โห 'เส้นเขตแดนทั่วโลก' ที่ชวนให้รักกันมากกว่าแบ่งแยก

นอกจากการขึ้นเครื่องบินเหินฟ้าข้ามไปประเทศนั้นประเทศนี้ ชาวมินิมอร์เคยเดินข้ามแดนไปยังประเทศไหนกันบ้าง ? คงพอจะนึกออกว่าในหลายประเทศกว่าจะเดินข้ามเส้นเขตแดนกันได้ต้องผ่านขั้นตอนวุ่นวายหลายล้านตลบ (แค่ข้ามแดนก็เหนื่อยแล้ว!) ไหนจะทหาร ลวดหนาม และสารพัดด่านปราการ แต่วันนี้มินิมอร์จะพาไปดูเส้นเขตแดนที่ทำลายทุกความเข้าใจเดิม ๆ ของมนุษยชาติ เส้นเขตแดนที่ไม่แบ่งแยก แต่ทำให้ประเทศข้างเคียงเข้ามาใกล้ชิดกันได้อีก

brightside.me

เริ่มกันที่เส้นเขตแดนของประเทศเยอรมันนีกับสาธารณรัฐเช็ก นอกจากจะไม่มีทหาร ลวดหนาม และข้อบ่งชี้อื่น ๆ ว่าเป็นเส้นแบ่งประเทศแล้ว ยังสวยจนอยากไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิตเลยทีเดียว

brightside.me

ตามมาติด ๆ กับเนินหิมะที่เห็นกันอยู่นี้ คือ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างนอร์เวย์และสวีเดน นอกจากจะไม่ต้องเดินผ่านด่านตรวจและเจ้าหน้าที่หน้าดุแล้ว ยังร่อนสกีลงเนินข้ามแดนแบบสนุกด้วย ชิลล์ด้วยได้อีก (รักเส้นเขตแดนแบบนี้จัง)


ก่อนจะรู้ว่านี่คือเส้นเขตแดนระหว่างประเทศอะไร ลองมองลงไปให้ดี ๆ ว่าคุณเห็นเจ้าปลากลางรูปนั่นไหม ถ้าเห็นแล้วละก็ขอให้รู้ไว้ว่าโปแลนด์และยูเครนเขาไม่ได้มาเล่น ๆ แต่ทำเส้นเขตแดนให้เป็นงานศิลปะเสียเลย! ภาพถ่ายเส้นแบ่งประเทศจึงมีเจ้าปลาพาดผ่าน ซึ่งก็เป็นฝีมือของศิลปินชาวโปแลนด์ นามว่า Jarosław Koziara นั่นเอง


ยังคงความชิลล์ และคอนเซปต์ของเส้นเขตแดนที่ไม่แยกแต่แนบชิดกันอย่างต่อเนื่อง นี่คือเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสวีเดนกับฟินแลนด์ ที่ไม่ใช่แค่คนเดินทางข้ามได้ แต่ยังเล่นกอล์ฟกันได้เลย (โหห ดีอ่ะ) ระวังอย่าตีเพลินจนลูกกอล์ฟไปลงหัวใครเข้าล่ะ


อย่าเพิ่งคิดว่านี่คือร้านกาแฟข้างทางธรรมดา ๆ ล่ะ เพราะนี่คือเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเบลเยี่ยมกับเนเธอร์แลนด์ (เห็นตัวอักษรเอ็นกับแอล แล้วก็ตัวบีตรงกลางภาพไหมล่ะ) แบ่งกันอย่างมินิมอลและเรียบง่ายกันดื้อ ๆ อย่างนี้แหละ ง่ายจนเราสามารถเข้าร้านกาแฟทางเนเธอรแลนด์ แล้วออกทางเบลเยี่ยมได้ (เก๋มาก)

Derby Line คือชื่อของเส้นดำ ๆ กลางรูปที่ลอดใต้โต๊ะไปนั่นแหละ เจ้าเส้นนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (เดี๋ยวนะ ลงทุนกันหน่อยสิ กั้นเส้นเขตแดนด้วยสก็อตเทปกันหรอ!?) โดยเส้นนี้ก็จะพาดผ่านกลางเมืองและบรรดาอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ (อะไรจะง่ายดายขนาดนั้นอ่ะ)

นี่คือใจกลางของศูนย์ธุรกิจ Eurode และเส้นตรงกลางรูปก็คือเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศเยอรมันนีกับเนเธอร์แลนด์ แม้สองประเทศจะตั้งอยู่แนบชิดกันขนาดนี้ แต่ถ้าอยากส่งไปรษณีย์ละก็ ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว (เดินมายื่นให้กันเองดีกว่าไหม)

ปิดท้ายกันที่ประเทศแถบเอเชียกันบ้างเพราะนี่คือเส้นเขตแดนระหว่างมองโกเลียและจีน ไม่มีทหารหาญและลวดหนาม แต่มีเจ้าไดโนเสาร์สองตัวยืนจุ๊บกันแทน (แทนความหมายของความรักและสันติภาพหรือเปล่านะ)

ไม่ว่าเส้นเขตแดนจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ความรักและมิตรภาพก็ย่อมมีหน้าตางดงามกว่าสงครามและความเกลียดชัง คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถข้ามเส้นแขตแดนไปที่ไหน ๆ ได้เหมือนว่าโลกนี้คือบ้านของเราทุกคน แต่ถ้ายังไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เส้นเขตแดนพวกนี้คงสร้างรอยยิ้มและความรู้สึกของเส้นเขตแดนที่ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเสมอไปไว้ในใจชาวมินิมอร์ทุกคนได้บ้าง


ที่มา