5 อันดับหนังยอดเยี่ยมของ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ (ที่ยังไม่เคยได้ออสการ์)

        ลีโอนาโด ดิคาปริโอ นักแสดงฮอลลีวู้ดชั้นนำ เจ้าบทบาท ฝีมือจัดจ้าน แต่ก็อย่างที่รู้กันดีว่า 'ถึงแม้หนังจะปังยังไง ลีโอฯก็ยังไม่เคยได้ออสการ์' จนเรียกได้ว่ากลายเป็นมีมล้อเล่นกันทั่วอินเตอร์เน็ต แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น บทบาทการแสดงที่ลีโอฯเล่นเป็นพระเอกแต่ละเรื่องมันช่างเป็นที่น่าจดจำเสียเหลือเกิน เราไปดู 5 บทบาท ที่หลายๆคนลืมไม่ลงว่า 'พระเอกแบบนี้ มันต้องลีโอฯเท่านั้น' ว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

รูปประกอบ: "ไม่ได้ออสการ์เหรอ? แต่กูเป็นมีมในเน็ตนะโว้ยยยย" ลีโอฯไม่ได้พูดเอาไว้ แต่ชาวเน็ตทำให้เพราะรักและสงสาร

5. Shutter Island

หนังจากปู่มาร์ติน สกอเซซี ในเรื่องลีโอรับบทเป็น เท็ดดี ตำรวจหนุ่มที่เข้ามาทำคดีสอบสวนในเกาะชัตเตอร์ หลังจากที่มีฆาตรกรโรคจิตหายตัวไปจากโรงพยาบาลท่ามกลางจิตแพทย์และผู้ป่วยจิตเวท ใครเป็นคอหนังประเภท สืบสวน สอบสวน ปมเยอะ หม่นๆ มืดๆแล้วหละก็ หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์คุณสุดๆ ถ้ายังไม่เคยดู ไม่ต้องอ่านรีวิวอะไรทั้งสิ้น แนะนำให้ไปดูเลยเพราะแทบทุกรีวิวของเรื่องนี้จะมีสปอล์ยสำคัญ ส่วนคนที่ดูกันมาแล้วคงจำฉากนี้กันได้ นื่คือฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรื่อง ซึ่งมาพร้อมกับประโยคเด็ด “Live as a Monster or Die as a Good Man” (อันนี้ยังไม่ดูไม่ต้องกดนะจ๊ะเธอ)



รูปประกอบ: ถึงตัวหนังจะไม่เน้นความสยองเท่าไหร่ แต่ก็มีหลายๆฉากอึดอัดจนน่าขนลุกเลยทีเดียว


4. The Wolf of Wall Street

อันดับที่สี่ก็ยังเป็นหนังของปู่สกอเซซีคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือความบ้าคลั่ง เพราะโดยปกติของปู่แล้วจะชอบทำหนังที่มีความนิ่ง ใช้จังหวะ ใช้บรรยากาศดึงอารมณ์ของหนังออกมา แต่สำหรับเรื่องนี้ พูดได้ว่าคลั่ง คลั่งมาก และคลั่งมากที่สุด (เกจิหนังหลายๆคนบอกว่า อันที่จริงแล้ว ก่อนที่สกอเซซีจะขรึม มันบ้ามาก่อนตั้งนานแล้ว หนังเรื่องนี้ก็แค่กลับมาบ้าอีกครั้ง) หนังเรื่องนี้ทำมาจากเรื่องจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ท รับบทโดยพ่อลีโอของเรานี่แหละ โบรคเกอร์ชื่อดัง หนังแสดงให้เห็นในช่วงชีวิตตั้งแต่ต่ำสุดไปจนถึงสูงสุดของเขา ซึ่งในระหว่างนั้นเราจะได้เห็น เม็ดเงิน ความเมา ยา ปาร์ตี้ ผู้หญิง ทุนนิยม รถสปอร์ต ซึ่งในปีที่หนังออกมา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เฮ้ ลีโอ นี่คือปีออสการ์ของนายแล้วหละเพื่อน" (ผลลัพธ์ก็อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่) คลิปประกอบ เลือกมาสองฉาก ฉากแรกคือฉากปลุกพลังคนในบริษัท ซึ่งดูแล้วฮึกเหิมยังกับจะไปรบแข่งกับลีโอไนดัสยังไงยังงั้น

ส่วนฉากที่สองคือความเทพในการแสดงอาการเมายาของลีโอ (นี่ถ้าบอกว่าเล่นยามาก่อนเข้าซีนก็เชื่อจริงนะนั่น)




รูปประกอบ: ฮึ่ม ฮึม ฮืมมม ออสการ์ไหมละ ฮืมมม


3. Inception

เรื่องนี้ลีโอรับบทเป็น ดอม คอร์บ หัวขโมยมืออาชีพ แต่ไม่ใช่ขโมยไก่กาอาราเล่ทั่วไป สิ่งที่เขาขโมยคือการล้วงข้อมูลต่างๆจากความฝัน ซึ่งมันจะเป็นเวลาที่สภาวะจิตใจเปราะบางที่สุด และงานเดียวกันนี่แหละที่ทำให้เขากลายเป็นตัวอันตราย ต้องคอยหลบหนี ไกลบ้านไกลครอบครัว แต่จู่ๆวันดีคืนดีเขาก็ได้รับงานใหญ่ที่ถ้าทำสำเร็จก็จะทำให้เขาสามารถกลับบ้านไปหาลูกๆได้ เนื้อเรื่องอาจจะฟังดูงงๆ ง่วงๆ แต่หลับไม่ลง เพราะต้องใช้หยักสมองคิดตามพลอตที่โคตรล้ำ แถมฉากแอคชันยังมันถึงใจอีกต่างหาก ถ้ายังไม่ได้ดูรีบเลยนะเธอ (มีคนยังไม่ได้ดูด้วยเรอะ!)

        คลิปประกอบ (ยังไม่ดูก็ข้ามไป) โชว์ความเกี่ยวเนื่องกันของฝันในแต่ละชั้น โคตรลึก



รูปประกอบ : กูกลายเป็นมีมก็จากรูปนี้จากหนังเรื่องนี้เนี่ยแหละ


2. Catch Me If You Can

เรื่องราวของชีวิตแฟรงค์ ดับเบิ้ลยู อบาเนล สิบแปดมงกุฏระดับโลก ชื่อเสีย(ง)กระฉ่อนด้านปลอมเช็ค ฉ้อโกงเงินกว่า 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นที่ต้องการตัวของ 15 ประเทศ แต่เสือกถูกยกย่องให้เป็นนักต้มตุ๋นอัจฉริยะจากการที่เขาปลอมเป็นนักบินสายการบินชื่อดังทั้งๆที่ไม่เคยเรียนด้านการบิน เป็นแพทย์ทั้งๆที่ไม่เคยรู้เรื่องหมอมาก่อน เป็นทนายทั้งๆที่ไม่รู้กฎหมายเลยซักแอะ และยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือทั้งๆที่ยังเรียนอยู่ และ ทั้งหมดที่พูดมานั้นเขาเริ่มหลอกลวงคนตั้งแต่อายุ 16 ปี

        ในด้านตัวหนังก็เรียกได้ว่าดูเพลิน ดูสนุก หนังเรื่องนี้กำกับโดยพ่อมดฮอลลีวูดอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก และได้นักแสดงอย่าง ทอม แฮงค์ มารับบท โอเรียลรีย์ เจ้าหน้าที่ FBI คู่รักคู่แค้นของแฟรงค์ที่ตามกัดตามเฉาะชิงไหวชิงพริบกันอยู่หลายปี

คลิปประกอบ คนที่ยังไม่ดูก็ดูได้ มันคือการโชว์เทพปลอมตัวเป็นอาจารย์ซึ่งเป็นการฉายแววนักต้มตุ๋นของแฟรงค์ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่

                               



รูปประกอบ: เป็นมากี่อาชีพแล้วหละนั่น!


1. The Departed

เรียกได้ว่าเป็นผู้กำกับและนักแสดงคู่บุญกันจริงๆสำหรับปู่สกอร์เซซีกับพ่อลีโอฯ เรื่องนี้เป็นผลงานรีเมคมาจากหนังฮ่องกงเรื่อง สองคนสองคม และยังเป็นถึง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2006 ของเวทีออสการ์ ซึ่งในส่วนของนักแสดงนำลีโอฯก็แห้วรางวัลไปอีกเช่นเคย

        เนื้อเรื่องก็เกี่ยวกับ บิลลี่ (ดิคาปริโอ) ตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบที่ได้รับมอบหมายให้แทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอาชญากรที่มี คอสเตลโล (แจค นิโคลสัน) เป็นหัวหน้า และในขณะที่บิลลีได้รับความไว้วางใจอย่างรวดเร็ว คอสเตลโลก็ได้ส่งลูกน้อง โคลิน ซุลลิแวน (แมต เดมอน) เข้าไปแทรกซึมหน่วยตำรวจเพื่อเป็นแหล่งข่าว ซับซ้อนซ่อนเงื่อน กดดัน รีบหาดูเถอะ ทั้งภาคฮ่องกงต้นตำหรับและภาครีเมคนี้เลย (หลายๆคนบอกว่าต้นฉบับเข้มข้นกว่า แต่ลีโอฯก็เล่นภาครีเมคไว้สุดเหมือนกัน)

คลิปประกอบ: บิลลี่เครียดกับการแฝงตัวจนต้องมาขอยากับจิตแพทย์ และในระหว่างนั้นก็ต้องเล่าว่าทำไมถึงเครียดต่างๆนาๆ

           



รูปประกอบ: ผมไม่รู้ไม่ชี้นะบอส


    ส่วนในปีที่จะถึงนี้หนุ่มลีโอของเราก็จะมีผลงานแสดงเรื่อง The Revenant ซึ่งกำกับโดย อเลฮันโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู ชื่อเขียนย๊ากยาก เอาเป็นว่าอีตาผู้กำกับคนนี้เพิ่งจะได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาเมื่อปีที่แล้วกับเรื่อง Birdman เรียกได้ว่าปีนี้ลีโอมีลุ้นอีกแน่นอน ใครเป็นแฟนคลับ (รวมถึงกลุ่มคนสงสารลีโอ) ก็คงต้องลุ้นกันตัวโก่งเช่นเดิม

    ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างนี้สิ ลีโอฯ เล่นใหญ่ เล่นเต็ม ปักหลักถ่ายแสงจริงตอนพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกในป่าสนอันหนาวเหน็บ ไม่ได้ออสการ์ก็ให้มันรู้ไป!!!


แต่! หลังจากที่หลายๆคนได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ The Danish Girl ที่แสดงนำโดย Eddie Redmayne ก็เริ่มพูดกันว่า หรือ พี่ลีโอฯของเราจะชวดอีกแล้ววะเนี่ย...

หมายเหตุ: Eddie Redmayne เพิ่งคว้าออสการ์จากบทศาสตราจารย์ Stephen Hawking ใน The Theory of Everything เมื่อปี 2014


Credit: bigcartelsalonwykopwordpressignLeonardo DiCaprio Oscar miss gif - PandaWhaleknowyourmeme