"ผมพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าพูด" เสก โลโซ กร้าว คนชอบผม เพราะรู้สึกว่าไอ้นี่แม่งเป็นเหมือนกู

เหมือนฉากในหนังสักเรื่อง ทันทีที่รถตู้สีขาวคันนั้นเลี้ยวเข้ามาสู่บริเวณตึกที่ตั้งของออฟฟิศ ฝูงชนจำนวนมากก็กรูกันเข้าไป ...มีข่าวเล็ดลอดไปยังแผนกอื่นมาหลายวันแล้วว่า วันนี้ เสก โลโซ หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย จะมาถ่ายแบบขึ้นปกกับ giraffe Magazine และนั่นเองที่ทำให้ใครหลายคนเตรียมตัว โดยหวังจะได้ถ่ายรูปคู่กับเขาสักรูป



คนในวัยยี่สิบกว่าถึงราวสี่สิบปีล้วนเติบโตมากับเพลงของเขา ฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป ซมซาน พันธ์ทิพย์ ล้วนสถิตอยู่ในความทรงจำ เราผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น มีเพลง เคยรักฉันบ้างไหม เป็นเพื่อนลูบหลังยามต้องหลั่งน้ำตาให้การอกหัก มี คืนจันทร์ ไว้พร่ำเพ้อฝากรักในยุคที่โซเชียลมีเดียยังไม่ถือกำเนิด และมี รอยยิ้มนักสู้ เอาไว้ปลอบประโลมใจในวันที่บางสิ่งไม่เป็นดังหวัง
เราผ่านโมเมนต์แบบนี้มาแล้วทั้งนั้น...
รถตู้เลี้ยวเข้ามา ชายหนุ่มผมยาวลดกระจก ฝูงชนที่กรูกันเข้าไปหยุดชะงัก "นัดไว้บ่ายสองใช่ไหม งั้นเดี๋ยวพี่มา" เขาว่า แล้วรถตู้ก็ขับออกไป
เสก โลโซ มาก่อนกำหนดนัดหมายหนึ่งชั่วโมง แต่เราก็สงสัยเหลือเกินว่า เวลาที่เขาหายไป เขาพาตัวเองไปอยู่ที่ไหน...
แต่แล้วหลังจากนั้นมันก็เป็นปรากฏการณ์ ทันทีที่ช่างภาพกดชัตเตอร์ภาพแรก จิตวิญญาณของร็อกเกอร์ก็ฉายออกมาผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเราแทบไม่ต้องบิลต์อะไร พร้อมๆ กับฝูงชนมากมายที่ไหลเวียนกันเข้ามาจนล้นทะลักสตูดิโอ มองดูชายหนุ่มผมยาวเบื้องหน้าอย่างชื่นชม ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับปกไหนๆ ของ giraffe มาก่อน
"เหมือนพี่เสกไม่ได้มาถ่ายงานกับเราเลยเนอะ เหมือนเขามาพบปะแฟนคลับมากกว่า"
ใครบางคนในทีมว่าแบบนั้น และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อการถ่ายปกจบลงอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นมืออาชีพของเขา พร้อมรอยยิ้มปลื้มปริ่มของแฟนคลับทุกคนที่ได้ถ่ายรูปคู่กับพี่เสกสมใจ
“ผมดีใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่ได้กลับมาซอยสถานทูตจีน เมื่อก่อนผมเคยอยู่ที่นี่ ที่ดวงพรแมนชั่น”
เพลงแทบทุกเพลงในอัลบั้มแรกของโลโซ ที่ชื่อ LO SOciety ถูกแต่งขึ้นในแมนชั่นดังกล่าวที่อยู่ซอยเดียวกับออฟฟิศของเรา ณ ห้อง 205 ที่เสกยังจำได้ดี และเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่หายไปก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้ไปกับการกลับไปเยี่ยมประวัติศาสตร์หน้าแรกของตัวเอง
เราต้องยอมรับว่าในหมู่ทีมงานมีการพูดกันเล่นๆ ทำนองว่า “วันนี้ พี่เสกเขาจะต่อยเราไหม” ข่าวฉาวมากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมาของร็อกเกอร์หนุ่ม ความก้าวร้าวรุนแรงที่สื่อนำเสนอ ทำให้หลายคนหวาดหวั่น แต่เมื่อได้รู้แบบนั้น เราต้องแอบพยักหน้าและยอมรับว่า คนคนหนึ่งย่อมมีแง่มุมของความเป็นมนุษย์อื่นๆ แอบซ่อนอยู่มากมาย มากกว่าที่ได้เห็นจากภาพสองมิติในหนังสือพิมพ์ จอคอมพิวเตอร์ หรือจอโทรทัศน์ อย่างน้อยๆ มันก็คือการไม่ลืมว่าตัวเองเคยเป็นใครและมาจากไหน ซึ่งดูเหมือนเสกก็รู้ดี และยอมรับได้มาเนิ่นนานแล้วว่า ตัวเองเป็นแค่ 'มนุษย์ธรรมดา' ที่มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป เจ็บเป็น รักเป็น และมีหัวใจที่พร้อมจะแตกสลายได้เหมือนกับทุกคน
และนั่นล่ะ ที่ทำให้เพลงของโลโซกลายเป็นตำนานของวงการดนตรีไทย เป็นเพลงระดับ 'มวลชน' ของจริง ถึงขนาดที่คำถามทุกคำถามของเราในบทสัมภาษณ์นี้ล้วนมีชื่อเพลงของเขาบรรจุอยู่

ทำไม Rock n’ Roll Star อย่าง เสก โลโซ ถึงหันมาทำธุรกิจมากมาย ทั้งขายมือถือ เครื่องดื่มชูกำลัง ข้าวมันไก่ ฯลฯ ไม่กลัวภาพลักษณ์ร็อกเกอร์จะเสียเหรอ
คือเนื่องจากปัจจุบัน การค้าขายเพลงเนี่ย จะเรียกว่าขายไม่ได้เลยซะทีเดียวก็กระไรอยู่ แต่มันขายได้น้อยมาก อย่างเมื่อก่อน บางทีเราขายได้ 2 ล้านชุดหลายอัลบั้มมาก แต่ปัจจุบัน เราขายได้แค่ 40,000 ชุด คืออันนี้ถือว่าเยอะแล้วนะ เยอะสุดในประเทศไทยแล้ว เมื่อปีที่แล้ว ผมขายทุกอัลบั้มรวมกันหลายชุดได้เกือบ 2 แสนก๊อบปี้ แต่ก็ยังเรียกว่าไม่พอที่จะเลี้ยงดูลูกน้อง เพราะมันไม่ได้กำไร หรือถ้าได้กำไรก็น้อยมากๆ คือเรื่องเพลง ผู้บริโภคสามารถเปิดฟังจากยูทูบหรือที่ไหนก็ได้แบบฟรีๆ ดังนั้นเราเลยต้องหาสินค้าที่เมื่อขายแล้ว คนอื่นจะไม่สามารถปลอมหรือขโมยไปได้ ซึ่งนั่นก็คือ เครื่องดื่มชูกำลัง ข้าวมันไก่ ฯลฯ แล้วก็ทำร้านอะไรต่างๆ นานา เพราะผมต้องเลี้ยงดูทั้งลูกเต้า พี่น้อง หรือลูกน้อง ต้องยอมรับว่า เราอยู่ด้วยการค้าขายเรื่องเพลงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว



อะไรที่ทำให้คิดว่าจะประสบความสำเร็จใน โลกใบใหม่ อย่างโลกธุรกิจ
เวลาผมทำอะไรแต่ละอย่าง ผมทำจริงจังมากนะครับ ผมเชื่อวิธีคิดแบบ Richard Branson ซึ่งเป็นเจ้าของ Virgin  Group คือเขาเริ่มต้นมาจากการทำค่ายเพลง แล้วเขาก็แตกไลน์ไปทำโน่นทำนี่ เพราะฉะนั้น คนที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการหรือมีไอเดียที่ตกผลึกแล้วเนี่ย ผมเชื่อว่าจะสามารถทำอะไรก็ตามให้สำเร็จได้ มันอยู่ที่ความคิดของคน และผมคิดว่าผมเป็นนักธุรกิจมาตั้งนานแล้วนะ ผมเป็นนักร้อง แต่ผมก็เป็นนักธุรกิจด้วย เพราะผมคิดว่าเพลงของผมทุกเพลงต้องขายได้ ผมเป็นคนของประชาชน พูดง่ายๆ เวลาผมไปไหน จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ลูกเด็กเล็กแดงรู้จักหมด ดังนั้น เราเลยต้องทำสินค้าที่แมสอย่างเครื่องดื่มชูกำลัง ผมเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะคนใช้แรงงานที่ดื่ม พวกฝรั่งเพื่อนผมซึ่งเป็นนักบริหารใหญ่ๆ เขาก็ดื่มนะ เพียงแต่ว่ารากฐานของมันมาจากเป็นเครื่องดื่มของกรรมกรและเครื่องดื่มของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น คือสินค้าที่เราทำอยู่มันไม่ใช่แค่มุ่งไปที่ คนแบบ working class อย่างเดียว แต่คนระดับผู้บริหารก็สามารถใช้ได้ เรากำลังทำงาน แล้วตอนนี้ในโซเชียลมีเดีย เรามีแฟนอยู่เกินสี่ล้านคน เป็นมีเดียที่ใหญ่โตมาก ใหญ่กว่าทีมบุรีรัมย์ ใหญ่กว่าไทยรัฐ ใหญ่กว่าช่องเจ็ดด้วยซ้ำ เรามองเห็นว่าสื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว เราเลยมาจับสื่อตรงนี้ ไม่ว่าจะด้วยเป็นการไลฟ์หรือมุกต่างๆ ซึ่งผมคิดเองทั้งหมดนะครับ ทั้งดูนมสาว ล้างหน้าไก่ (หัวเราะ) ผมเอาสิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือทางการค้า คือใช้โปรโมตเพลง และสินค้า ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมาก

"ผมไม่มีความคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องบ้า คุณลองสังเกตศิลปินต่างชาติหรือคนที่ได้รับความสนใจจากโลกนี้ดู ส่วนใหญ่จะเป็นคนแปลกๆ และคนอื่นจะคิดว่าเขาบ้า จริงไหม แต่เขาอาจจะคิดว่า ฉันไม่ได้บ้า พวกแกต่างหากที่ไม่รู้เรื่องที่พวกฉันรู้"


ตอนนี้ เอาอยู่ หรือยัง
เป็นช่วงกำลังเริ่มต้นมากกว่า ยังพูดไม่ได้ว่าเอาอยู่แล้ว เพราะด้วยความเป็นธุรกิจ มันเลยมีหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการบริหารจัดการคน การบริหารจัดการโรงงาน การค้าขาย คุณภาพสินค้า การโปรโมต โห มีดีเทลเยอะแยะ อย่างเพลง มันมีแค่เขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง ไปเข้าห้องอัด แล้วก็ไปถ่ายภาพ เหมือนเดิมแทบทุกอย่าง ต่างกันแค่เพลงต้องคิดสูตรใหม่เสมอ ความยากง่ายแตกต่างกัน คือสินค้าเราไม่จำเป็นต้องคิดสูตรใหม่ อย่างข้าวมันไก่ เราทำทีเดียว ขายได้ตลอดชีวิต เครื่องดื่มชูกำลัง ทำทีเดียว ขายไปตลอดชีวิต เหล้าขาว ทำทีเดียวขายตลอดชีวิต อะไรแบบนี้ หรือต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แต่ผมคิดว่า สามารถทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก 

สมมติถ้าทำธุรกิจแล้วได้ เงิน เยอะๆ จะเอาไปทำอะไร
ที่วางแผนไว้ด่วนสุดก็น่าจะเป็นเรื่องศูนย์ดูแลสุนัข ตั้งชื่อว่า Hockey Center ซึ่งฮอกกี้เนี่ยเป็นหมาของผมที่ตายไป ผมเป็นคนรักหมา เลยอยากสร้างศูนย์บ้านพักสุนัขจรจัด แล้วตั้งคลินิกรักษาฟรี อีกส่วนก็จะเอาไปช่วยพัฒนาสังคมในเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องกีฬา จากนั้นก็จะไปช่วยเหลือคนที่ทำคุณงามความดีให้ประเทศชาติ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครต่างๆ เพราะในอายุสี่สิบกว่า ผมคิดว่า ผมประสบความสำเร็จแล้วอย่างมาก ไม่มีความรู้สึกว่าเราลำบากอะไรแล้ว เราเลยอยากมอบพลังให้คนอื่น อยากเป็นไอดอลของน้องอีกหลายคนที่ต้องเติบโตขึ้นในภายภาคหน้า และเมื่อเขาประสบความสำเร็จ เขาก็ต้องมาช่วยสังคมด้วย 

มีข้อสังเกตว่าที่เสก โลโซ ทำตัวเหมือน คนบ้า มันคือกลยุทธ์ทางการตลาด
ไม่ใช่นะ จริงๆ ผมเป็นคนเปิดเผยมาก และผมไม่มีความคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องบ้า คุณลองสังเกตศิลปินต่างชาติหรือคนที่ได้รับความสนใจจากโลกนี้ดู ส่วนใหญ่จะเป็นคนแปลกๆ และคนอื่นจะคิดว่าเขาบ้า จริงไหม แต่เขาอาจจะคิดว่า ฉันไม่ได้บ้า พวกแกต่างหากที่ไม่รู้เรื่องที่พวกฉันรู้ เพราะฉะนั้น ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองบ้า แต่เราเป็นคนที่น่าสนใจ มีในสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปเขาไม่มีกัน—ผมไม่ได้ตั้งใจจะดึงความสนใจจากใครเลยนะ ไม่ได้แสดงอะไร ผมคิดแค่ว่า คนเขามาสนใจเราจากสิ่งที่เราเป็นมากกว่า

แล้วในทางสายดนตรีล่ะ คิดว่าตัวเองเป็น ผู้ชนะ ในทางสายนี้หรือยัง
โอ้โห แน่นอน ผมประสบความสำเร็จในเรื่องของการมีอาชีพเป็นนักดนตรีมาก ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานี่ผมสำเร็จมาก  

"มูลค่าของเพลงมันไม่เหมือนเมื่อก่อน สมมติเมื่อก่อนเรามีเงินอยู่ในตลาดของเพลงประเทศไทยทั้งสิ้นประมาณปีละ 5,000 ล้าน แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่ 200 ล้าน ดังนั้นมันไม่มีทางที่ศิลปินใหม่ๆ จะขึ้นเกิดมา แล้วกลายเป็น เสก โลโซ เป็น เบิร์ด ธงชัย เป็น คาราบาว ไม่มีอีกแล้ว เพลงของเขาไม่มีทางที่จะแมสทั่วประเทศได้แบบหลายๆ เพลงของโลโซ เพราะศิลปินไม่มีทางที่จะมีพลังอำนาจเหมือนที่คนเก่าๆ เขาทำมา"


ตอนนี้ เส้นทางชีวิต ด้านดนตรีวางไว้อย่างไร ต่างไปจากเดิมไหม
แน่นอนว่า ผมจะยังร้องเพลงไปจนวันตาย แต่ถ้าถามว่าต่างไหม ก็ต่างกันมาก เพราะการทำงานสักครั้ง เราต้องมีความรู้สึก ความอยาก และความตื่นเต้น แต่ตอนนี้มันน้อยลงเยอะ เพราะเนื่องจากมูลค่าของมัน เราต้องยอมรับข้อนี้ คือเมื่อก่อน มีสิ่งให้สนใจไม่เยอะขนาดนี้ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีอินสตาแกรม ไม่มียูทูบ ดังนั้นเมื่อก่อน สมัยเราดังๆ จุดสนใจมันพุ่งมาที่เรามาก แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เราเลยมีความรู้สึกว่าความอยากมันน้อยลง เพราะคนสนใจน้อยลง คือเพลงก็ยังทำอยู่ แต่ความคิดที่จะทำเป็นอัลบั้มมันยาก เรารู้อยู่แล้วว่าทำไปก็ขาดทุน ไม่ว่าวงอะไร ความรู้สึกตรงนั้นมันน้อยลงแน่นอน แต่เราต้องทำ หมายถึงทำอะไรก็ได้ให้เรายังได้ร้องเพลงต่อไป 

นักร้อง นักดนตรีหน้าใหม่ เขาควรทำอย่างไรให้ตัวเองไต่ไปถึงระดับ เสก โลโซ หรือ เบิร์ด ธงไชย ไม่ใช่แค่ ผ่านมาผ่านไป
ยากมาก ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นได้อีกแล้ว เพราะมูลค่าของเพลงมันไม่เหมือนเมื่อก่อน สมมติเมื่อก่อนเรามีเงินอยู่ในตลาดของเพลงประเทศไทยทั้งสิ้นประมาณปีละ 5,000 ล้าน แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่ 200 ล้าน ดังนั้นมันไม่มีทางที่ศิลปินใหม่ๆ จะขึ้นเกิดมา แล้วกลายเป็น เสก โลโซ เป็น เบิร์ด ธงชัย เป็น คาราบาว ไม่มีอีกแล้ว เพลงของเขาไม่มีทางที่จะแมสทั่วประเทศได้แบบหลายๆ เพลงของโลโซ เพราะศิลปินไม่มีทางที่จะมีพลังอำนาจเหมือนที่คนเก่าๆ เขาทำมา



แต่ปัจจุบันเพลงร็อกแบบโลโซก็ยังอยู่ อะไรที่ทำให้ Rock n’ Roll Never die
Rock n’ Roll มันมาจากชีวิตจริง คนร้องเพลงร็อก ต้องเป็นคนจริง เฟคไม่ได้ คุณสังเกตดูสิ คนไหนถ้าไม่ใช่ตัวจริง ดังแป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็ไป ดังนั้น Rock n’ Roll ต้องเป็นของแท้ ต้องกล้าเผชิญในทุกๆ เรื่อง เอาความจริงมาว่ากัน อย่างเพลงของผมมันมาจากเรื่องราวในชีวิตผม และเรื่องราวของชีวิตผมมันคือเรื่องราวเหมือนคนทั่วไป ทำไมมันถึงครองใจมวลชน ทำไมมันถึงไม่ตาย ก็เพราะคนเขาชอบคุณเพราะมีความรู้สึกว่าไอ้นี่แม่งเป็นเหมือนกูเลย อกหักเหมือนกู และกูอยากจะด่าพวกแม่งสักคนเหมือนเพลงเส้นทางลูกผู้ชายของพี่เสก อะไรแบบนั้น เข้าใจไหม นี่เขาเรียกว่า แมส มันคือสิ่งที่คนในพื้นที่นั้นๆ ชอบมากๆ จนกลายเป็นความป๊อบปูลาร์

 "ถ้าใครไม่ดีผมก็ด่าแม่งเลย ถึงจะถูกมองว่า ไอ้นี่มันเถื่อน มันหยาบคาย มันเป็นคนไม่ดี แต่เราก็มีความรู้สึกว่า เราก็ทำแบบคนทั่วไป จริงๆ แล้ว ผมพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ ผมพูดในสิ่งที่นักร้อง ดาราดังๆ ศิลปินดังๆ มันไม่กล้าพูด เพราะมันกลัวคนจะมองว่าไอ้นี่แม่งนิสัยไม่ดี แต่ผมไม่กลัว ผมจะถามว่า ที่มึงคิดว่ากูไม่ดี มึงดีมากเหรอเนี่ย"


ถ้าในระดับที่แค่พออยู่ได้ โดยไม่ต้องมาบ่นกันว่าฉันจะ ลาจากเธอ ไปเขาควรทำอย่างไร 
ต้องมีความต่อเนื่องอย่างน้อยก็สักห้าปี ต้องไปร้องเพลงในผับแล้วคนรู้สึก เฮ้ย มันมาก ถ้าอยากกับมันไปตลอดต้องค่อยๆ ทำ คือทำให้ได้ก่อน แล้ว maintain ให้อยู่อย่างนี้ไปนานๆ แต่คนที่อยู่นานๆ ได้มันต้องแข็งแกร่งมากนะ

อย่างโลโซเอง มีภาวะ ซมซาน แบบนักดนตรียุคปัจจุบันบ้างไหม
มี มีถึงขนาดที่เป็นภาวะ Rock Star Syndrome คือป่วยทางจิต ตอนขึ้นมาใหม่ๆ จะคิดว่า ถ้าโด่งดังฉันจะทำยังไง จะทำตัวแบบไหน ต้องแคร์คนอื่นเยอะแยะมากมายหรือเปล่า ตอนนั้นยังไม่บรรลุขนาดนี้ คือเราก็แคร์ว่า เฮ้ย ออกไปต้องยิ้มแย้มทั้งที่ไม่อยากยิ้ม เราก็จะมีความรู้สึกว่า ฉันต้องไป give คนตลอดเวลา ทำให้เขามีความสุขตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เราไม่มีความสุข นั่นคือเมื่อก่อน และหลังจากนั้น พอซีดีเริ่มขายไม่ได้ก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าเลย ต้องไปพบจิตแพทย์ เพราะเราจะคิดว่า ฉันเคยทำอาชีพร้องเพลงเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้ามา ปัจจุบันเราจะเลี้ยงเขายังไง แต่แล้ววันหนึ่งด้วยประสบการณ์ก็บรรลุได้ คือทุกอย่างมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการอยู่นิ่ง

แต่ก็ยังมีคนติดตามในแฟนเพจสี่ล้านกว่าคนอยู่ดี อะไรกันแน่ที่ทำให้คนจำนวนมาก ต้องมนต์ ของชายที่ชื่อเสก โลโซ
(หัวเราะ) เราว่าเรามีคาแรคเตอร์ มีความบ้า มีสิ่งที่สตาร์คนอื่นเขาไม่กล้าทำ ไม่กล้าถาม อย่างเช่น “คุณให้คำจำกัดของคำว่าเงี่ยนว่ายังไง” อะไรประมาณนี้ คนแม่งก็จะรู้สึกว่า ไอ้เหี้ย มึงเป็นคนดัง มึงพูดอย่างนี้ออกมาได้ไงวะ คือสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่คนเขาคาดไม่ถึง มันเลยได้ใจคนว่า เฮ้ย ไอ้นี่มันไม่คิดว่าตัวเองโด่งดังหรอก ไอ้พี่เสกแม่งเหมือนกับกูเลย มันคิดว่ามันเป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละ สตาร์ที่จะครองใจมวลชนได้คุณต้องทำให้เขารู้ว่า ฉันไม่ได้ถือว่าตัวเองพิเศษกว่าคุณ ฉันก็เป็นเหมือนคุณ ฉันอยากจะทำในสิ่งที่คนทั่วๆ ไปเขาทำกัน 

"มีถึงขนาดที่เป็นภาวะ Rock Star Syndrome คือป่วยทางจิต ตอนขึ้นมาใหม่ๆ จะคิดว่า ถ้าโด่งดังฉันจะทำยังไง จะทำตัวแบบไหน ต้องแคร์คนอื่นเยอะแยะมากมายหรือเปล่า ตอนนั้นยังไม่บรรลุขนาดนี้ คือเราก็แคร์ว่า เฮ้ย ออกไปต้องยิ้มแย้มทั้งที่ไม่อยากยิ้ม เราก็จะมีความรู้สึกว่า ฉันต้องไป give คนตลอดเวลา ทำให้เขามีความสุขตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เราไม่มีความสุข"


แต่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า หลายปีที่ผ่านมาเสก โลโซ มีข่าวฉาวเยอะ เส้นแบ่งระหว่างคนดีกับ คนไม่ดี ของคุณอยู่ตรงไหน
ผมผ่านเรื่องเหล่านี้มาเยอะมากนะครับ ทำทั้งเรื่องที่ผิดและถูกเยอะแยะไปหมด ยอมรับตลอดว่าเรามีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้น คนเราเนี่ยมันไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมให้ได้ ทำอย่างไรให้คนมองว่า ไอ้นี่มันไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แต่ที่สำคัญคือ เราไม่จำเป็นจะต้องไปทำให้เขารักชอบหมดทุกอย่างหรอก บางทีด่าแม่มันบ้างก็ได้ ผมมีความคิดแบบนี้นะ ไอ้สัตว์นี่มึงเหี้ย ไม่ต้องไปยิ้มให้ทุกคนทั้งๆ ที่ใจเราคิดว่าไอ้นี่เป็นคนไม่ดี ผมไม่มีทางโกหกตัวเองเด็ดขาด เราต้องมีบาลานซ์ของเรา ต้องมีความเป็นตัวตนของเรา ถ้าใครไม่ดีผมก็ด่าแม่งเลย ถึงจะถูกมองว่า ไอ้นี่มันเถื่อน มันหยาบคาย มันเป็นคนไม่ดี แต่เราก็มีความรู้สึกว่า เราก็ทำแบบคนทั่วไป จริงๆ แล้ว ผมพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ ผมพูดในสิ่งที่นักร้อง ดาราดังๆ ศิลปินดังๆ มันไม่กล้าพูด เพราะมันกลัวคนจะมองว่าไอ้นี่แม่งนิสัยไม่ดี แต่ผมไม่กลัว ผมจะถามว่า ที่มึงคิดว่ากูไม่ดี มึงดีมากเหรอเนี่ย 

เคยมีภาวะ เกลียดตัวเอง บ้างไหม
ไม่มี เคยมี แต่ปัจจุบันนี้ไม่มี คือบางครั้งเราก็ทำผิด  

มีอะไรที่ อยากบอกว่าเสียใจ และอยากย้อนกลับไปแก้ไขบ้างไหม
ผมไม่เคยฟูมฟายกับอดีต ผมรู้สึกว่าที่ผ่านมาคือบทเรียนทั้งสิ้น ไม่อยากกลับไปแก้ไข แค่อยากมุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง 



ก่อนหน้านี้ที่โดนสังคมต่อว่าเยอะๆ มี เจ็บหัวใจ บ้างไหม
โห บอบช้ำมาก แต่ก็ด่ามัน แต่งเพลงด่าไปเลย เส้นทางลูกผู้ชายไง ระบายให้มันรู้ไปว่า เฮ้ย มึงมาตอกย้ำซ้ำเติมหรือเหยียดหยามกันมากไป 

นิยามของคำว่า เส้นทางลูกผู้ชาย คืออะไร
ก็คือคนมันมีทั้งผิดและถูก ดีและไม่ดี มีสุขก็ต้องมีทุกข์ ทุกอย่างเป็นสองหมด ดังนั้นไม่มีอะไรที่มันดีไปหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเส้นทางลูกผู้ชายของผมจึงเป็นทั้งคนดีและไม่ดีอยู่ในตัวเดียวกัน ซึ่งคนทุกคนมีหมด เพียงแต่เขาจะกล้าเปิดเผยออกมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องพยายามลดความไม่ดีลงให้เหลือน้อยที่สุด 

"ทำไมมันถึงครองใจมวลชน ทำไมมันถึงไม่ตาย ก็เพราะคนเขาชอบคุณเพราะมีความรู้สึกว่าไอ้นี่แม่งเป็นเหมือนกูเลย อกหักเหมือนกู และกูอยากจะด่าพวกแม่งสักคนเหมือนเพลงเส้นทางลูกผู้ชายของพี่เสก อะไรแบบนั้น เข้าใจไหม"


แต่บางคนอาจไม่เข้าใจทั้งที่ เคยบอกว่ารักกัน แต่วันนี้อาจไม่รักเสก โลโซอีกแล้ว
เป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน อย่างผมเองก็อาจเคยรักใครสักคน แต่โอ้โห อยู่ดีๆ ก็ไม่รักกันแล้ว อย่างเพื่อนวงโลโซ เมื่อก่อนอยู่ตรงดวงพรแมนชั่น โอ้โห ยากลำบาก ยากจน เช่าห้องเดียวกันราคาสองพันกว่าบาท พอเติบโตโด่งดังก็ต้องแยกจากกัน เมียที่เคยอยู่ด้วยกันมา 20 ปี อยู่ดีๆ ก็แยกจากกัน ไม่รักกัน เกลียดกัน เพราะฉะนั้น ผมไม่เคยแคร์เลยว่าใครจะรักหรือไม่รัก ไม่เคยรู้สึกว่า โหย กลับมารักฉันได้ไหม ไม่มี

แล้วเพื่อนแบบ เราและนาย ล่ะ
ผมมีเพื่อนเยอะมาก เพื่อนผมเต็มประเทศเลย แต่ผมมีความรู้สึกว่าพอแต่ละคนเติบโต เขาก็จะมีความคิดที่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยชอบเรา ตอนนี้ไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวโอกาสหน้า เขาอาจกลับมาชอบเราใหม่ก็ได้ มันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนทุกอย่างนิ่งตอนที่เราตายแล้ว คนที่เคยโกรธกันก็อาจอโหสิกรรมให้  แต่ถ้าคุณยังไม่ตายคุณก็จะเจอเรื่องเหล่านี้ตลอด 

ชีวิตที่ผ่านมา 40 ปี มีอะไรที่ สาหัส ที่สุดจนทำให้ แทบขาดใจ ไหม
ก็มีตอนโดนจับเรื่องยาเสพติด แล้วก็ตอนหย่ากับเมียครั้งที่สอง ตอนนี้ลูกเต้าก็ย้ายไปอยู่บ้านเขา สองเหตุการณ์นี้เรียกว่าหนักหนาที่สุดในชีวิตผม ตอนนั้นก็โอ้โห ย่ำแย่ มีทั้งความแค้นจนถึงขั้น กูจะฆ่ามึง ถึงขนาดนั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังจัดการอยู่ ไปเจอใครก็ซัดแหลกหมด ผมเป็นคนอย่างนี้ แต่พอเย็นลงเราก็รู้สึกว่าต้องค่อยๆ ผ่อนหนักเป็นเบา

ทำอย่างไรให้เรายังมี รอยยิ้มนักสู้ ได้เสมอ
ผมเป็นคนหัวใจแข็งแรง ไม่ค่อยหวั่นไหวอะไรง่ายๆ ผมมีความเข้าใจธรรมชาติ แม้ว่าวันหนึ่งเราจะรู้สึกผิดหวัง แต่เดี๋ยววันสองวันก็หาย เราแค่ต้องพัฒนาจิตใจของเรา พอหัวใจเราแข็งแกร่ง มีสติ สตินี่สำคัญมากนะ ทุกอย่างก็จะแก้ไขได้ 

สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงพวก เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ที่อยากก้าวขึ้นมาเป็นเหมือนเสก โลโซบ้างไหม
พี่เองสมัยก่อนเป็นคนยากจนนะ ส่วนใหญ่สิ่งที่ได้มาเป็นโอกาสที่ตัวเองสร้างมาแทบทั้งสิ้น วิ่งเข้าไปหาตลอด เขียนเพลงเสร็จที่ซอยนี้ เราก็บุกเข้าไปเสนอเขาเลย ไม่เคยรอ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องแข็งแกร่งทางความคิดนะ รวมทั้งต้องพร้อมเรียนรู้ด้วย คุณต้องมุ่งมั่น ต้องมีมานะ ต้องขยัน ต้องมีวินัย และที่สำคัญต้องฉลาดหลักแหลม คือผมไม่เห็นเคยเห็นว่ามีคนโง่ที่ไหนจะกลายมาเป็นสตาร์ได้ ปัญญามันสร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้นะ เมื่อคุณฉลาดหลักแหลม คุณก็จะรู้ว่า อ๋อ สิ่งนี้คือสิ่งที่ฉันไม่ควรทำ อ๋อ ฉันต้องแต่งเพลงแบบนี้ อ๋อ ฉันต้องไปหาคนนี้ เวลาฉันเล่นคอนเสิร์ตต้องทำแบบนี้ ทั้งหมดนั้นมันมาจากปัญญาทั้งสิ้น และพลังความดีเนี่ยสำคัญมาก คือต้องทำให้คนคิดว่า ไอ้นี่มันไม่ได้ร้องเพลงเพราะอย่างเดียวนะ ต้องทำให้เขารู้สึกว่า มันเป็นคนได้เรื่องได้ราวด้วย ถึงมันจะไปตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก แต่มันก็ไปช่วยเหลือชาวบ้านชาวช่อง พลังความดีมันทำให้ยั่งยืน มันจะทำให้เรากลายเป็นสตาร์ที่น่านับถือ เจอแล้วอยากเข้าไปกอด เข้าใจปะ


จาก คอลัมน์ Face : giraffe Magazine 41— Real Mass Issue โดย ฆนาธร ขาวสนิท
ติดตามอ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ giraffe