เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเหมือนหนังโรแมนติกคอเมดี้ทั่วไป ทาคาชิเป็นเด็ก ม.6 ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยและดูไม่มีเป้าหมายในชีวิต วันหนึ่งเขาได้พบกับเด็กสาวลึกลับที่ชื่ออาสึซะ เขาจำเธอไม่ได้ทั้งที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่นั่นก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาคืบหน้าไปเรื่อย
แต่แล้ววันหนึ่งอาซึสะก็สารภาพว่าผู้คนรอบข้างได้หลงลืมเธอไปหมดแล้ว พวกเขาจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร แม้ว่าจะเคยเจอกันมาก่อน ทั้งเพื่อนหรือพ่อต่างไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอ และสักวันหนึ่งทาคาชิเองก็จะลืมเธอเช่นกัน ทาเคชิยืนยันเสียงแข็งว่าเรื่องบ้าบอแบบนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร ฉันไม่มีทางลืมเธอหรอก
“เธอจำชื่อครูตอนชั้นอนุบาลได้หรือเปล่า แล้วชื่อเพื่อนสมัยเรียนประถมล่ะ เธอก็เคยเจอคนพวกนั้นทุกวันไม่ใช่เหรอ แต่เห็นมั้ยว่าทุกวันนี้เธอก็ลืมพวกเขาไปแล้ว” อาซึสะพูดกับทาคาชิ
...เอาเข้าจริงมนุษย์เราเองก็หลงลืมอะไรบางอย่างได้แสนง่ายดายและร้ายกาจ
เรื่องราวหลังจากนั้นนำเสนอภาพทาคาชิพยายามดิ้นรนหาทางจดจำอาซึสะทุกวิถีทาง เขาจดโน้ตมากมาย ถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอเธอไว้ตลอดเวลา ก่อนที่หนังจะค่อยๆ เปิดเผยว่าทั้งสองเคยเป็นคู่รักมาครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่ทาคาชิก็เคย ‘ลืม’ อาซึสะมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นการลืมในหนังจึงไม่ใช่แค่การลืม แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของการร้างรา หมดรัก และความรู้สึกที่เหือดแห้งไปจากเดิม หนังตั้งคำถามว่าเมื่อคนเราเลือกจะลืมการรักใครสักคนไปแล้ว เขาจะรื้อฟื้นความทรงจำให้ความรู้สึกกลับมาเป็นดังเดิมได้หรือเปล่า
แม้ Forget Me Not จะติดท่าทีฟูมฟายอยู่บ้าง แต่โดยรวมมันก็ถ่ายทอดห้วงอารมณ์แห่งการอยากมีตัวตนกับคนรักได้อย่างหม่นเศร้าและดูสมจริง นักแสดงนำทั้งสองอย่าง Nijiro Murakami (เขาเป็นลูกชายของ Jun Murakami นักแสดงที่เล่นหนังมาหลายสิบเรื่อง) และ Akari Hayami ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ทั้งที่พวกเขาเพิ่งเล่นหนังมาไม่กี่เรื่องเท่านั้น และเราต้องขอเตือนอีกอย่างว่าหนังมีฉากจบที่ไม่เอาใจคนดูนัก
แต่มันก็เป็นฉากจบที่เกิดบ่อยครั้งในชีวิตจริงของเรา
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Forget Me Not
จากคอลัมน์ Top Shelf (Movie) : giraffe Magazine 27—Star Wars Issue โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง