หนังสือหุ้นในตลาดเมืองไทยที่กำลังเบ่งบานเต็มแผงดูเหมือนจะเป็นตัวชี้วัดความนิยมในการลงทุนทางการเงินของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
แต่นอกจากบทบาทการเป็นผู้เล่นแล้ว
คนรุ่นใหม่อีกกลุ่มหนึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าวงการการเงินทั่วโลกด้วยตัวเลขทางการเงิน
85 ล้านตัวต่อวัน
เราหัวเราะคำพูดติดตลกที่ว่า
เงินไม่ใช่ทุกอย่าง ของบางอย่างเงินซื้อไม่ได้ ถ้าไม่มากพอ เพราะลึกๆ
เราต่างก็รู้ดีว่าเงินจำเป็นต่อชีวิตของทุกคนมากแค่ไหน
แต่ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือคนไทยเพียง 6% เท่านั้นที่มีเงินเก็บพอใช้หลังเกษียณ
ตัวเลขนี้จึงเปรียบได้กับสัญญาณเตือนให้เราทุกคนหันมาสนใจการเงินมากขึ้น
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เรารู้ดีว่าเงินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ทุกคนจะพร้อมยอมเสี่ยงได้ การลงทุนให้ถูกทางในชั่วโมงนี้คงไม่มีใครเป็นตัวเลือกที่ดีไปกว่า ‘จิตตะ’ เว็บไซต์ให้ข้อมูลการลงทุนที่เปลี่ยนตัวเลขจำนวนมหาศาลให้กลายเป็นเลข 1 - 10 และเส้นกราฟที่เข้าใจได้ภายในไม่กี่นาที ชี้ให้เห็นภาพรวมระยะยาวของตลาดหุ้นว่าคุ้มที่จะลุ้นหรือไม่ ซึ่งพวกเขาพิสูจน์แล้วว่าหากทำตามคำแนะนำก็จะทำกำไรได้มากกว่าการลงทุนทั่วไปถึง 400% จนกลายเป็นสตาร์ทอัพที่โด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้มีสาขาแล้ว 4 ประเทศคือ สหรัฐฯ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ และจะเปิดตัวในตลาดหุ้นทุกแห่งทั่วโลกในอนาคตอันใกล้
ขอบเขตความสำเร็จที่ใหญ่โตระดับเวิลด์คลาสนี้เริ่มต้นขึ้นจาก
เผ่า—ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ
จึงมีความสนใจด้านนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ระหว่างที่ศึกษาปริญญาโทอยู่ที่สหรัฐฯ
เขาได้มีโอกาสศึกษาตลาดหุ้นของที่นั่นอย่างลงลึกจริงจังจนเรียกได้ว่ารู้จักคุ้นเคยกับหุ้นเกือบ
4,000
ตัวในตลาดสหรัฐฯ เป็นอย่างดี
เผ่ามองเห็นปัญหาของโลกการเงินที่ปิดกั้นคนภายนอกมานานด้วยค่าตัวเลขยุ่บยั่บอ่านยาก
และเข้าถึงลำบาก เขาจึงจับมือกับเพื่อนวิศวกรอย่าง ฮันต์—ศิระ สัจจินานนท์
ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้นักลงทุนทำงานง่ายขึ้น
“เราใช้เวลาทำความผิดพลาดไปเต็มๆ 1 ปี
ทำในมุมที่เราคิดว่ามันง่ายแล้ว พอเอาไปเสนอที่ซิลิคอนวัลเลย์
ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ชอบ ไม่ใช้
เพราะมันยังเต็มไปด้วยตัวเลขที่มีแต่มืออาชีพเท่านั้นที่ดูรู้เรื่อง
เขาอยากรู้แค่ซื้อหุ้นจากบริษัทอะไร และซื้อในราคาเท่าไหร่แค่นั้นพอ เราก็เลยทิ้งหนึ่งปีที่ทำมาทั้งหมด
แล้วเริ่มต้นใหม่” เผ่าเล่าถึงความผิดพลาดของเขากลั้วเสียงหัวเราะ
ทั้งสองคนกลับมาปรับรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้ง่ายที่สุด แต่ฮันต์เล่าว่าเบื้องหลังความง่ายนี้ทีมวิศวกรต้องประมวลผลตัวเลข 85 ล้านตัวเลขทุกวันเพื่อนำข้อมูลทางการเงินตั้งแต่รายได้ กำไร หนี้สิน ทุกอย่างของแต่ละบริษัทมาคำนวณความคุ้มค่า ความน่าเชื่อถือออกมาเป็น 'จิตตะสกอร์' ให้คะแนนแต่ละบริษัทว่าน่าลงทุนด้วยแค่ไหน และบอกว่าควรซื้อหุ้นนี้เมื่อไหร่ ด้วยการตรวจสอบผ่าน 'จิตตะไลน์' เส้นกราฟที่ได้จากการเก็บข้อมูลราคาหุ้นของบริษัทนั้นๆ ในระยะยาว ทำให้ตัดสินใจเบื้องต้นได้ง่ายว่าจะซื้อหรือขายหุ้น เพราะในสนามแข่งขันนี้วัดกันเป็นวินาที และมีความเสี่ยงมูลค่าหลายล้านบาท หรือมากกว่านั้นหากขยับออกไปลุยตลาดหุ้นนอกประเทศไทย
อ้อ—พรทิพย์ กองชุน
กรรมการอำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ
มองว่าในเมื่อทีมต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้กับตลาดหุ้นทั่วโลก
แนวคิดในการทำงานทุกส่วนของจิตตะ
ตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ไปจนถึงการใช้ชีวิตของพนักงานในบริษัทจึงต้องเป็นไปตามแบบสตาร์ทอัพมาตรฐานสากลด้วย
เพราะในอนาคตโลกของการเงินก็จะไม่ต่างจากโลกอื่นๆ ที่นับวันจะยิ่งไร้พรมแดน
ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะบุกตลาดหุ้นใหญ่ๆ
ในเอเชียให้ครอบคลุมภายในไม่เกินปีหน้า ก่อนที่จะขยับไปต่อในภูมิภาคอื่น
“เป้าหมายหลักเรามันยิ่งใหญ่มาก
เพราะมันคือการให้ความรู้คนให้ได้กำไรจากเงินลงทุนไปเรื่อยๆ
พอเป้าหมายเป็นแบบนี้ต่อให้ทำไปอีกสิบปีก็ยังไม่หมด
เราจึงสนุกทุกวันที่จะได้เห็นคนได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ประสบความสำเร็จในการลงทุน
เพราะเราเชื่อว่าถ้าคนไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ก็จะมีเวลาไปทำสิ่งสร้างสรรค์อื่นๆ
ให้โลกได้อีกมากมาย” เผ่าเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ไม่อาจทิ้งเรื่องการเงินได้
ในฐานะที่จิตตะเป็นเทคโนโลยีแรกๆ
ที่เข้ามาตอบโจทย์ความสนใจด้านการเงินการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทีมงานทุกคนจึงตั้งตารอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างใจจดจ่อ
“ถ้าเราจะเปลี่ยนโลกของการลงทุน
ก็ต้องทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลและใช้ข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนได้
เรามองเห็นว่าในอนาคตตลาดหุ้นทั่วโลกจะเชื่อมเข้าหากันหมดและเราจะเป็นคนเปิดโอกาสให้ทุกคนเอง”
เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าการเล่นหุ้นคือการพนันหรือเสี่ยงโชค
แต่มันคือส่วนผสมของการศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง
ความมีสติและการเตรียมใจพร้อมรับมือทุกความเสี่ยง
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ giraffe