ชั่วโมงนี้ไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับแอนิเมชั่นไอเดียบรรเจิดที่กำลังมาแรงอย่าง ‘Inside out’ ที่ช่วยฉุดกระฉากชื่อ Pixar ให้กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง หลังจากฟอร์มตกไปหลายปีกับงานแอนนิเมชั่น 3 เรื่องล่าสุดของพวกเขาอย่าง Car 2, Brave, และ Monster University ที่เหล่านักวิจารณ์รวมถึงบรรดาแฟนคลับแอนนิเมชั่นของ Pixar มองว่า มาตรฐานไม่ถึงขั้น หากเทียบกับเรื่องอื่นๆที่พวกเขาเคยสร้างมาก่อนหน้านั้น
สำหรับบ้านเรา ‘Inside out’ เพิ่งเข้ามาได้อาทิตย์กว่า กระแสกำลังร้อนแรง หลายคนดูแล้ว หลายคนยังไม่ได้ดู ฉะนั้นจึงยังพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะไปสกิดโดน[spoil] เนื้อเรื่องเข้าจนได้ ดังนั้นตอนนี้จึงเอาแค่ 7 เรื่อง 7 สิ่ง ที่รู้ก็ดี แต่ไม่รู้ก็ได้(อ้าว) มาให้คนที่ดูแล้วและยังไม่ได้ดู ‘Inside out’ มารู้จักแอนนิเมชั่นมาแรงเรื่องนี้กันให้มาขึ้นกว่าเดิม
1. มีการทำรีเสิร์จขั้นเทพ
กว่าจะออกมาเป็นเรื่องราวและอารมณ์ในหัวของเด็กสาววัยรุ่นอย่างในหนัง ทีมงาน Pixar ต้องเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางนักวิทยาศาสตร์ , นักประสาทวิทยา , นักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันกับการทำงานในสมองและพฤติกรรมของวัยรุ่น ก่อนจะถ่ายทอดออกมาเป็น ‘Inside out’ ให้เราได้ดูในที่สุด
![](http://c.min.ms/a/0/86/l3sp03xf3o.jpg)
2. จาก 27 ตัดออกเหลือแค่ 5
ระหว่างการระดมสมองของทีมงานแอนนิเมชั่นเรื่องนี้ พวกเขาได้คิดค้นและออกแบบตัวละครแทนอารมณ์ที่อยู่ในหัวของไรลี่ย์ไว้ถึง 27 แบบ ก่อนจะตัดให้เหลือแค่ 5แบบ อย่างในปัจจุบัน เพราะผู้กำกับอย่าง พีท ด็อคเตอร์ รู้สึกว่ามันแออัดมากเกินไปที่จะมีอารมณ์ถึง 27 แบบป้วนเปี้ยนอยู่ในหนัง(ยกตัวอย่างอารมณ์ที่ถูกตัดออก เช่น ความภาคภูมิใจ ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น) ความหื่น(อันนี้ใส่เอง... ไม่น่าจะมีนะ?)
![](http://c.min.ms/a/0/86/s53cyf4rw8.jpg)
3. เหรียญอีกด้านของ Toy story
หลายคนเอาหนังเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับแอนนิเมชั่นรุ่นบุกเบิกขั้นตำนานของค่ายอย่าง Toy story ว่าเป็นเหมือนเหรียญอีกด้านหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะการเล่าถึงเรื่องราวของเด็กที่กำลังจะเติบโตสู่การเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน Toy story คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภายนอกของวัยรุ่นที่โตเกินกว่าจะเล่นของเล่นได้อีกต่อไป ส่วน Inside out คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภายในความคิดของเด็กวัยรุ่นว่าแตกต่างจากวัยเด็กก่อนหน้านี้อย่างไร และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน จึงไม่น่าแปลกที่แอนนิเมชั่นน้องใหม่ล่าสุดเรื่องนี้จะทำรายได้ใกล้เคียงกับแอนนิเมชั่นรุ่นพี่แล้วในตอนนี้
![](http://c.min.ms/a/0/86/8a92lc3246.jpg)
4. เปิดตัวแรงแซง Avatar
Avatar เป็นหนังต้นฉบับ (Original film) ที่เคยทำรายได้เปิดตัวสูงสุดไว้ที่ 77ล้านเหรียญในปี 2009 แต่ในปีนี้ ‘Inside out’ เปิดตัวด้วยรายได้ที่อเมริกาถึง 90.4ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือเป็นหนังต้นฉบับ (Original film) ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่หากนับรายได้เปิดตัวของแอนนิเมชั่นจากค่ายเดียวกัน Inside out ถือเป็นแอนนิเมชั่นเปิดตัวเป็นอันดับสอง เป็นรองเพียงแค่ Toy Story 3 ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 110,3 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น แถมตอนนี้ Inside Out ก็ได้โกยรายได้จากทั่วโลกไปแล้วถึง 637ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียงแค่ 175ล้านเหรียญ
![](http://c.min.ms/a/0/86/c75cvvo260.png)
5. มอบรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมให้ตอนนี้เลยก็ไม่มีใครว่า
นักวิจารณ์แทบทุกคนลงความเห็นว่าออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมในปีหน้าคงเป็นการต่อสู้กันเองระหว่างแอนนิเมชั่นค่าย Pixar อย่าง Inside out กับ The Good Dinosaur เพราะไม่เห็นว่าจะมีเรื่องใดเข้ามาเบียดแย่งตำแหน่งไปจากสองเรื่องนี้ได้เลย ส่วนคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซด์ชื่อดังทั้ง มะเขือเทศเน่า (Rottentomatoes) กับ Metacritics ก็ให้คะแนนสูงถึง 98% และ 94% เรียกได้ว่าทั่วทั้งโลกนี้หาคนที่ไม่ชอบแอนนิเมชั่นเรื่องนี้ได้น้อยมากจริงๆ
![](http://c.min.ms/a/0/86/13i4178epw.jpg)
6. จริงๆแล้ว Inside out ควรเป็น แอนนิเมชั่นลำดับที่ 16 ของ Pixar
เป็นที่ทราบกันดีว่า Inside out เป็น แอนนิเมชั่นเรื่องที่ 15 ของ Pixar นับตั้งแต่ Toy story ภาคแรกออกฉายในปี 1995 แต่ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ The Good Dinosaur มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2014 แต่ด้วยความที่ดิสนีย์ได้ปรับวันฉายหนังในเครือครั้งใหญ่บวกกับการปลด บ็อบ ปีเตอร์สัน ออกจากตำแหน่งผู้กำกับ ทำให้ The Good Dinosaur ต้องเลื่อนฉายมาในวัน thanksgiving หรือวันที่ 25 พฤศจิกายน ในปีนี้แทน จึงทำให้ในปีที่แล้วกลายเป็นปีที่ไม่มีแอนนิเมชั่นจาก Pixar ออกสู่สายตาชาวโลกเลย หลังจากที่ทำสถิติปล่อยแอนนิเมชั่นออกมาทุกปีนับตั้งแต่ปี 2005
![](http://c.min.ms/a/0/86/ynoe6znmmo.png)
7. Lava แอนนิเมชั่นอุ่นเครื่องที่จะทำให้คุณน้ำตาไหล
Lava เป็นผู้กำกับคนละคนกับคนที่กำกับ Inside out ชื่อของเขาคือ เจมส์ ฟอร์ด เมอร์ฟี่ย์ เขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างแอนนิเมชั่นความยาว 7 นาทีนี้มาจากเพลงสุดคลาสสิกอย่าง Somewhere Over the Rainbow และ What a Wonderful World โดยให้เหตุผลที่เลือกใช้ Lava เพราะว่ามันเป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า Love ดังเช่นเนื้อร้องตอนจบที่ร้องว่า I Lava You นั้นเอง
![](http://c.min.ms/a/0/86/ckz2bs1jr5.jpg)
และ ถ้าใครที่ยังไม่เคยฟังเพลงประกอบสุดน่ารัก ขอเชิญรับฟังได้เลยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก japclub.com, Movies For You, manager.co.th, boxofficemojo.com, majorcineplex.com, mthai.com, jediyuth.com, npr.org