Rap is now! เจ้าของวลี #รันวงการ ที่ทำให้วงการเพลงแร็ปสั่นสะเทือน

     ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลายคนอาจเคยผ่านตากับแฮชแท็ก #รันวงการ ตามหน้าฟีดกันมาบ้าง สงสัยไหมว่าวงการที่ว่าคือวงการไหน? ร่วมหาคำตอบไปกับจุดเริ่มต้นของกระแสอย่างกลุ่ม Rap is Now ที่จะมาบอกเล่าว่าพวกเขา #รันวงการ กันอย่างไร

     
       นอกจากโจอี้บอยและวงไทเทเนียมแล้วเราก็ไม่รู้จักวงการฮิปฮอปไทยในมิติอื่นเลย—เราเปิดบทสนทนาด้วยคำสารภาพ ก่อนคนตรงหน้าจะระเบิดเสียงหัวเราะ และเอ่ยตบท้ายว่าไม่แปลก แต่อีกไม่นานเพลงฮิปฮอปหรือศิลปินแรป (Rapper) จะคุ้นหูเรามากกว่าเดิมชัวร์ เพราะตอนนี้พวกเขากำลัง #รันวงการ กันอยู่! 
        โจ้—ศวิชญ์ สุวรรณกุล หนึ่งในผู้ริเริ่มรายการ rap battle ที่กลายเป็นกระแสอยู่ตอนนี้อย่าง Rap is Now ขยายความถึงจุดเริ่มต้นของการ ‘รันวงการ’ ให้เราฟังว่าทุกอย่างเกิดเพราะความหลงใหลระดับคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมฮิปฮอปของเขาและพวกพ้องคอเดียวกันอีกสามชีวิตอย่าง ต้าร์—สักกพิช มากคุณ, หลุยส์—ธชา คงคาเขตร และ พี่ใหญ่ในกลุ่ม เอ็ม—จีรังกูล เกตุทอง ที่ฟูมฟักความรักในศาสตร์แขนงนี้กันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
         “ย้อนไปสักสิบปีก่อนวงการเพลงฮิปฮอปหรือแรปเปอร์ในเมืองไทยมันแคบมากนะ  คือมันไม่มีอะไรดึงให้เรามารวมตัวกันเหมือนยุคนี้เลย เพราะโซเชียลมีเดียก็ไม่มี งานแฟร์หรือคอนเสิร์ตสำหรับแนวเพลงแบบนี้ก็ไม่ค่อยมี คอเพลงแรปสมัยนั้นเลยได้เจอกันแต่เฉพาะในเว็บบอร์ด แล้วก็อาศัยพิมพ์ท่อนแรปประชันกันในกระทู้อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)” โจ้เล่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนเสริมว่าหลังยุคเว็บบอร์ดล่มสลายพวกเขาก็แยกย้ายกันไปตามทาง ก่อนจะกลับมาจับมือกันเริ่มโปรเจกต์ Rap is Now ในปี 2009 ซึ่งครั้งนั้นยังเป็นเพียงปาร์ตี้ดนตรีฮิปฮอปขนาดเล็ก เรื่อยมาจนกลายเป็นรายการ rap battle อันดุเดือดในอีก 3 ปีให้หลัง
        “หลังจากเว็บบอร์ดเริ่มดร็อป วงการฮิปฮอปใต้ดินก็เหมือนจะเงียบไปสักพัก แต่จริงๆ แล้วระหว่างนั้นวัฒนธรรมฮิปฮอปหรือเพลงแรปมันกลับไปบูมที่ต่างจังหวัด เกิดการจับกลุ่มกันทำเพลงฮิปฮอปกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเลยนะ (หัวเราะ) ปัญหาคือเขาไม่มีพื้นที่ให้แสดงออกเท่านั้นเอง” หลุยส์ว่า “เราเลยคิดกันว่าทำไมไม่ลองสร้างพื้นที่สำหรับศิลปะแนวนี้ขึ้นมา โดยเฉพาะเวทีสำหรับการ rap battle ซึ่งเรายังไม่ค่อยเห็นในเมืองไทย” นั่นทำให้ทั้ง 4 เริ่มมองหาที่ทางสำหรับจัดรายการประชันเพลงแรป รวมถึงจัดการเปิดเพจเฟซบุ๊กเพื่อรวบรวมมิตรสหายสายแรปให้กลับมาเจอกัน และจากยอดไลก์หลักร้อยสู่หลักพันกระทั่งหลักแสนในวันนี้ ยืนยันได้ว่าพวกเขาตัดสินใจไม่ผิดเลยสักนิด
        “ตอนแรกเราคิดกันว่าจะทำเป็นรายการเพลงฮิปฮอปไปเสนอตามช่องทีวี มีช่วงแนะนำเพลง มีช่วง rap battle อะไรแบบนี้ แต่พอทำเดโม่มานั่งดูกันแล้วเรารู้สึกว่าแค่ช่วง rap battle อย่างเดียวมันเอาอยู่ คือสนุกมากแล้ว ไม่ต้องมีช่วงอื่นเลยก็ยังได้ สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าทำรายการ rap battle เพียวๆ ลงช่องทางออนไลน์กันดีกว่า อีกอย่างเนื้อหาในการแรปมันค่อนข้างหยาบด้วย ถ้าทำเป็นรายการทีวีก็คงไม่ไหว (หัวเราะ)” ต้าร์เล่าเรื่อยๆ ก่อนเราจะแอบสงสัยว่าการแรปประชันกันนี่มันเป็นศิลปะอันน่าอภิรมย์ยังไง ทำไมพวกเขาถึงหลงรักจนอยากทุ่มสุดตัวกันขนาดนี้

        “เราว่าศิลปะของการ rap battle มันคือการชิงไหวชิงพริบบนเวที เช่น การสังเกตจุดบอดของคู่ต่อสู้แล้วออกหมัดผ่านการใช้ลูกเล่นทางภาษา เรามองว่ามันคือศิลปะเหมือนกับศาสตร์แขนงอื่นนั่นแหละ” พี่ใหญ่อย่างเอ็มออกความเห็น พร้อมย้ำว่าถึงจะประชันกันด้วยถ้อยคำรุนแรงขนาดไหนแต่ลงจากเวทีเมื่อไหร่เป็นอันจบเกม เพราะคติที่แรปเปอร์ทุกคนใน Rap is Now ล้วนมีเหมือนกันคือการเคารพคู่ต่อสู้และเกมการแข่งขัน ปัญหาทะเลาะเบาะแว้งด้านล่างเวทีจึงไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง  

        “เราอยากเห็นวงการนี้มันอยู่ได้ด้วยตัวเอง” โจ้พูดขึ้นหลังเราถามว่าเขาคาดหวังอะไรจากการลงแรงสร้าง Rap is Now ถึง 2 ซีซั่น แถมเห็นว่าซีซั่น 3 ก็กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้า “เราอยากให้การร้องเพลงแรปสามารถเป็นอาชีพได้จริงๆ” เขาย้ำถึงเป้าหมาย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะเป็นจริงได้ในอีกไม่ช้า

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Rap is now ได้ที่ Rap is now

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์ face of ในนิตยสาร giraffe ฉบับที่ 32 ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ Readgiraffe