ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้
ไม่มีข่าวไหนที่จะ ‘กระตุ้น’
ความโกรธของชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในสังคมออนไลน์ไปมากกว่า ข่าวที่ว่า
‘ขนส่งทางบกขอให้ GrabBike
ระงับการบริการโดยทันที เพราะขัดกับข้อกฎหมาย’
จริงๆ
แล้วปัญหาแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของประเทศไทย (หรือกรุงเทพฯ) เพียงประเทศเดียวนะครับ เมืองทั่วโลกก็ประสบกับปัญหาการเข้ามาดำเนินธุรกิจ
‘ใหม่’ ที่เรียกกันว่า sharing economy (ซึ่งหากเรียกว่า gig
economy จะตรงกว่า) คล้ายๆ กัน
เพราะมันเข้ามาทำลาย ‘กฎ’ บางอย่างที่สังคมตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้า
Airbnb, Grab หรือ Uber ต่างเข้ามาเติมเต็มช่องว่างความต้องการของพลเมืองอย่างที่รัฐไม่เคยให้ได้มาก่อน
มัน ‘บอก’ พลเมืองว่ารัฐไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในการจัดการปัญหาพวกนี้ ดูสิ
พวกฉันทำงานได้มีมาตรฐานกว่า ‘ปลอดภัย’ กว่า ซ้ำยังราคาถูกกว่าอีกด้วย
แล้วจะไปเลือกช่องทางที่ ‘ถูกต้อง’ ทำไม
ธุรกิจห้องพักราคาถูกทั่วโลกเกิดขึ้นเพราะ
Airbnb
ทำให้รัฐหารายได้จากห้องพักเหล่านี้ไม่ได้ (เพราะติดต่อเข้าพักแลกเปลี่ยนเงินกัน
‘นอกหูนอกตา’) ซ้ำยังไม่อาจควบคุมมาตรฐานของธุรกิจได้
เช่นเดียวกับ Grab และ Uber ที่นอกจากรัฐจะต้อง
‘เสียเงิน’ (เพราะเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษีใดๆ ไม่ได้)
แล้วยังต้องเสียหน้าอีกต่างหาก
ยังไม่นับวินมอเตอร์ไซค์หรือวินแท็กซี่สนามบินที่อาจเคยทำรายได้ให้ผู้มีอิทธิพล
ต้องสูญเสียไปให้ ‘บริษัทข้ามชาติ’ แบบต่อหน้าต่อตา
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้โดยสมบูรณ์ว่า
รัฐจะต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง เพราะรัฐนั้นตั้งอยู่บนฐานคิดจากบนลงล่าง
พยายามควบคุมอำนาจให้อยู่ที่ศูนย์กลางมากที่สุด
ในขณะที่ธุรกิจเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคิดตรงกันข้าม
นั่นคือมองจากความต้องการของประชาชนก่อน แล้วจึงพัฒนาอะไรบางอย่างขึ้นมาตอบรับ (จากล่างขึ้นบน)
ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจผ่านทางกลไกของตลาด
ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าบริษัทที่ว่ามาทำเพื่อประชาชนแต่อย่างใดนะครับ เขาก็ทำเพื่อตัวเองนั่นแหละ—แต่การกระทำของเขาทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ไปพร้อมกันด้วย
เจ้าหน้าที่รัฐหลายคนมองว่าสาเหตุที่ทำราคาได้ถูกกว่า
นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้ ‘ต้นทุน’ ในการทำให้ถูกกฎระเบียบ
แท้จริงแล้วหากมองจากเหตุผลต่างๆ ที่กรมขนส่งทางบกให้กับการระงับบริการ GrabBike ในครั้งนี้ ก็มีอยู่หลายข้อทีเดียวที่ Grab ทำให้มัน
‘ถูกต้อง’ ขึ้นได้ เช่น ปรับไปใช้รถสาธารณะ ทำใบขับขี่ถูกประเภท
ลงข้อมูลในศูนย์ประวัติ แต่ก็มีบางข้อที่หากทำแล้วจะสูญเสีย ‘ข้อได้เปรียบ’ ไปเลย
เช่น หากต้องวิ่งเฉพาะเส้นทางหรือเฉพาะพื้นที่ก็ไม่ต่างจากวินมอเตอร์ไซค์ทั่วไป
gig economy นั้นไม่ได้ถูกต้องไปเสียทั้งหมด
มันมีมุมมืด มีปัญหา และ ‘ความแกมโกง’ ของมันอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน
รัฐก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเสียบ้าง
ถึงแม้ว่านั่นอาจหมายถึงการยอมสละอำนาจควบคุมบางอย่างไปอยู่ในมือคนอื่นก็ตาม
นี่จึงเป็นกระบวนการเรียนรู้กันระหว่างธุรกิจ gig economy กับภาครัฐว่าจะหาเส้นตรงกลางกันอย่างไร โดยมีข่าวยกเลิก GrabBike เป็นเพียงยกแรกๆ ของการดวลหมัดอันยาวนานเท่านั้น
จากคอลัมน์ Lab โดยทีปกร วุฒิพิทยามงคล : giraffe Magazine 36 — Stock Issue
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ giraffe