มนุษย์ป้ามหาประลัยและไฟล์ทขากลับ
หลังจากอิ่มใจไปกับร้านรวงน่ารัก กาแฟที่ดี ประกายแดดยามเย็นที่แสนจะอบอุ่นชวนให้หัวใจพองฟู เราก็เดินกลับไปที่ Umeda ซื้อของใช้ที่จำเป็นในดองกี้ (ขอบคุณตัวเองที่ไม่หยิบเอาบัตรเครดิตมาด้วย ไม่งั้นล้มละลายเป็นแน่)
ใจจริงอยากไปนั่งริมน้ำมองพระอาทิตย์ตก แต่ต้องนอนก่อนไปบินก็เลยอดไป
ซึ่งสุดท้ายก็นอนไม่หลับอยู่ดี แง
ก่อนจะนอนก็แช่น้ำอุ่นอีกหนึ่งรอบ ได้ไอเท็มนี้มาจากดองกี้จ้ะ
เคยอ่านในนิตยสารญี่ปุ่นว่าสิ่งนี้นั้นช่วยดีท็อกซ์และลดเซลลูไลท์ได้ อาฮ้าาา!
วิธีการใช้งานก็คือเทลงไปในน้ำร้อน ลงไปแช่ 2-3 นาทีแล้วขึ้นมาพัก 5 นาที
ทำซ้ำวนไป 2-3 รอบ เหงื่อจะออก ผิวจะดี รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากเลยจ้า
ใช้แล้วผอมรึเปล่าก็ไม่รู้ (ก็กินเยอะขนาดนั้น ไม่น่าจะผอม)
แต่ก็สบายตัวดี ใครไปญี่ปุ่นก็ลองไปซื้อมาได้นะจ๊ะ
สำหรับไฟล์ทขากลับของเรานั้นก็วุ่นวายดีแท้ค่ะ จำคนขี้เกียจประจำไฟล์ทได้หรือไม่ นั่นแหละ ไฟล์ทนี้มีทะเลาะดราม่ากันเรื่อง workload กันวุ่นวายใหญ่โต เราก็นะ พยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราว แม้ว่าในใจก็อยากเข้าไปบวกเหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุจ้า
แต่เรื่องที่อิหยังวะที่สุดก็คงเป็นเรื่องของมนุษย์ป้ามหาประลัยที่หงุดหงิดใจในเรื่องประหลาดที่ทำให้ลูกเรือกุมหัวปวดจี๊ด ความกวนประสาทของนิฮงจินนี่ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันนะคะ
เรื่องแรก ต้องเท้าความให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่าเครื่องบินมันก็มีทั้งเก่าแหละใหม่อะเนอะ ทีนี้เครื่องนี้มันเป็นเครื่องที่ใช้หน้าจอแบบเก่าค่ะ ฉะนั้นบางทีถ้าเปิดไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้เปิดภาพยนตร์ สีของหน้าจอมันก็อาจจะเปลี่ยนไปเนื่องจากมันค้างเฟรมนั้นไว้นาน ๆ
คุณผู้โดยสารท่านนี้เปิดหน้าจอที่แสดงว่าเราบินไปถึงจุดไหนแล้ว เวลาเหลืออยู่เท่าไร โดยไม่ได้เปิดรับชมภาพยนต์ใด ๆ ที่นี้พอจอมันค้างเฟรมไว้นาน ๆ มันก็มีบ้างที่สีของหน้าจอจะเปลี่ยนไป เขาก็คอมเพลนว่าจอของเขาเสียนะ
ซีเนียร์เราก็ไปอธิบายว่ามันปกติที่จะเกิดเหตุแบบนี้ ยังไงก็จะลองไปรีเซตดูให้นะ เขาก็จับแขนซีเนียร์แล้วก็เขย่าว่ามันเสียนั่นนี่ ซีเนียร์ก็แบบ Please don't touch me นางก็โวยวายไม่จบว่าไม่เห็นมีใครมารีเซตให้เลยบลา ๆ ลูกเรือญี่ปุ่นก็ต้องมาคุยอีกรอบ อธิบายอีกรอบ นางก็เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่รีเซตคอลเบล
และแน่นอน คนจะซวยช่วยไม่ได้อย่างอิฉันที่เพิ่งกลับมาจากการไปเบรก ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ กับชาวบ้านชาวช่องเขา เดินดุ่ม ๆ กึ่งหลับกึ่งตื่นกลับมาในแกลลี่ เห็นว่าคอลเบลนี้ค้างอยู่ก็เลยเดินไปตอบ... โป๊ะเช๊ะ! โดนแว้ดเข้าให้เลยจ้า ว่าไม่ต้องมายุ่งกับชั้น! ลูกเรือไม่ช่วยเหลือไม่สนใจไม่อะไรเลย เนี่ย จอก็ยังเสียอยู่เลย!!
เราก็เอ๋อเลย ช็อคอยู่กลางเคบิน ก็ม้วนหน้ากลับไปแกลลี่ ถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ ป้าแกเป็นอิหยัง แล้วก็บากหน้ากลับไปเช็คจอให้ พูดดีด้วยความนุ่นนิ่มว่าตอนนี้รีเซตแล้วเรียบร้อยนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไรเพิ่มเติมเรียกได้เลยนะค้า จากนั้นก็จับเวลาสามนาที กลับไปดูปฏิกิริยาใหม่ว่าเรียบร้อยแล้วหรือยัง สรุปคือ ป้าแกปิดจอและหลับ
แล้ว คือ จะ คอม เพลน ทำ ม๊ายยยยยยยย
(ปิดหน้าแล้ววิ่งไปร้องไห้ที่ท้ายเครื่อง)
ช็อตแรกยังไม่พอ เรามาต่อกันที่ช็อตที่สองนะคะ... ระหว่างที่ทำเซอร์วิสอยู่ แน่นอนว่าคนจะซวยอย่างดิฉันก็ต้องเสิร์ฟฝั่งป้าเว้ยแก แล้วสัญญาณเตือนรัดเข็มขัดก็ปิ๊งขึ้นมา เราก็จัดแจงไปล็อกห้องน้ำฝั่งเราให้เรียบร้อย เพราะแน่ล่ะ ทุกคนต้องนั่งกับที่และคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยไง (ไม่ว่าล็อกห้องน้ำหรือไม่ก็ห้ามใช้ตอนนี้เพื่อความปลอดภัยนะจ๊ะ)
ป้าแกก็เอาล่ะ เรียกแล้วบอกว่าอยากจะไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ ก็อธิบายไปว่าไม่ได้นะค้าาาา สัญญาณรัดเข็มคัดเปิดอยู่ กรุณางดใช้ห้องน้ำ ขออภัยในความไม่สะดวกอะไรก็ว่าไป แล้วก็ไปเสิร์ฟต่อ ซักพักป้าแกก็เรียกอีก แล้วบอกว่าอีกฝั่งนึงมีคนเข้าห้องน้ำ เขาเข้าได้ ทำไมชั้นถึงเข้าไม่ได้!!
เอาแล้วไง ลูกเรืออีกฝั่งนึงน่าจะลืมล็อก วางยากูแล้วไงล่ะ...
ก็อธิบายไปใหม่ว่าถึงล็อกหรือไม่ล็อกห้องน้ำก็ห้ามใช้ค่าาาาาาาาา (กรี๊ดดดดดด ทำไมไม่เข้าใจกั๊น) ถ้านักบินปิดสัญญาณแล้วจะรีบมาเปิดห้องน้ำให้ทันทีเลยค่า และเดชะบุญที่เสิร์ฟเสร็จแล้วก็รีบเข็นคาร์ทกลับเคบินไปด้วยความไวแสง มาบอกซีเนียร์ครัวหน้าว่ามีผู้โดยคอมเพลนนะ FYI แต่ฉันบอกเข้าไปว่าแบบนี้ ๆ นางก็โอเครับฟัง
มองไปครัวหลังก็เห็นลูกเรือคนนึงมาเปิดห้องน้ำให้ผู้โดยสารผู้ชายท่านนึงเข้าไปเว้ย แล้วก็คือเปิดอยู่หน้าป้าที่เราเพิ่งบอกไปว่าห้ามเข้า!!
จังหวะนี้ถึงกับอ้าปากค้าง อ้าวเฮ้ยยย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา ซีเนียร์ครัวหน้าเลยเดินฟืดไปครัวหลัง ไปถามว่าทำไมเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงให้เข้า ส่วนอิฉันก็หน้าแห้งไปตามระเบียบ... (ในใจคือกรีดร้องว่ากูอีกแล้ว ทำไมไม่ต้องเป็นกูที่ทำถูกต้องแล้วโดนคอมเพล๊นนน ทำไม๊ /กรีดร้องตะกุยผนังอยู่ในแกลลี่)
และนี่ก็คือเรื่องราวของเราในทริปโอซาก้า
ที่มีทั้งเรื่องที่ทำให้ใจฟู อบอุ่นละมุนละไม มีพลังใจในทางบวก
และเรื่องที่ทำให้อยากจะไปบวกด้วยความเคียดแค้นนนน
คราวหน้าเราจะพาไปเดินเล่นที่ไหน โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
ด้วยรัก...จากโอซาก้า
ด้วยรัก...จากทะเลทราย
:-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in