เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกการอ่านmenalin
Lost in Conversation - โปรดอย่าคิดไปเอง
  • "ฉันดีใจที่สนิทกับคนสบาย ๆ แบบมัน อยู่ด้วยกันแล้วไม่ต้องเกร็งมาก ยิ่งสนิทกันมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นตัวของตัวเองต่อกันได้มากเท่านั้น"

    "ถึงจะรู้ว่ามันเป็นคนชอบแกล้ง ชอบแซวแรง ๆ จนเป็นนิสัย แต่พอคิดว่าทำไมไม่รู้จักเกรงใจกันบ้าง ก็แอบโกรธทุกที"
    - ไม่เป็นไร สนิทกัน (หน้า 30 - 31)



    "Lost in Conversation"

    ผู้เขียน: ฉัตรวี เสนธนิสศักดิ์
    สนพ. บันบุ๊คส์
    พิมพ์ครั้งแรก, ตุลาคม 2557

              If you can't say something nice, don't say nothing at all. - Thumper (Bambi, Disney) ประโยคนี้มาจากการ์ตูนเรื่อง Bambi ของค่ายดิสนีย์ นับเป็น quote ที่เราชอบมากที่สุดอันหนึ่ง ถ้าพูดอะไรดี ๆ ไม่ได้ สู้อย่าพูดอะไรเลยเสียดีกว่า เพราะคำพูดเมื่อพูดออกมาแล้ว ไม่สามารถถอนคืนกลับไปได้อีก ความรู้สึกของคนฟังก็เช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการคิดให้ดีก่อนพูด (หรืออย่างยุคสมัยนี้คงต้องรวมถึงคิดให้ดีก่อนพิมพ์/โพสต์อะไรออกไปด้วย) แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการไม่พูดอะไรออกมาเลยคือการแก้ปัญหา การไม่พูดไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้สื่อสารอะไรออกมา เพราะบางครั้งสีหน้าหรือท่าทางก็อาจจะชัดเสียจนไม่จำเป็นต้องอาศัยถ้อยความใด ๆ และในบางกรณีการไม่พูดอะไรเลยอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่า

              เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็ล้วนมีประสบการณ์ล้มเหลวในการสื่อสาร ล้มเหลวทั้งในส่วนที่สื่อออกไป กับส่วนที่ไม่ได้สื่อ เคยพูดบางเรื่องแล้วทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองไหม? เคยเสียเพื่อนเพราะปากพาไปหรือเปล่า? เคยต้องจบความสัมพันธ์เพราะคุยกันไม่เข้าใจ จูนกันไม่ติดไหม? แล้วเคยจบกันไปเพราะไม่ยอมพูดอะไรหรือเปล่า? ฯลฯ เคยนึกเสียดายหรือสงสัยไหมว่าถ้าตอนนั้นเราเลือกพูดอีกแบบ หรือบอกความในใจออกไปอาจช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ทุกวันนี้เรายังสงสัย...

              Lost in Conversation มีแนวคิดที่เก๋มาก อ่านแล้วรู้สึกว่าโคตรเจ๋งตั้งแต่บทแรก ผู้เขียนนำเสนอถ้อย ความคิด ในใจของคนสองคนในลักษณะของการตอบโต้กันสองฝั่ง โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ความคิดของกันและกัน บางคู่เป็นเพื่อน คนรัก แฟนเก่า คนในครอบครัว ทุกเรื่องเป็นเรื่องแต่งแต่ก็มีอิงจากเรื่องจริงของคนใกล้ตัวของผู้เขียน ซึ่งแต่งเติมจินตนาการลงไปถึงความรู้สึกนึกคิดในใจของตัวละครเหล่านั้น บางครั้งสิ่งที่ไม่ได้พูดออกมาก็ดังกว่าสิ่งที่พูดเสียอีก แล้วหากพวกเขาพูดสิ่งที่คิดนั้นออกมา สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนนะ

              เคยมีเพื่อนมาปรับทุกข์กับเราว่าไม่ชอบในสิ่งที่เพื่อนอีกคนทำ รู้สึกน้อยใจ เสียใจ เราก็ถามกลับไปว่าแล้วเคยบอกเจ้าตัวหรือยังว่าไม่ชอบ ที่เขายังทำเรื่องเดิมซ้ำ ๆ อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยรู้ว่าเราไม่ชอบ ในเมื่อไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงให้เขารู้ มันก็มีแต่ตัวเราเองเนี่ยแหละที่เก็บมาคิดมาช้ำใจเอาฝ่ายเดียว เหมือนที่พี่เอ๊ด (พิทยากร ลีลาภัทร) เคยกล่าวไว้ในหนังสือ ธนาคารความสุข 4 (สนพ. พรีม่าพับลิชชิ่ง) ว่า "ไม่มีใครทำให้เราเสียใจได้หรอกครับ มีแต่ใจเราที่ตีค่าการกระทำบางอย่าง แล้วเสียใจเอง" แต่ถ้าเราบอกเขาแล้วว่าไม่ชอบแต่เขายังทำ อันนี้เป็นอีกเรื่องละ "การทำร้ายความรู้สึกใคร ครั้งแรกอาจแปลว่าไม่รู้ ครั้งที่สองอาจแปลว่าลืม แต่ถ้ามากครั้งกว่านั้น มันแปลว่าไม่เคยจำ" (วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม, If You Care Enough, สนพ. a book) แทนที่จะมาคุยกับคนอื่น การคุยกับเจ้าตัวตรง ๆ ด้วยเหตุและผลน่าจะดีที่สุด ถ้ากลัวว่าพูดออกไปแล้วจะเสียเพื่อน การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำอะไรเลยจะไม่น่ากลัวมากกว่าเหรอ ปล่อยทิ้งไว้เรื้อรังจนไม่อาจรักษาได้อีกต่อไปน่ะน่าเจ็บปวดกว่าอีก บางครั้งเราก็ต้องเลือกว่า การพูดออกไปแล้วยังพอมีโอกาสปรับความเข้าใจกัน กับการไม่พูดอะไรเลยแล้วปล่อยให้มันจบลงเมื่อความอดทนเราสิ้นสุด อย่างไหนจะน่าเสียดายมากกว่ากัน

              ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายกระทำเองก็ต้องรู้จักฉุกคิดเองด้วย การที่อีกฝ่ายไม่เคยพูด ไม่เคยว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเขาโอเคกับสิ่งที่เราพูดหรือทำ การแกล้งหรือการแซวในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ มันก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย คนถูกแกล้ง (ไม่พูด) ไม่เบื่อ คนแกล้งก็ควรจะเบื่อตัวเองบ้าง เราไม่จำเป็นต้องแกล้งกันแรง ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อให้สนิทกันมากขึ้นหรอกนะ หรือต่อให้เขาจะไม่คิดอะไรมากจริง ๆ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะทำตัวเซี้ยวเปรี้ยวซ่าตลอดเวลานี่ จริงไหม?

              การจะเริ่มสร้างมิตรภาพหรือความสัมพันธ์ใดอาจไม่ยาก การจะรักษามันไว้ให้คงอยู่เนี่ยสิที่ยากที่สุด เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ยิ่งสนิทกันมากขึ้น ยิ่งเกรงใจกันน้อยลง เราคิดว่าเป็นเพราะยิ่งสนิทกัน ช่องว่างยิ่งลดน้อยลง ใกล้กันมากขึ้น ก็มองเห็นสั้นลง ลืมมองในภาพกว้าง บางทีก็เลือกที่จะนิ่งเงียบในเรื่องที่ควรพูด แต่กลับเลือกพูดในสิ่งที่ควรเงียบ หรือไม่ก็ชอบคิดชอบเดาไปเองว่าคนนี้เป็นอย่างนั้น เรื่องนั้นเป็นแบบนี้ โดยลืมนึกไปว่าเรื่องทุกเรื่องมันมีมากกว่าด้านที่เราเห็น มันมีทั้งด้านที่อีกฝ่าย (เลือก) พูดออกมา กับด้านที่ไม่ได้พูด ความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันต้องการคำว่า care และจะให้ดีก็ต้อง take care ไปด้วยกัน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in