Undercover Readers - พนักงานศูนย์ฯสิริกิติ์ก็คือนักอ่านตัวยงเช่นกัน!



เมื่อจะเขียนถึงงานหนังสือ... ก็มักมีวาทกรรมที่ว่า "คนไทยอ่านหนังสือปีละ xx บรรทัด" ถูกหยิบยกขึ้นมาอยู่เสมอ...  ลืมมันซะ เพราะวันนี้มินิมอร์สวมวิญญาณวอร์บอยของอิมมอร์ตั้นโจ เบียดนักอ่านจำนวนมหาศาล เข้าค้นหาคนที่แฝงกายอยู่ในงาน และเปิดเผยความจริงซึ่งเราอาจจะยังมองไม่เห็น  พบกับกลุ่มนักอ่านที่ทำงานในฐานะผู้ให้บริการในงานหนังสือ ในรายงานพิเศษ Undercover Readers - พนักงานศูนย์ฯสิริกิติ์ก็คือนักอ่านตัวยงเช่นกัน!



ใครๆ ก็รู้ว่าคนมางานหนังสือ(ทั้งมหกรรมหนังสือและสัปดาห์หนังสือ) มากกว่า 70% นั้นเป็นนักอ่าน จะอ่านมากอ่านน้อยแต่ก็อ่าน เวลามีคนพูดในวาระงานหนังสือมาเยือนว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อย คนที่ไปงานเป็นปกติก็มักจะเถียงในใจเสมอว่าที่เห็นมาในงานก็เยอะนี่....

เห็นความสับสนตรงนี้ไหม? เขาสับสนแต่เขาก็ยังอยากเถียงกัน ฉะนั้นเราจะปล่อยไป

ช่วงหนึ่งที่มินิมอร์ยืนเคว้งคว้างท่ามกลางผู้คน แวบของความคิดก็ระเบิดประกายออกมาราวพลุโอ่ง "แล้วคนที่ทำงานในงานหนังสือ โดยงานไม่เกี่ยวข้องกับหนังสือ เขาจะเป็นนักอ่านไหมนะ?" ...."ต้องเกี่ยวสิ” มินิมอร์ตอบในทันที...มิได้เปล่งเสียงพูดกับตัวเอง แต่คิดในใจ

มินิมอร์ได้แต่เก็บคำถามไว้ แต่ด้วยเสียงเรียกร้องจากธรรมชาติ เลยเดินแหวกนักอ่านจำนวนมหาศาลไปเข้าห้องน้ำที่เงียบสงบห้องหนึ่ง และได้พบคุณน้าแม่บ้านกำลังทำงานอย่างแข็งขัน จึงทำใจกล้าชวนคุย *ปกติจะใสๆขี้อาย* 

แล้วทฤษฎีก็ถูกพิสูจน์!
มินิมอร์เจอนักอ่านที่ไม่ได้เดินเที่ยวงานแล้ว!

จากนี้คือบทสัมภาษณ์สั้นๆ ที่ผู้ทำงานบริการทั้งหลายทำงานอย่างขยันขันแข็งไปตอบไป บ้างก็เลิกงานแล้วและยินดีตอบคำถาม และมีบางท่านที่มินิมอร์ต้องยืนรอพักใหญ่ กว่าจะได้คุยด้วย

แต่การรอมันคุ้ม เชื่อเถอะ


“ในงานนี่ก็ไม่ได้เดินดูหรอก ทำงานเหนื่อย กลับบ้านก็อยากนอน อ่านอะไรไม่ไหว” 

แม้คุณป้าจะตอบ แต่มือก็ยังทำความสะอาดอ่างล้างหน้าอยู่ มินิมอร์จึงถามคำถามต่อไป และคุณป้าแม่บ้านก็ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส

“แต่จริงๆ ชอบอ่านหมดนะ ป้าชอบวรรณคดี”




ป้าแม่บ้านใจดี ณ ห้องน้ำอันเงียบสงบ (ไม่ทราบอายุ) 1st mission complete! 
เราเจอนักอ่านที่ไม่แสดงตัวหนึ่งคนแล้ว
(ว่าแต่มีกี่มิชชั่น หือ?)




มินิมอร์เดินออกจากห้องน้ำ ผ่านลานโล่ง พบกับเจ้าหน้าที่สาวท่านหนึ่งสะพายโทรโข่งอัดเสียงประกาศให้ระวังทรัพย์สินของมีค่า มินิมอร์เห็นเธอมาตั้งแต่ก่อนแวบเข้าห้องน้ำแล้ว เลยตัดสินใจเดินกลับไปหา สอบถามว่าสะดวกคุยด้วยหรือไม่

“ชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานสิบสองชั่วโมง อ่านในเวลางานไม่ได้” (นี่! เห็นไหมทุกคนตั้งใจทำงาน) “ชอบอ่านการ์ตูน” 

มินิมอร์ถามแนวการ์ตูนที่ชอบ

“ชอบขายหัวเราะ มหาสนุก” 



แม้จะใส่มาส์กปิดปากอยู่ แต่เรารู้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงวัย 31 และเป็นนักอ่านเงารายที่ 2 ของเรากำลังยิ้ม...จากดวงตาคู่นั้น




มินิมอร์เดินต่อ พอผ่านโต๊ะอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย...(ที่โล่ง เพราะเป็นจังหวะร้างคน) มินิมอร์จึงเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่หนุ่งซึ่งนั่งรถให้คนมาถามไถ่ บนโต๊ะมีแผ่นพับขึงตึง เตรียมพร้อมให้ข้อมูล 

แน่นอน มินิมอร์ถามคำถามเดียวกัน

“ชอบอ่านอยู่แล้วครับ อ่านหนังสือพิมพ์ เจออะไรก็อ่าน ถ้าว่างหน่อยชอบอ่านสารคดี” มินิมอร์ถามว่าแล้วได้เดินซื้อในงานไหม “เวลาเดินตรวจก็มองผ่านๆ แต่ไม่ได้ซื้อหรอกครับ ทำงาน” 



นี่! คนจริง คนตั้งใจ
นักอ่านรายที่ 3 เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอายุ 28 ปี




มินิมอร์เดินมาเรื่อยๆ จนถึงฟู้ดคอร์ท เพราะเริ่มหาผู้ที่สะดวกจะคุยด้วยไม่ได้ แต่แล้วเราก็เจอ...สาวน้อยหน้าใสซึ่งกำลังล้างภาชนะปรุงอาหารอยู่ และเธอก็ล้างไปคุยกับเราไป

“ไม่ได้เดินงานค่ะถ้าทำงาน แต่ปกติชอบอ่านหนังสือ” รอยยิ้มของเธอสดใสอย่างยิ่ง “ปกติชอบนิยายผี นิยายรักแจ่มใส” น้องสาวคนนี้ตอบด้วยเสียงหนักแน่น 

มินิมอร์เลยถามไปว่าชอบงานแนวของสำนักพิมพ์โซฟา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องผีเรื่องลึกลับใช่หรือไม่ 

เธอตอบด้วยเสียงเขินๆ “เป็นแฟนภาคินัย”



คุณภาคินัย มีแฟนหนังสือคุณซ่อนตัวในฟู้ดคอร์ทนะ เป็นน้องทำงานพาร์ทไทม์อายุ 17 ปี มินิมอร์เจอตัวแล้วล่ะ!




มินิมอร์เริ่มปวดหลังจากการแบกกล้อง (แต่แทบไม่ได้ถ่ายเลย เอามาทำไม!) จึงตัดสินใจว่าจะกลับบ้านแล้วล่ะ แต่ขณะที่ยืนรอรถไฟใต้ดิน ก็เจอเจ้าหน้าที่ MRT นอกเวลางานสองท่าน จึงขออนุญาตถามและทั้งสองคนก็ตอบด้วยความยินดี

“ปกติกลับที่พักก็อ่านครับ” คนหนึ่งตอบ “แต่คนนี้เขาอ่านหนังสือเยอะ ถามได้เลย” 

คนที่โดนโบ้ยมายิ้มน้อยๆ “ปกติชอบอ่านหนังสือครับ แนวธุรกิจ พัฒนาบุคลิกภาพ และจิตวิทยา”



เห็นไหม ที่ไหนๆ ก็มีคนรักการอ่าน! น่าชื่นใจจะตายไป



ในวันนี้มินิมอร์พาทุกคนไปเจอนักอ่านแอบแฝงถึง 5 ราย ในงานมหกรรมหนังสือปีนี้ แต่ยังไม่หมด....

มีท่านหนึ่งที่บอกมินิมอร์ว่าไม่ได้ชอบอ่าน แต่งานของเขาก็มีความสำคัญอย่างนิ่ง

เรื่องเกิดขึ้นหน้าบูธของไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นมิตรแท้ของนักอ่านที่กลัวอาการยอกหลังหากหอบหนังสือทั้งหมดกลับบ้าน คุณน้าผู้ชายท่านหนึ่งได้รับมอบหมายจากลูกน้องให้มาคุยกับเรา เพราะว่างอยู่ (เดี๋ยวๆ โบ้ยกันดื้อๆเลยเรอะ?)

“ปกติไม่ชอบอ่าน ปวดตา” คุณน้าหรี่ตาให้ดู “แต่มาทำ(จัดการไปรษณีย์)ที่งานตลอด ใกล้เกษียณแล้ว” 

มินิมอร์เลยถามอายุ และทราบว่าท่านอายุ 58 ปี ยังกระฉับกระเฉงอยู่เลยล่ะ

ท่านไม่ได้เป็นนักอ่าน...แต่ครั้นจะบอก บั๊ยส์ ไม่คุยละ มันก็ไม่ใช่เรื่องดี มินิมอร์เลยถามต่อ(เพราะอยากรู้ด้วย) คำถามนั้นคือวันๆ หนึ่งคนส่งหนังสือกันเยอะไหม


“วันละหกร้อยถึงเจ็ดร้อยกล่องต่อวัน แต่ปีนี้เยอะเป็นประวัติการณ์” คุณน้าเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “นี่ปาเข้าไปวันละแปดร้อยเก้าร้อยกล่องแน่ะ” ดวงตาของท่านเป็นประกาย และภูมิใจในงานที่ทำอย่างยิ่ง






ท้ายสุดแล้วงานหนังสือก็มีคนที่ทั้งเป็นนักอ่าน...และไม่ใช่

ไม่มีอะไรคาดคะเนได้ว่าว่าคนไทยจะอ่านหนังสือมากขึ้น น้อยลง ต่อให้เป็นการประมาณก็เรียกว่ายังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ ถ้าจะมาวัดจากงานหนังสือที่มีแต่บรรดานักอ่านมารวมตัวกัน

หรือถ้าดูจากทั้งประเทศแล้วผลเกิดเป็นว่าคนไทยอ่านหนังสือ xx บรรทัดต่อปีจริงๆ เราก็ต้องคิดกันแล้วล่ะ ว่าปัญหาคือคนไม่ยอมอ่านเอง หรือเราไม่สามารถจัดสรรโอกาสในการอ่านให้ถึงทุกคนได้



ความสนุกสนานในงานมหกรรมหนังสือยังไม่จบ พรุ่งนี้พบกับคอนเทนท์พิเศษ จากงานเสวนาที่จัดโดยสถาพรบุ๊คส์ มาดูกันว่านิยายแบบไหนกันที่เหมาะจะเป็นละคร แล้วคนทำบทละคร รวมถึงช่องโทรทัศน์ เวลาจะเลือกนิยายสักเรื่องไปทำละครนั้นต้องพิจารณาอะไร ในยุคทีวีดิจิทัลที่มีช่องโทรทัศน์เกิดใหม่มากมายจนกดรีโมทเปลี่ยนไม่ทัน!