เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
to be continue |つづくployapha.j
เดินขึ้นภูเขาอินาริ | Fushimi Inari Taisha







  • หลังจากที่เราไปดื่มด่ำกับใบไม้สีเขียวสลับเหลืองและแดงๆเป็นบางต้นที่วันเอนโคจิแล้ว เราก็นั่งรถไฟสาย Keihan Main Line ย้อนกลับมาลงที่สถานี Fushimi Inari (ถ้าจากสถานีเกียวโต สามารถนั่ง JR Nara Line มาลงที่สถานี JR Inari ได้เช่นเดียวกัน) เพื่อมาที่ Fushimi Inari Taisha หรือ ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ ซึ่งเป็นจุดหมายที่สองในการเที่ยวในเกียวโตนั่นเองงงงง



    ศาลเทพเจ้าจิ้งจอกนี้เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความเชื่อเกี่ยวกับ เทพเจ้าอินาริ ว่าเป็นเทพเจ้าที่ดูแลปกปักรักษาในเกี่ยวกับเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ปลูกข้าว พืชพรรณธัญาหารต่างๆ ศาลแห่งนี้ที่มีความสำคัญของเมืองเกียวโตเป็นอย่างยิ่งเพราะมีความเก่าแก่มากๆ แถมยังเป็นศาลเจ้าของเทพเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ความสวยงามของศาลเจ้าฟูจิมิ อินาริแห่งนี้มีจุดเด่นที่ประตูโทริอิเรียงรายเป็นจำนวนนับหมื่นต้นที่ตั้งตะหง่านวนไปรอบๆภูเขาที่เชื่อกันว่าที่แห่งนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์






    เราเองเคยมาที่ศาลเจ้าจิ้งจอกแห่งนี้เมื่อปลายปีที่แล้วและเคยเขียนเล่าไว้ใน ด้วยรักจากทะเลทราย ในตอน ต้เงาโทริอิในวันสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นทริปที่เรามาไหว้ขอพรในวันก่อนปีใหม่ รายละเอียดหลักๆเกี่ยวกับศาลเจ้าและบรรยากาศโดยรอบจะอยู่ในนั้นหมดเลยเพราะฉะนั้นไปกดอ่านกันได้นะเพราะว่าทริปนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลอะไรเท่าไร เน้นกินและเดินและกดกล้องฟิล์มที่ยังไม่ได้เอารูปมาล้างเพราะลืมมมม










    อันนี้ถ่ายไว้เพื่อจะเอาลงไอจี โชว์ว่ามาถึงแล้วนะจ๊ะ
    นอกนั้นกดกล้องฟิล์มยับบบ
    ถ้าล้างรูปแล้วจะมา Edit ใส่รูปเพิ่มอีกทีนะ









    ศาลเจ้าจิ้งจอกในยามบ่ายคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ และจะเยอะเป็นพิเศษตรงถนนคนเดินที่ขายของกินข้างๆศาลเจ้าที่มีเมนูให้เลือกลิ้มลองมากมายทั้งคาวหวาน เราก็ติดกับดักของอร่อยอยู่ตรงนี้ซักพัก เดินกินไปเรื่อยๆ ยื่นเหรียญ 500 เยนให้คนขายแบบไม่คิด อันนู้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่าลอง อันนั้นก็น่าอร่อยยยยย จนเราไปสะดุดตากับ ร้านให้เช่าชุดกิโมโน









    ไหนๆก็มาแล้ว ซักหน่อยก็ได้ว้าาาาา







    เรากระตุุกชายเสื้อโค้ทของคนที่มาด้วยยิกๆๆๆ หว่านล้อมว่าไหนๆก็มาถึงญี่ปุ่นกันแล้วนะเออ มาใส่ชุดคู่กันหน่อยเถอะนะนะนะนะนะ จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ปฏิเสธหัวชนฝา ไม่เอา ไม่ใส่ ใส่เองคนเดียวสิ ไม่เอาาาา ยังไม่ก็ไม่เอาาาาาาาาาา ในที่สุดเราก็ถอดใจเดินเข้าร้านไปเงียบๆคนเดียวปล่อยให้เขาเดินกินวนๆอยู่แถวนั้นเพิ่มความกลมไปเรื่อยๆ






    ภายในร้านตกแต่งคาวาอิมากๆ มีผ้ากิโมโนให้เลือกหลายแบบ ยิ่งลายสวยราคาก็ยิ่งแพงขึ้นไปตามลำดับ เราเดินวนไปวนมาเลือกผ้าอยู่นานพอสมควร คิดว่าเราเหมาะจะใส่ลายผ้าแบบไหนกันหนอ เลือกเสร็จแล้วก็ไปเลือกผ้าโอบิ(ผ้าที่ใช้พันๆ) แล้วก็ไปทำผม ใส่ชุด และเลือกเครื่องประดับผมกับกระเป๋า
























    แต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินต๊อกแต๊กขึ้นเข้าไปในศาลเจ้ากัน เดินฝ่าผู้คนนับร้อย แถมต้องคอยระวังไม่ให้สะดุดล้มอีกเพราะใส่ถุงเท้ากับเกี๊ยะแล้วมันลื่นมาก หวุดหวิดข้อเท้าพลิกหลายรอบเลยทีเดียว


















     สาเหตุที่เราเลือกมาที่ฟูชิมิอินาริอีกครั้งหนึ่งเพราะเรากลับไปดูหนังเรื่อง Memoirs of a Geisha อีกรอบนึงก่อนจะมาท่ี่นี่แล้วติดใจฉากที่นางเอกตอนเด็กวิ่งผ่านเสาโทริอิกับซีนสุดท้ายของหนังที่นั่งดูแล้วน้ำตาไหลพรากๆๆๆๆ แต่ด้วยความที่คนเยอะจัดเราเลยวิ่งแบบนางเอกไม่ได้ ต้องค่อยๆเดินไหลตามสายธารมนุษย์ไปเรื่อยๆ







    ครั้งที่แล้วที่เรามาที่นี่ เราไปแวะพักตรงจุดชมวิวที่เห็นเมืองเกียวโตทั้งเมืองเลย รอบนี้ก็เช่นกัน เราไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจแล้วสังเกตว่าประชาชนเกินครึ่งกินซอฟครีมกันอยู่ เราก็ไม่พลาดไปลองสั่งมาบ้าง! ซอฟครีมที่ขายบนนี้เป็นรสวานิลลาและถั่วเหลือง อร่อยมากกกกกกกกกกก ถ้านับซอฟครีมทั้งหมดทั้งมวลที่กินในทริปญี่ปุ่นรอบนี้ เราว่าซอฟครีมที่นี่อร่อยที่สุดแล้ว ไปลองกันได้ การันตีความอร่อยโดยข้าพเจ้าเอง!!! (กินแบบลืมถ่ายรูป โธ่...)












    ชุดกิโมโนที่เช่านั้นเราสามารถใส่ได้ทั้งวันเลย
    ใส่ไปเที่ยวยังไงก็ได้แต่ต้องเอามาคืนที่ร้านก่อนหกโมงเย็นนะจ๊ะ










    เราคุยกับคนที่มาด้วยว่าเอาไงดี อยากจะปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขาเลยรึเปล่า เขาก็ว่าไหนๆก็มาแล้ว ไปกันเถอะ เราก็เลยเดินต๊อกแต๊กขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แวะไหว้ที่ศาลเล็กๆข้างทางบ้าง เสียดายที่ไม่ได้เขียนแผ่นเอมะไว้ แต่ก็ขอพรไว้ในใจว่าขอให้ได้กลับมาเกียวโตอีกเรื่อยๆ :D






    พอวนกลับลงมาก็กินต่ออีก ทั้งทาโกะยากิ ยากิโซบะ หมูย่าง มันฝรั่งทอด วนเวียนไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้นจนฟ้าเริ่มครึ้ม ลมพัดกรรโชกแรงเลยหยุดกินและเอาชุดไปคืนก่อนที่จะนั่งรถไฟกลับไปที่สถานีเกียวโต ลากกระเป๋าข้ามถนนเดินเข้าซอยมาที่ Daiya Ryokan ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที ความดีงามของที่นี่คือฝั่งตรงข้ามมีร้าน Family Mart พร้อม สะดวกสบายกับการหาของกินกุ๊บกิ๊บยามค่ำคืน



    ที่ Daiya Ryokan แห่งนี้ให้บริการห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม คือพื้นห้องปูด้วยเสื่อทาทามิและนอนฟูก ซึ่งในตอนแรกเราก็แอบกังวลใจว่าคนที่มาด้วยเขาจะรู้สึกว่าเราพาเขามาตกตระกำลำบากรึเปล่าหว่า โรงแรมที่มีเตียงปกติธรรมดาไม่มานอน ดันมาจองห้องแบบนี้ แถมห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวมอีกต่างหาก




    แต่เราอยากนอนอ้ะ!
    (และที่พักทุกที่เป็นแบบนี้หมด)



    คือเราคิดว่าเตียงนอนที่ไหนก็เหมือนกัน อยู่บ้านก็นอนเตียงปกติ แต่นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์การนอนแบบญี่ปุ่นแท้ยังไงเล่า สรุปคือเขาโอเค แฮปปี้ หลับสบายทุกคืน กรนดังประหนึ่งกลายร่างเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (เฮ้อ...)









    ค่ำวันนั้นเรากะว่าจะออกไปหาของกินย่าน พอนโตะโชะ (Pontocho) ที่เป็นย่านชิวๆริมแม่น้ำคาโมะ และเดินดูแถวๆย่าน กิออน (Gion) เผื่อว่าจะได้เห็นเกอิชาหรือไมโกะบ้าง แต่กลายเป็นว่าพอเข้าห้องพัก เอนตัว กะว่าจะพักสายตาซักครู่ก็วาร์ปยาวไปเที่ยงคืน ไม่ออกไปไหน เดินไปซื้ออะไรในร้านสะดวกซื้อกินง้อบๆแง้บๆประทังหิวแล้วก็อาบน้ำ นอนนนน เพราะโปรแกรมเที่ยวในวันพรุ่งนี้นั้นแน่นเอียด ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปจองตั๋วรถไฟไปดูใบไม้สีแดงงงงง









    つづく
    โปรดติดตามต่อต่อไป









    ป.ล.ขอโทษจริงๆที่รูปน้อย รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่มันอยู่ในด้วยรักฯแล้วเรียบร้อยเลยไม่เอามาอธิบายขยายความเพิ่มนะจ๊ะ ส่วนเรื่องที่พักสามารถดูรูปได้ในกูเกิลและอ่านรีวิวได้ในเว็บไซต์จองที่พักชั้นนำทั่วไปปปป








    ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่...
    www.facebook.com/withlovefromthedesert
    IG: Ployapha.j

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in