เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อันนี้รีวิวจริงจังติ่ง(ซีรีส์)
Ms. Hammurabi

  • ประเภท : ดราม่า / กฎหมาย        ช่อง JTBC        ปี 2018           16 ตอน         รับชมพร้อมซับไทยที่ VIU

    นักแสดงนำ

    • โกอารา (ผลงาน : Black / Hwarang / You're All Surrounded)
    • คิมมยองซู[ L Infinite ](ผลงาน Ruler:Master Of The Mask/The Time We Were Not In Love)
    • ซองดงอิล (ผลงาน Reply ทั้ง3ภาค / Prison Playbook / Hwarang / Live)

    เรื่องย่อ

    หากการที่ผู้พิพากษาบนบัลลังก์ต้องมีมากกว่า 1 คน มีจุดประสงค์เพื่อดำรงความยุติธรรม และเพื่อให้มีความเห็นต่างมาใช้ประกอบการพิจารณา ก็ถือว่า คณะ 44 เป็นทีมที่รวมความต่างไว้อย่างชัดเจน ซึ่งบางทีอาจจะต่างเกินจนเต็มไปด้วยปัญหาเสียด้วยซ้ำ

    อิมบารึน (รับบทโดย คิมมยองซู) เจอกับรักแรกสมัยมัธยมในรถไฟใต้ดิน เธอเปลี่ยนไปมากจนเขาแปลกใจ แต่ที่น่าตกใจกว่า คือเธอกลายมาเป็นผู้พิพากษาร่วมคณะ ในศาลแพ่ง ที่เขาทำงานอยู่

    พัคชาโอรึม (รับบทโดย โกอารา) เข้าเป็นผู้พิพากษาใหม่ เธอมีคติประจำใจคือ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" หลายสิ่งที่เธอทำ แหกไปจากขนบเดิมที่ศาลแห่งนี้เคยมี แม้การปรับตัวเข้ากับองค์กรจะยากลำบาก เพราะเธอมักจะสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะขุ่นเคืองใจเสมอ แต่เธอก็ยังยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม... ชีวิตผู้พิพากษาใหม่จะต้องพบเจออะไรบ้าง ติดตามเรื่องราวน่าสนใจในศาลแพ่ง ไม่ว่าจะเป็นคดีต่างๆที่เข้ามา หรือความสัมพันธ์ในองค์กรที่ทรงเกียรติ แต่กลับวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อ ได้ใน Ms. Hammurabi รับชมพร้อมซับไทยได้ฟรี ที่ VIU

    ทีเซอร์ แนะนำตัวละครหลัก


    ตัวอย่าง 7 นาที


    ตัวอย่าง ตอนแรก


    เรตติ้งเฉลี่ย 4.4 % (สูงสุด 5.3 %)

    ***สำหรับเรตติ้งของรายการช่องเคเบิ้ลเช่น tvN OCN หรือ jTBC เวลาจะบอกว่ามากหรือน้อยหากต้องการเทียบกับช่องหลักก็มักจะให้นำเรตติ้งมาคูณ 2 - 3 โดยประมาณ***

    หลังจากที่มีซีีรีส์เล่ามุมของผู้พิพากษาเรื่องแรก "Nothing To Lose" ออกมา ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์เรื่องที่ 2 ที่เล่าเรื่องการทำงานของผู้พิพากษาเป็นหลัก ( Lawless Lawyer ก็มีตัวละครหลักที่เป็นผู้พิพากษาเหมือนกัน แต่เป็นตัวร้าย และเน้นการเล่าจากฝั่งพระเอกที่เป็นทนายมากกว่า) โดยในเรื่องนี้มีความแตกต่างออกไปค่อนข้างมาก อย่างแรกคือ ศาลของเรื่องนี้เป็นศาลแพ่ง ไม่ใช่ศาลอาญา อย่างที่เราคุ้นเคยกันในซีรีส์สืบสวน คดีจึงไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง แต่เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดได้กับคนทั่วไป เช่น การล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน สิทธิในมรดก ฯลฯ ซึ่งแม้จะไม่ได้สลับซับซ้อน แต่ในแต่ละคดี ก็มีเรื่องให้ได้แปลกใจแทรกเอาไว้ หรือบางคดี ก็มีเรื่องกระแทกต่อมน้ำตาซ่อนเอาไว้ด้วย

    ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานการเขียนบทของนักเขียนที่เป็นผู้พิพากษาตัวจริง โดยท่านผู้พิพากษามุนยูซอกเป็นเจ้าของผลงานนิยายหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องนี้ ซึ่งท่านเขียนเป็นตอนๆลงในหนังสือพิมพ์ในช่วงปี 2015 เป็นที่นิยมจนได้รับการนำมารวมเล่ม และตัวท่านเองเป็นผู้ดัดแปลงนิยายให้เป็นบทละครโทรทัศน์ด้วยตนเองอีกด้วย

    ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของผู้พิพากษาในแง่มุมของปัจเจก ไปพร้อมๆกับมุมภาพรวมขององค์กร เราจะได้เห็นระบบการทำงาน ภาพลักษณ์ ลักษณะงาน หน้าที่ของผู้พิพากษาในภาพรวม แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นว่าในรายละเอียดของการทำงานนั้น นอกจากตามหลักทางกฎหมาย การพิจารณาคดี และการลงโทษนั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ทำให้ในซีรีส์เราได้เห็นมุมมองของความเป็นมนุษย์ในตัวของผู้พิพากษาที่อาจจะมีเรื่องราวเป็นของตัวเองที่ทำให้รู้สึกไปกับเรื่องราวบางเรื่องมากกว่าปกติ หรือกระทั่งการมีแนวคิดส่วนตัวแต่เดิม อันอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดี

    ส่วนตัวสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในบทเรื่องนี้ คือการที่เรื่องเล่าผ่านตัวละครที่มีพื้นฐาน มุมมอง ทัศนคติต่อโลก/ต่องาน ต่างกันหลายคน (หลักๆคือ พระเอก - ตัวแทนของคนทำงานตามตำรา นางเอก - ตัวแทนของคนที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก ประธานคณะ - ตัวแทนของคนที่ทำงานตามระบบแบบเก่า(คนรุ่นเก่า)) ทำให้เราได้มองเห็นสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ / สิ่งที่เกิดขึ้นจริง / ความคาดหวังในสังคม

    "ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ" ตัวละครที่เรารักที่สุด

    จะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนว Feel Good ก็ได้ แต่ขณะที่ดูไป บางครั้งมันก็อึดอัดอยู่ข้างใน เหมือนเรารู้ว่า บทละครมันช่างสวยงามเหลือเกิน เมื่อมีคนอย่างนางเอกที่พร้อมลุกขึ้นมาสู้ คนก็จะขึ้นมาสู้เคียงข้างเรา แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้จะเป็นเช่นนั้นทุกครั้ง แม้แต่ในซีรีส์ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่นางเอกจะสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองคาดหวัง และในโลกแห่งความจริงการจะยืนหยัดต่อสู่กับอำนาจที่แท้จริงยิ่งใหญ่และดำมืดยิ่งกว่าบทละครใด ก็อาจเลือนลางและห่างไกลจนหน่วงอยู่ในใจ (ความจริงสังคมเราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีเสมอแหละ ถ้าทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมา แต่มันก็คงไม่รวดเร็วว่องไวเท่านางเอกที่เปลี่ยนความคิดใครหลายคนได้ภายในการทำงานเพียงไม่กี่เดือนหรอก อันนี้ก็นิยายอะเนอะ)

    แต่อารมณ์หลักของเรื่องก็ยังค่อนข้างมีความหวัง ชี้ให้เราเห็นพลังของความจริงใจ และอำนาจความยุติธรรมที่ยังมีอยู่จริงในโลก ให้กำลังใจคนที่กล้าจะลุกขึ้นมาต่อสู้ นอกจากนี้ยังแทรกเรื่องครอบครัว การเกื้อกูลกันในสังคม และความรักของหนุ่มสาวเอาไว้ ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นคู่พระ-นางที่แม้ทัศนคติในการทำงานจะไม่ตรง จนมีการปะทะคารมกันบ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีความหวานและความห่วงใยที่เกินกว่าเพื่อนร่วมงานให้เห็น หรือแม้แต่คู่รองอย่างคุณผู้พิพากษาหนุ่มลั้นลา ที่มาหลงรักนักชวเลขสาวสุดเฟี้ยว (ส่วนตัวชอบคู่รองมาก น่าร้ากกก)

    อารมณ์การเล่าคล้ายๆเรื่อง Live คือเล่าเรื่องการทำงาน และความเป็นมนุษย์ไปด้วยกัน แต่ชีวิตของตัวละครเรื่องนี้จะไม่หน่วง ไม่เครียด ไม่ดราม่าเท่าเรื่อง Live มีฉากให้ได้ฮา ได้เขิน ได้ขำ ค่อนข้างมาก

    เรื่องนี้ในเกาหลีถือว่าเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมและเป็นที่กล่าวถึงค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ของนักแสดงนำรุ่นเล็กทั้ง 2 คนที่มีฝีมือที่พัฒนาขึ้น เข้าถึงบทได้อย่างเป็นธรรมชาติกว่าเรื่องก่อนๆ และตัวบทที่นำเสนอได้ดี ทำให้เรื่องนี้ได้เรตติ้งค่อนข้างสูงสำหรับช่อง jtbc แม้ในไทยจะไม่ได้รับความนิยมหรือเป็นที่พูดถึงมากนัก แต่ขอบอกในฐานะคนที่ดูโดยไม่ได้กรี๊ดดาราคนไหนเป็นพิเศษเลยว่า เรื่องนี้มีดีที่บทจริงๆ ใครที่ชอบดูเชิงสะท้อนสังคม ที่ออกไปทาง Feel Good และดราม่า - ซาบซึ้ง บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะตอบโจทย์ทั้งหมดที่ว่ามาแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้เราเข้าใจการทำงานของผู้พิพากษา เห็นความเป็นมนุษย์ของคนอาชีพนี้มากขึ้น อีกทั้งน่าจะได้ข้อคิด หรือแนวคิดในการมองโลกดีๆจากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยแน่นอน

    เพลงประกอบ




    (เพลงที่หนุ่มน้อยติดกาวร้องในคาราโอเกะ)


    คนที่มีอำนาจที่สุดในศาล

    ไม่ใช่คนร่ำรวยเงินทอง หรือ คนยากจนข้นแค้นจนน่าสงสาร

    ไม่ใช่คนมีอำนาจคับฟ้า หรือ คนตัวเล็กๆในสังคม

    แต่คือ ผู้พิพากษา

    ฉะนั้น ผู้พิพากษา จึงต้องระวังความคิดของตัวเองมากที่สุด

    ฮันเซซัง (ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ 44 จากซีรีส์ Ms. Hammurabi )

    ทำไมต้อง Ms. Hammurabi ???

    ฉายา Ms. Hammurabi ของนางเอก มาจากคติประจำตัวของเธอคือ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ซึ่งมีที่มาจากข้อความที่ปรากฏใน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ของอาณาจักรบาบิโลเนีย อันหมายถึงทำผิดอย่างไรได้โทษอย่างนั้น เป็นจารึกที่มีมาตั้งแต่เมื่อกว่า 1,700 ปีก่อนคริสตกาล ถูกจารึกไว้บนหินบะซอลต์สีดำ ปัจจุบัน จัดแสดงอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

    ภาพจาก wiki

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in