เอกภพอันกว้างใหญ่นี้อัดแน่นไปด้วยคำถาม ตั้งแต่ค่ำคืนแรกที่บรรพบุรุษของเราเฝ้ามองดวงดาวบนฟ้าด้วยความสงสัย เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่แม้ยาน Voyager 1 จะเดินทางออกไปพ้นปริมณฑลของระบบสุริยะแล้ว เราก็ยังคงพบคำถามใหม่ๆ เกิดขึ้นไม่รู้จบ เปรียบเหมือนสมการเหล่านี้ซึ่งเต็มไปด้วยตัวแปรอันคาดไม่ถึง
1.มนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม
สมการของเดรก + สถาบัน SETI + X = สิ่งมีชีวิตต่างดาว
- สมการของเดรก
เอกภพประกอบด้วยหลายพันล้านกาแล็กซี
จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ไม่ได้มีแค่เรา
หากคำนวณจากสมการของ Frank
Drake นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ก็พบว่าเป็นไปได้ที่จะมีอารยธรรมอื่นนอกจากโลกราวแสน
อารยธรรม
- สถาบัน SETI
ภารกิจค้นหาสิ่งทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวนั้นมีหน่วยงานเฉพาะ
อย่างสถาบัน SETI
ที่คอยทำงานร่วมกับโครงการสำรวจอวกาศต่างๆ
รวมถึงการรับและส่งสัญญาณจากภาคพื้นดินออกไปยังความเวิ้งว้างข้างนอกด้วยความหวังว่าอาจมีใครตอบกลับมาสักครั้ง
- x
เรานิยามคำว่าสิ่งมีชีวิตผ่านองค์ความรู้อันน้อยนิดที่มีเท่านั้น
แต่เรายังไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นมีหน้าตาหรือระบบร่างกายแตกต่างไปอย่างไร
นั่นหมายความว่าเราอาจจะเคยเจอกันแล้วแต่เราไม่รู้
หรือสื่อสารกันอยู่แต่ใช้คนละระบบภาษา
คำตอบ: ด้วยความกว้างใหญ่ของเอกภพย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งทรงภูมิปัญญานอกเหนือจากมนุษย์โลกอยู่
แต่ด้วยปัจจัยอื่นๆ ที่เรายังก้าวไปไม่ถึง
ทำให้โอกาสที่สองอารยธรรมจะได้พบกันจึงมีน้อยจนเกือบเท่ากับศูนย์
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
2. รู้ได้อย่างไรว่ามีเอกภพคู่ขนานอยู่จริง
ทฤษฎีควอนตัม + ทฤษฎีสตริง + ทฤษฎีเอกภพขยายตัว = การมีอยู่ของเอกภพคู่ขนาน
- ทฤษฎีควอนตัม
ทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมใช้อธิบายอิเล็กตรอนที่มีหลายสถานะได้พร้อมๆ
กัน แต่เมื่อสังเกต เราจะเห็นเพียงสถานะเดียว และหากตัวเราประกอบด้วยอนุภาคเล็กๆ
เหล่านั้น ก็อาจมีตัวเราในสถานะอื่น หรือเอกภพอื่นๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกับเราด้วย
เพียงแต่เราไม่อาจสัมผัสได้
- ทฤษฎีสตริง
มิติลี้ลับนอกเหนือจากที่เราสัมผัสอยู่ทุกวันนี้ อาจอธิบายได้ด้วยทฤษฎีสตริงซึ่งตั้งสมมติฐานว่าภายในอนุภาคต่างๆ มีการสั่นอันไม่จำกัดรูปแบบ ซึ่งเมื่อนำมาจับกับแนวคิดเอกภพคู่ขนานก็อาจเป็นกุญแจไขปริศนาไปยังคำตอบว่าอาจมีโลกอื่นที่มิติมากกว่านี้
- ทฤษฎีเอกภพขยายตัว
หลังเกิดบิ๊กแบงเพียงเสี้ยววินาทีจะมีการกระเพื่อมที่รุนแรงจนอาจทำให้กาลอวกาศบางส่วนหลุดออกจากกัน
ลองคิดภาพการกวนน้ำในอ่างจนเกิดฟอง แต่ละฟองเปรียบเหมือนเอกภพที่ต่างกัน
ดังนั้นหากเอกภพขยายตัวมาชิดกัน เราก็อาจค้นพบกันได้สักวัน
คำตอบ: เอกภพคู่ขนานนั้นเป็นแนวคิดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับทฤษฎีทางฟิสิกส์หลายทฤษฎีที่ยังมีช่องโหว่ในด้านคำอธิบาย
การหาข้อพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของมันจึงอาจต้องรอวันที่เราพร้อมในเรื่องของความรู้ด้านอวกาศและการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่านี้
3.เราข้ามเวลาไปเยือนอดีตและอนาคตได้ไหม?
ทฤษฎีนี้บอกว่าความโน้มถ่วงทำให้เวลาเดินช้าลงได้
ซึ่งบริเวณที่มีแรงโน้มถ่วงสูงจะทำให้เวลาผ่านไปช้ากว่าบริเวณที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำ
หากเราดูนาฬิกาในยานอวกาศนอกโลกจะพบว่าเดินเร็วกว่านาฬิกาบนพื้นโลกเพราะแรงโน้มถ่วงนอกโลกต่ำกว่าบนพื้นผิวโลกนั่นเอง!
ใน 1 ปีแสงเดินทางได้ราว
9,000 ล้านล้านเมตร! ตอนนี้ยานที่เดินทางได้เร็วที่สุดที่มนุษย์สร้างได้คือ New Horizons ซึ่งมีความเร็ว 16.26
กิโลเมตร/วินาทีเท่านั้น ฉะนั้นการเคลื่อนที่ให้เร็วกว่าแสงสำหรับมนุษย์อาจยากระดับเดียวกับการพบรูหนอนก็ว่าได้
-เชื้อเพลิงที่ใช้ในการท่องอวกาศ
เมื่อเข้าใกล้อัตราเร็วแสงจรวดจะมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมากในระดับอนันต์เพื่อเร่งความเร็วไปให้เท่าแสง
แต่พลังงานที่เราใช้ขับเคลื่อนยานอวกาศในปัจจุบันยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่กำลังน้อยเกินกว่าจะแข่งกับความเร็วแสงได้
คำตอบ: การเดินทางข้ามเวลาเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แม้การย้อนเวลาจะยากเกินกว่าที่นักฟิสิกส์จะให้คำตอบ แต่การไปอนาคตอาจเป็นไปได้ถ้าเราเดินทางออกไปยังอวกาศด้วยความเร็วเกือบเท่าแสงเป็นระยะเวลา 7 ปี เมื่อกลับมายังโลกอีกครั้งนักบินอวกาศจะแก่ขึ้น 7 ปี ขณะที่เวลาบนโลกผ่านไปแล้ว 500 ปี!
จากคอลัมน์ Core : giraffe Magazine 35— Universe Issue
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ giraffe