1.
“สวยจังเลยเนอะ ว่ามั้ย”
เธอพูดขึ้นมาขณะนั่งมองประกายไฟที่กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ก้านอย่างช้า ๆ..
2.
เธอและผมลักลอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ มาได้หนึ่งปีแล้ว เธอคือนักศึกษาที่เปี่ยมไปด้วยความฝันของการเป็นนักเขียน ส่วนผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ยอมละทิ้งตัวตนให้กับความคาดหวังของผู้อื่น ในทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเล เราจะทำตัวเหมือนคู่รักอื่น ๆ ที่มาด้วยกันรอบบริเวณนั้น นั่งริมชายหาดและทอดสายตามองพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับหายไป ดูดดื่มไปกับความโรแมนติคที่แสนน่าเบื่อหน่าย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอมักจะทำในโมงยามแห่งการลิ้มรสความมืดที่ค่อย ๆ คลืบคลานเข้ามาไปด้วยก็คือ การจุดไฟเย็น เธอจะหยิบไฟเย็นออกมาจากถุงด้วยความทะนุถนอม จุดไฟมันทีละก้าน ๆ จนหมดถุง และทันทีที่ประกายไฟเริ่มก่อตัว เธอจะจ้องมองไฟวิบวาบไปมาด้วยความหลงไหล คล้ายเป็นของเล่นชิ้นแรกที่เธอได้ในชีวิต
3.
“ทำไมคุณถึงชอบมองไฟเย็นครับ”
ผมถามเธอเมื่อเธอเริ่มจุดไฟเย็นก้านสุดท้าย แต่เธอกลับนิ่งเงียบ เฝ้ามองแต่ประกายไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้า เพียงไม่กี่วินาที ไฟได้มอดดับหายไปเหลือเพียงกลุ่มควันจาง ๆ ที่ล่องลอยอยู่เหนือก้าน เธอยังคงมองไฟเย็นที่เหลือแต่เศษก้านไหม้ ๆ อย่างพินิจวิเคราะห์
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบจ้องมองมัน แค่รู้สึกเพียงว่ามีอะไรบางอย่าง…ที่ฉันกับประกายไฟนั้นมีร่วมกัน ไม่ก็เป็นเหมือนกัน..น่าแปลกเนอะ สุดท้ายแล้ว ประกายไฟที่เห็นอยู่เมื่อกี้ก็เหมือนไม่มีอยู่จริงเลย คุณคิดว่าไฟทีเราเห็นเมื่อกี้นี้มันเคยมีอยู่จริงมั้ยคะ”
ผมมองเศษก้านไฟเย็นที่มอดดับไปแล้วแต่ละอันบนพื้นทรายและไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป
4.
หลังจากกลับมาจากเที่ยวทะเลครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของเราก็ยุติลง..หลายเดือนต่อมา ระหว่างที่กำลังเก็บของย้ายบ้าน ผมก็เจอกับห่อกระดาษที่บรรจุไปด้วยเศษก้านไฟเย็นซุกซ่อนอยู่ในช่อง ๆ หนึ่งของกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่เอาไปทะเลในคราวนั้น อาจเป็นเธอที่คงแอบมาใส่ไว้ตอนที่ผมหลับอยู่ ผมหยิบมันออกมาจากห่อและวางเรียงรายไว้บนพื้นจนหมด มองเศษซากสีดำที่หลงเหลือไว้อยู่บนก้าน และค่อย ๆ เพ่งเข้าไปในรอยไหม้เหล่านั้น…
5.
“ใช่แล้ว ไฟที่เราเห็นอยู่เมื่อกี้มันไม่มีอยู่จริงหรอก”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in