Star Wars จักรวาลคู่ขนานที่โคจรมาสั่นสะเทือนโลกครั้งแล้วครั้งเล่า



            หนังหนึ่งเรื่องอาจเปลี่ยนแปลงความคิดบางอย่างของเราได้ หนังบางเรื่องอาจทำให้ชีวิตผู้ชมบางคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่มหากาพย์ข้ามจักรวาลอย่าง Star Wars ไปไกลกว่านั้นด้วยการเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
            หลังจาก George Lucas ได้เบิกเนตรชาวโลกด้วยภาพสงครามอวกาศที่เนรมิตขึ้นจากจินตนาการอันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากจะขยับมาตรฐานของวงการหนังให้สูงขึ้นอีกหลายขั้น ว่ากันว่าอิทธิพลของ Star Wars ในยุคแรกช่วงปลายปี 70s จนถึงต้น 80s ก็ส่งผลให้นวนิยายวิทยาศาสตร์และหนังไซไฟบูมอย่างต่อเนื่อง จนแผงหนังสือในสหรัฐฯ ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวทำนองนี้ทั้งสิ้น  
    แม้เมื่อปี 2012 ดิสนีย์จะควักกระเป๋าซื้อลิขสิทธิ์ Star Wars ไปด้วยเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ฯ (≈ 141,000 ล้านบาท) แต่มูลค่าของมันมหาศาลและกินวงกว้างมากกว่านั้นหลายเท่าตัว ตั้งแต่วงการของเล่น แฟชั่นเครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน วิดีโอเกม ฯลฯ เพราะสิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ลาโรงไปในปี 2005 กาแล็กซี่แห่งนี้กลับไม่เคยโคจรหลบลี้หายไปไหน แต่ถูกนำมาแปรรูปเป็นซีรีส์แอนิเมชันออกอากาศในช่อง Cartoon Network ในนามของ 'The Clone Wars' ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อยอดจาก Star Wars ฉบับหนัง ช่วยต่อลมหายใจให้เรื่องราวที่คนรุ่นพ่อแม่หลงใหลยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กๆ ต่อไป 

    ในเมื่อทั้งเด็กในวันนี้และคนที่เคยเป็นเด็กเมื่อหลายสิบปีก่อนต่างก็หลงรัก Star Wars อุตสาหกรรมของเล่นที่ย่อส่วนจักรวาลอันไกลโพ้นลงมาวางบนอุ้งมือของบรรดาแฟนๆ หน้าเก่าหน้าใหม่จึงไม่เคยเงียบเหงา ข้อได้เปรียบที่ไม่มีหนังหรือของเล่นเซ็ตใดทำได้เทียบเท่าก็คือการที่ทั้งเด็กชายและเด็กหญิงต่างก็อินกับมันได้ไม่แตกต่างกัน บริษัทตัวต่ออันดับหนึ่งอย่างเลโก้เปรี้ยงขึ้นมาทันทีในปี 1999 ด้วยชุดตัวต่อ  Lego Star Wars นั่นเอง เนื่องจากความหลากหลายของตัวละคร ความต่อเนื่องและยาวนานของซีรีส์ ส่งผลให้ของเล่นจาก Star Wars ได้ชื่อว่าถูกผลิตออกมามากที่สุดในโลก มีรายงานว่า แค่ในปี 2010 Lucasfilm ผู้ถือลิขสิทธิ์ทำรายได้จากเฉพาะการขายของเล่นได้มากถึง 510 ล้านดอลลาร์ฯ  
    นอกจากในแง่สินค้าที่จับต้องได้แล้ว แนวคิดที่แฝงอยู่ในเรื่องก็ยังถูกส่งต่อผ่านสื่อต่างๆ ไปทั่วโลกด้วยเช่นกัน จริงจังถึงขั้นหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และยุโรป หยิบตัวหนัง Star Wars มาเป็นวิชาเรียนอย่างเจาะลึกถึงหลักปรัชญาไม่แพ้วรรณคดีเก่าแก่ เพราะ Star Wars นั้นเปรียบเป็นภาพแทนของ american mythology และ pop culture ที่ชัดเจนที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกนั่นเอง
    Star Wars จึงเปรียบเหมือนจักรวาลคู่ขนานที่จะยังคงดำรงอยู่คู่กับมวลมนุษยชาติต่อไปอีกนานแสนนาน เมื่อในมือของบรรดาผู้สร้างมีวัตถุดิบหลักคือกาแล็กซี่อันกว้างใหญ่ จินตนาการและความเป็นไปได้จึงไม่มีวันสิ้นสุด และดูเหมือนมันจะมากพอที่จะสร้างหนังภาคใหม่ต่อๆ ไปอีกหลายเอพิโสด 




             ดังที่กล่าวไปแล้ว Star Wars นั้นแทรกซึมเข้าไปอยู่ในทุกวงการ ความป๊อปของมันมีมูลค่าทางเศษฐกิจ สังคม หรือแม้กระทั่งตัวตนของมนุษย์ผู้ได้รับอิทธิพลจากหนังเรื่องนี้ในเชิงปัจเจกอย่างมหาศาล เช่นตัวอย่างต่อไปนี้

Fashion
ด้วยความป๊อปของคาแรคเตอร์ใน Star Wars อีกทั้งชุดของตัวละครในเรื่องซึ่งกลายเป็นภาพจำของทุกคนอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันจึงถูกนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบชุดในคอลเลกชั่นต่างๆ ของแบรนด์น้อยใหญ่อยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่โค้ตสุดชิคจาก Burberry และ Dior ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Chewbacca
Food
แม้แต่ห้องครัวก็ตกเป็นอาณานิคมของ Star Wars ด้วยเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์อาหารทั้งในรูปแบบขนมกินเล่นและกินจริงจังนั้น เพียงมีคำว่า Star Wars อยู่บนกล่องก็รับประกันว่าขายดิบขายดีแน่นอน ปีนี้ General Mills ผู้ผลิตซีเรียลเพิ่งออกแคมเปญ #StarWarsCereal โดยให้เราเลือกหยิบกล่องซีเรียลเป็นการแสดงตัวว่าจะอยู่ฝ่ายเจไดหรือฝ่ายซิธ

Art
หลังจากความนิยมในตัวผู้นำเผด็จการในยูเครนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงมีการทุบทำลายอนุสาวรีย์ต่างๆ ระหว่างการประท้วงบ้าง รื้อออกบ้าง ในเมื่อไม่อยากเห็นหน้าผู้นำคนเก่าอีกต่อไป แต่ก็ไม่อยากทำลายข้าวของ ชาวยูเครนหัวใสจึงต่อเติมรูปปั้นเลนินให้กลายเป็นผู้นำคนใหม่อย่าง Darth Vader แทน (แถมยังปล่อย Wi-Fi ได้อีกต่างหาก)

Meme
มีมจาก Star Wars มีมากเสียจนเรียกได้ว่าแทบทุกตัวละครมีมีมเป็นของตัวเอง การผลิตซ้ำทั้งในและนอกโลกออนไลน์ยิ่งทำให้จักรวาลนี้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่ง โอบามายังเลือกใช้คำว่า 'Jedi Mind Meld' อธิบายถึงความยากลำบากในการโน้มน้าวใจพรรค Republican เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการอายัดงบประมาณในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในปี 2013