คุณเคยประสบปัญหานี้หรือไม่! เดดไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ว่าไม่มีอะไรนอกจากกระดาษเปล่า! มันทำให้คุณต้องพบกับความยากลำบาก มินิมอร์ขอเสนอตัวช่วยที่จะทำให้คุณพ้นจากปัญหานี้ เพียงแค่ลองปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานตามสไตล์ของนักเขียนดังดู เท่านี้คุณก็อาจจะพบกับทางออกของปัญหาจนปั่นงานได้ลื่นไหล...ก็ได้ (โอ้ พระเจ้า มินิมอร์ มันยอดมาก)
มินิมอร์ก็เคยคิดนะ...ว่าทำไมคนเราถึงยังต้องการทำต้นฉบับได้เร็วขึ้น ทั้งๆ ที่เราก็มีเดดไลน์จ่อคอหอยอยู่แล้ว แต่พอมินิมอร์บทวนอีกที ก็พบว่า อ๋อ...เพราะจริงๆ แล้วเราไม่ค่อยได้ทำงานเสร็จก่อนเดดไลน์ไงล่ะ! เหตุผลมันก็มีต่างๆ นานา ทั้งเกิดป่วย เจออุบัติเหตุ มีธุระ แต่ถ้าไม่ใช่เหตุฉุกเฉินทั้งหมดแต่ก็ยังเขียนไม่ออก...หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าตัน มันก็ต้องหาทางแก้ไขสิ!
ลองวิธีสร้างความ productive ของนักเขียนดังเหล่านี้กันสักหน่อย เผื่ออันไหนมันจะคลิกกับเพื่อนๆ แล้วทำให้งานไปได้ดีกว่าที่เคย
William Hogarth - A Midnight Modern Conversation
1. เปลี่ยนท่าให้ไม่จำเจ
ใครเป็นคนบอกว่าเวลาทำต้นฉบับต้องนั่งเขียน? เฮ้ยยย อย่ากรอบตัวเองอย่างนั้น การปั่นงานมันไม่ขึ้นอยู่กับท่าทางเพียงท่าเดียวหรอก ทำไมไม่ยืน นอน หรือกลับหัวบ้างล่ะ! (เดี๋ยวๆ จะดีเหรอ)
ไม่รู้! ต้องลองสิ แต่มีคนที่ลองทำแล้วมันได้ผล แล้วกลายเป็นท่าประจำในการทำงานด้วย อย่าง Ernest Hemingway, Charles Dickens, Virginia Woolf, Lewis Carroll แล้วก็ Philip Roth นักเขียนชื่อดังทั้งหมดยืนเขียนกันเป็นประจำนะ (นี่ก็เพิ่งรู้) Truman Capote นี่แอดวานซ์ไปอีกระดับด้วยการนอนเขียน แต่คนที่พีคกว่านั้นคือ Dan Brown เพราะเขากลับหัว! แต่ไม่ได้กลับหัวไปพิมพ์ไป ใจเย็นๆ เขาห้อยหัวด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายก่อนทำงานต่างหาก เขาว่ามันช่วยให้คิดงานได้ลื่นไหลมากขึ้น
มินิมอร์ขอแนะนำ กรุณาอย่าเลือกท่าที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือแบบที่เซฟสุด ลองโยคะไปคิดไปมั้ย คิดนะ ไม่ใช่เขียน
Vermeer - The Geographer
2. เปลี่ยนกระดาษหรือหมึกที่เขียน
เชื่อไหมว่าสมัยนี้ยังมีคนเขียนลงบนกระดาษก่อน เพราะการได้อ่านข้อความที่อยู่บนกระดาษมันทำให้เราเห็นภาพรวมง่ายขึ้น บางครั้งอาจจะเขียนต้นฉบับจริงๆ หรืออาจจะแค่เขียนโครงเรื่องรวมถึงไอเดีย แต่สำหรับนักเขียนในยุคก่อนมีคนที่ไปไกลกว่าการเขียนลงบนสมุดหรือกระดาษขนาดธรรมดา Vladimir Nabokov เขียนข้อความลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆ (แบบกระดาษไซส์การ์ดไรงี้) เพื่อที่ว่าเขาจะเอามันมารวมกันหรือสลับตรงไหนก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่แนะนำเหมือนกัน แต่ที่เคยทำคือเอา element ต่างๆ มาเขียนใส่กระดาษชิ้นเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เสร็จแล้ววางบนโต๊ะ แล้วก็เลื่อนสลับไปมาตามอัธยาศัย เราก็จะสามารถตัดต่อเนื้อหาจนมันได้อย่างใจเราได้ โดยที่ไม่ต้องฉีกทั้งหน้าไง เก๋ เคยอ่านเจอว่ามีนักเขียนบางท่าน(ในสมัยก่อน) ต้องการเขียนงานอย่างลื่นไหล เลยเอาขี้ผึ้งป้ายกระดาษให้ต่อกันยาวเป็นม้วนแล้วเขียนทีเดียว
พอยุคนี้ที่เราพิมพ์มากกว่าเขียน เราสามารถปรับหน้าตาโปรแกรมที่พิมพ์อย่างไมโครซอฟท์เวิร์ดได้ด้วยนะ ทุกคนรู้กันอยู่ว่าเราเปลี่ยนสีฟอนท์ได้ แต่เคยลองเปลี่ยนสีกระดาษกันหรือยัง? เราสามารถวางภาพซ้อนจางๆ ในหน้ากระดาษได้ด้วยนะเอ้อ อาจจะเสริมสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีได้ด้วย
สำหรับนักเขียนไทย ที่นักออกในตอนนี้ก็ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือที่เรารู้จักกันในนามปากกา "ทมยันตี" ท่านเขียนต้นฉบับโดยใช้ปากกาสีม่วง
มินิมอร์ขอแนะนำ อย่าใช้สีสดไปนัก อย่าใช้สีที่มันตัดกันมาก ระวังดวงตาบ้างเถอะเธอ...
Starry Night - Van Gogh
3. ทำสภาพแวดล้อมให้เงียบและว่างเปล่า
"สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนน"
บางคนต้องเขียนงานตอนที่เปิดเพลงดังๆ แต่นักเขียนหลายท่านก็เลือกอยู่กับความว่างเปล่า เพื่อที่ตัวอักษรในหัวจะได้โลดแล่นได้อย่างเต็มที่! Francine Prose ก็เป็นนักเขียนท่านหนึ่งที่ชอบความว่างเปล่า โดยการทำงานแบบหันหน้าเข้าผนังโล่งๆ ไม่มีอะไรเล้ย นอกจากผนัง (แต่จะเป็นผนังอิฐแดง อิฐมวลเบา หรือผนังปูนเปลือย ก็แล้วแต่รสนิยมจ้ะ) ส่วน Jonathan Franzen นั้นปรารถนาความเงียบอย่างที่สุด เขาอยู่ในห้องที่มีผนังกั้นเสียง ใส่จุกอุดหู สวมที่ครอบหูทับ แล้วก็มีที่ปิดตาเพื่อจะได้มีสมาธิ แม้มินิมอร์จะสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าปิดตาแล้วจะเขียนหรือพิมพ์อย่างไร... แต่เอาน่ะ เขาคงมีวิธี อาจจะแค่บังด้านข้างก็ได้
มินิมอร์ขอแนะนำ ได้โปรดมีช่องทางติดต่อโลกภายนอกบ้าง ไม่อย่างนั้นถ้ามีเหตุอะไรในห้อง มันจะกลายเป็นคดีในฆาตกรรมในห้องปิดตายไป
Leonardo da Vinci - Vitruvian man
4. ใส่เสื้อคนอื่นไม่ก็เปลือยซะเลย
เสื้อผ้าเป็นผิวสัมผัสที่ใกล้ชิดคนที่สุด ถ้าใส่เสื้อผ้าที่สบายตัวก็จะทำให้เราสบายใจและดิ่งลงไปในสมาธิได้อย่างดี Francine Prose จะสวมกางเกงชุดนอนผ้าสักหลาดลายตารางหมากรุกแดงดำกับเสื้อทีเชิร์ตของสามี ส่วน Victor Hugo นั้นมักจะเปลือยร่างระหว่างที่เขียนต้นฉบับ อาจจะเหมือนการเปล่าเปลือยตัวเองจากพันธนาการทั้งหลาย และเมื่อเปลือยก็ออกจากบ้านไม่ได้ ทำงานไปซะ! เขาถึงมีงานอย่าง The Hunchback of Notre-Dame และ Les Misérables ไงล่ะ กลิ่นของเสรีภาพเป็นเช่นนี้ *ร้องดู๊ยูเหี่ยร์เดอะผี่เพิลซิ้งอย่างฮึกเหิม*
มินิมอร์ขอแนะนำ ถ้าจะโป๊เปลือยดูให้ดีว่าปิดหน้าต่าง ปิดม่าน ปิดประตูแล้ว
Edward Munch - The Scream
5. เขียนอะไรก็แสดงออกตามนั้น
Aaron Sorkin นักเขียนบทละครมือรางวัลเคยสารภาพว่าเขาทำจมูกหักเพราะลองซ้อมบทหน้ากระจก... มินิมอร์ต้องขอให้เพื่อนๆ ใจเย็นๆ อีกนิด การเปล่งเสียงออกมาดังๆ หรือลองวาดมือ ตวัดขา ทำท่าทางแบบตัวละครเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้ว มันทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นใช่ไหมล่ะ? แต่ได้โปรดระวังสุขภาพตัวเองด้วย อย่าไปกระโดดลงจากบันไดหรือทำอะไรเสี่ยงตามในนิยาย บางอย่างให้เห็นภาพในหัวก็พอนะ...
บางคนก็ทำสีหน้าตามเรื่องราวที่พิมพ์อยู่ใช่ม้า... เรารู้นะ! นางเอกยิ้มก็ยิ้มด้วย พระเอกหัวเราะก็หัวเราะตาม ระวังเรื่องสถานที่หน่อยล่ะ เดี๋ยวคนรอบข้างจะหวาดกลัวเราได้ คนอะไรทำไมเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหน้าบึ้ง
มินิมอร์ขอแนะนำ ควรกระทำในที่รโหฐาน รโหฐานแปลว่าที่ส่วนตัว... ไม่งั้นอาจจะทำร้ายคนรอบข้างได้
The Journey
6. เช่าห้องหรือโรงแรมเก็บตัวเงียบ
Maya Angelou ถึงกับได้รับโน้ตจากโรงแรมว่า "ได้โปรดให้เราเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเถอะ มันน่าจะยุ่ยแล้วล่ะ" นั่นเพราะเธอจากบ้านไปอยู่โรงแรม และทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีเพื่อนแท้นามเชอร์รี่อยู่ข้างกาย! (ไม่ใช่ผลไม้ มันเป็นเหล้า) การอยู่ในบ้านมันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวเอง แต่มันก็ยังมีงานบ้านที่ต้องทำใช่ไหมล่ะ? วุ่นวายไปหมด หนีไปอยู่โรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มันซะเลย ข้าวก็โทร.สั่ง ความสะอาดก็ปล่อยให้แม่บ้านเขาทำไป ค่าน้ำไฟรวมกับโรงแรมแล้ว เวิร์ก!
แต่ก็ควรยอมให้เขามาทำความสะอาดบ้างนะ...
มินิมอร์ขอแนะนำ ดูงบด้วย...และถ้าอยู่นาน ลองเจรจากับโรงแรม เผื่อได้ดีลพิเศษถูกกว่าปกติ หรือถ้าจะเอาใจมากกว่านั้น ก็บอกว่าฉันจะใช้โรงแรมคุณเป็นฉากในหนังสือนะ! เฮ้ย ดูดี แต่อย่าเขียนพวกคดีฆาตกรรม เชิญเช็คเอาท์ค่ะ!
Morning on the Seine near Giverny - Claude Monet
7. เลือกเวลาทำงานที่ชอบใจ
Ernest Hemingway บอกว่าชอบทำงานตอนเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนในตอนกลางวัน นี่ขนาดเขาประเทศเขตหนาวยังต้องหลีกเลี่ยงอากาศร้อนอย่างนี้ แล้วนักเขียนใกล้เขตเส้นศูนย์สูตรอย่างไทยนี่ต้องทำงานเวลาไหน!
ถ้าเป็นมินิมอร์เองชอบทำงานตอนดึกสงัดเกือบรุ่งสาง อย่างหลังตีสองเป็นต้นไป แต่ปัญหาที่ตามมาคือง่วงมาก เบลอ เขียนอะไรไปจำไม่ได้ แล้วก็แก้บานเบอะ แถมยังนอนไม่พอ ภูมิแพ้ขึ้น (คนอะไรอ่อนแอเหลือเกิน) มินิมอร์เลยเปลี่ยนเวลานอน นอนตั้งแต่สองทุ่ม ตื่นตีสองหรือตีสามมานั่งเขียนงาน เสร็จแล้วถ้าง่วงก็นอนต่อตอนตีห้า หกโมง หรือเจ็ดโมงเช้า เชื่อไหมว่าได้ปริมาณงานที่เยอะและมีคุณภาพสุดๆ
มินิมอร์ขอแนะนำ คุยกับคนที่บ้านให้ดี ถ้ารักจะทำงานในเวลาที่สวนทางกับการใช้ชีวิตของคนอื่น ไม่อย่างนั้นจะโดนปลุกบ่อยๆ ทำให้นอนไม่อิ่มนะ ผลเสียตามมามากมายเลยเถอะ
Bacchus - Caravaggio
8. ดื่มเหล้าหรือกาแฟแทนน้ำ
จริงๆ เขาก็ดื่มน้ำแหละ แต่มินิมอร์อยากเรียกว่าดื่มจนแทบจะอาบแล้วเฮ้ย ถ้าเหล้าก็เมาหัวราน้ำแล้ว (เกรงใจ) อย่าง Maya Angelou ก็ดื่มเหล้าเชอร์รี่ ส่วน Honoré de Balzac นั้นดื่มกาแฟวันละประมาณ 50 แก้ว.... เยอะมาก ไม่ดีกับใจ...(เรื่องจริง ไม่ใช่วลี) แต่นักเขียนหลายคนดื่มกาแฟแล้วหัวแล่นจริงๆ รอบตัวมินิมอร์เจอคนที่ขายวิญญาณให้กาแฟไม่น้อยเลยล่ะ
มินิมอร์ขอแนะนำ อะไรที่มากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ดื่มแต่พอดีนะ เมาน็อคไปตอนเดดไลน์หายนะกว่าเดิมแน่นอน
The Soul of the Rose - John William
9. ไม่กินข้าวกินปลาจนกว่าจะเขียนเสร็จ
อย่าดักคอว่ากินหมูกินเนื้อ! มีนักเขียนที่แทบไม่กินอะไรเลยระหว่างเขียนจริงๆ อย่าง Marcel Proust นี่ แม่บ้านของเขาบอกว่าอยู่ได้ด้วยกาแฟนม 2 แก้ว กับครัวซองต์ 2 ชิ้น บางวันก็ชิ้นเดียว โอย...ปวดกระเพาะแทน แม้จะทำร้ายร่างกายไปหน่อย แต่ถ้าทำแล้วงานไหลลื่นดีก็...ลองได้มั้ง แต่ถ้าพูดกันตามตรง มินิมอร์ก็ทำงานตอนก่อนรุ่งสางลากยาวไปจนสายแล้วถึงเพิ่งได้กินข้าวเหมือนกันล่ะ เพราะท้องอิ่มแล้วมันง่วง
มินิมอร์ขอแนะนำ โรคกระเพาะเป็นแล้วไม่หายง่ายๆ และทรมานมากนะ
มินิมอร์แอบไปถาม พี่แชมป์ ทีปกร ว่าชอบทำอะไรให้เขียนคล่องๆ พี่แชมป์ตอบมาว่า "อาบน้ำ" เหมาะกับประเทศไทยดีจริงๆ เพราะมินิมอร์เองก็หัวแล่นถ้าได้อาบน้ำสระผมล่ะ เพราะอะไร หรือเพราะเราโสโครกไป พอชะล้างออกเลยดีขึ้น ซับซ้อนจริงๆ