่งอย่างเดียวเท่านั้นหรอก แต่อาจเผลอพิมพ์อะไรไม่ถูกหูอีกฝ่ายเข้าจนโดนตัดจบ และเพื่อไม่ให้มันดูหดหู่ชีวิตบัดซบจนเกินไป เราจะแนะนำวิธีแก้เขินในกรณีที่เจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย อย่างน้อยก็รู้ไว้เป็นภูมิคุ้มกันเอาไว้นิดนึงน่า

อืม เหรอ อาฮะๆ เออ


ระหว่างที่พิมพ์คุยกันอยู่ดีๆ ความยาวของบทสนทนาก็สั้นลงไป สั้นลงไป รู้สึกตัวอีกทีก็เหลือแค่นี้แล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าคุณจะพิมพ์อะไรไปมากมายแค่ไหน ก็จะได้รับการตอบกลับมาแค่อือฮึ อาฮะเท่านั้น จนกว่าจะพิมพ์อะไรที่ฟื้นความสนใจในตัวเราจากคู่สนทนาท่านนี้ได้นั่นแหละ นึกออกยังว่าจะพิมพ์อะไร นึกออกแล้วเหรอ ไหนๆ กระซิบบอกหน่อยซิ อยากรู้ ... .. ...อาฮะ

ประโยคแก้เขินควรเป็นคำพูดที่เขาไม่กล้าอาฮะใส่เรา หรือถ้าเผลออาฮะมาก็ยิ่งดี เช่น หนี้ที่ติดแกชั้นไม่คืนนะ หรือถ้าเป็นคนที่คุณจีบอยู่ก็ขอเป็นแฟนเลย แคปหน้าจอไว้เป็นหลักฐานด้วยว่าเธอโอเคกับเราแล้ว อย่าๆๆ

ไม่ได้เล่นมุกซะหน่อย 555 มาซะงั้น



คือไม่ได้เล่นมุกอะไรเลยนะ ไม่ได้พิมพ์อะไรตลกๆ ส่งไปด้วย ก็คุยไปตามปกตินั่นแหละ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ เลข 5 สามตัวซะงั้น บางทีก็แค่สองตัว ดีกว่านั้นหน่อยคือมีเครื่องหมาย + ต่อท้าย ...เอ่อ ไม่ดี แบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

ประโยคแก้เขินในกรณีที่ตอบมาแต่ตัวเลขแบบนี้ ควรหน้ามึนทำเป็นตั้งโจทย์เลขใส่ไปเลยเช่น 50+5 เท่ากับเท่าไหร่ 5x11 เท่ากับเท่าไหร่ 20,453 ยกกำลัง n+a หารด้วย 87 ตามหลักของสมการแมกซ์เวลล์เท่ากับเท่าไหร่

มีธุระปะปังต้องรีบไป



จริงๆ แล้วนี่เป็นการตัดจบบทสนทนาที่ดีมากเลยทีเดียว คนเรามีธุระต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ควรจะทำให้เนียนๆ หน่อย เช่นบอกว่าขอตัวนะจะไปกินข้าว ...เมื่อชั่วโมงที่แล้วแกเพิ่งอัพเฟสบุ๊กคู่กับจานข้าวมันไก่อยู่หยกๆ หรือจะขอตัวไปทำงานต่อ ...ซักพักเช็คอินที่สยาม เนียนๆ หน่อยคุณ เนียนๆ หน่อย

วิธีนี้แก้เขินง่ายๆ ด้วยการขอไปทำธุระด้วยซะเลย เช่นเขาจะไปกินข้าว (กินด้วยๆ) จะออกไปข้างนอก (ไปด้วยๆ) ไปนอนก่อนนะ (นอนด้วยๆ)

ส่งสติ๊กเกอร์กลับรัวๆ



นอกจากการพิมพ์ข้อความ การใช้สติ๊กเกอร์ก็เป็นอีกหนึ่งการสื่ออารมณ์ในการสนทนา ถ้าเลือกใช้ดีๆ ไม่ต้องพิมพ์คำพูดยังเข้าใจกันได้เลย เพียงแต่บางครั้งมันไม่ใช่อ่ะ เธอเล่นกดมั่วๆ กลับมาแบบไม่เกี่ยวกับที่ทางนี้พิมพ์ไปด้วยซ้ำ หรือเกี่ยวก็มีแต่ติ๊กเกอร์ๆๆ หมายความว่ายังไง้

มีสุภาษิตที่ว่า ติ๊กเกอร์ยอกต้องเอาติ๊กเกอร์บ่ง (อ้าว ไม่มีเหรอ) แต่เราขอแนะนำวิธีนี้นี่แหละ แก้เขินได้ดีนัก ส่งติ๊กเกอร์มาเหรอ งั้นชั้นส่งกลับรัวๆ เลย นี่แน่ะๆๆ อันนี้ติ๊กเกอร์ยอดขายอันดับหนึ่ง ส่วนอันนี้เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อวาน เอาไปดูให้ครบทุกแบบเล้ย นี่แน่ะๆๆ

คุยกันเป็นกลุ่มสนุกสนาน พอเราพิมพ์ไปกลายเป็นห้องร้างทันที



ไม่เอาน่า นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่มั้ย พอดีพิมพ์ไปตอนประเด็นที่คุยจบพอดีใช่มั้ยพวกแก ชั้นผิดเองแหละที่ร่วมแจมช้าไปหน่อย งั้นก็แยกย้ายกันเนอะ ...หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็กลับมาคุยกันอย่างสนุกสนานใหม่ แบบนี้เราก็ได้แต่กดอ่าน ไม่กล้าพิมพ์แจมด้วยเลย กลัวห้องร้างให้สะเทือนใจอีก

กรณีนี้การแก้เขินไม่ใช่ทางออกที่ดีซักเท่าไหร่ แต่ควรดึงให้เพื่อนทุกคนที่เงียบกลับมาคุยกับเราให้ได้ เช่น พิมพ์เรื่องที่ยัยตั๊กแอบหยอดวัฒนชัย หรือข้อความประเภทใครเห็นแล้วไม่รีบตอบจะมีอันเป็นไปภายใน 7 วัน

อ่านแล้วไม่ตอบ ให้ขึ้น Read เฉยๆ



เฮ้ แบบนี้มันเจ็บปวดนะ ปล่อยให้ทางนี้พิมพ์ค้างเอาไว้แล้วทางโน้นแค่มาเปิดอ่านแล้วก็ปิดหน้าจอไปซะงั้นเนี่ยนะ ถ้าจะทำแบบนี้ก็ไม่เปิดอ่านให้ขึ้น Read ไปเลยยังเจ็บน้อยกว่าซะอีก ปัทโธ่



ขอถอนคำพูด แบบนี้เจ็บกว่าแฮะ อูย...

พิมพ์บอกกันตรงๆ นี่แหละ



อันนี้เจ็บสุด โหดไปมั้ยเนี่ย ช่วยใช้วิธีที่ผ่านมาอันไหนก็ได้ซักข้อเถอะ ได้โปรด T_T

ขั้นนี้แล้วยังจะมาแก้เขินอะไรได้อีก! ทำใจสถานเดียว!