นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน
ตอนที่ 8 น้องนางบ้านนา
ในขณะเดียวกันที่หมู่บ้านดอนผักหวาน
บ้านของสาวน้อยเดอลา
"นาง.. นางหล่า.ได้ยินบ่.. นางหล่า ตื่นได้แล้ว ไก่ขันแล้ว…. ลุกไปหานึ่งข้าวนึ่งน้ำ"
เสียงของแม่ร้องเรียกให้เดอลาตื่นเพื่อไปก่อไฟนึ่งข้าวเหนียว มีไม่กี่ครอบครัวที่จะปลูกข้าวเจ้าไว้กิน เพราะข้าวเจ้ากินแล้วไม่อยู่ท้องสำหรับคนที่ทำไร่ทำนาหรือใช้แรงงาน เพราะฉะนั้นข้าวที่ผู้คนในหมู่บ้านดอนผักหวานนิยมปลูกกันคือข้าวเหนียว
ในเช้ามืดของทุก ๆ วันไก่จะเริ่มขันตอบรับกัน จากทางคุ้มกลางบ้านบ้าง เถียงนากลางทุ่งบ้าง และจากคุ้มวัดที่บ้านเดอลาตั้งอยู่บ้าง เสียง "เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก" ดังและนานพอที่จะปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล เพื่อเริ่มหน้าที่การงานของวันใหม่ แม่นางของเดอลาก็ถูกปลุกจากไก่ด้วยเช่นกันแล้วก็มาปลุกเดอลาต่อ
การที่เด็กหญิงในวัยรุ่นราวคราวเดียวกันกับเดอลา
รับหน้าที่ตื่นมานึ่งข้าวให้สมาชิกในบ้านได้กินกัน ตามบ้านนอกถือว่าธรรมดามาก สาวบ้านนาทุกคนต้องทำเป็น
ส่วนหม้อนึ่งข้าวจะไหม้ไปสักกี่ใบก็อีกเรื่อง เดอลาเองก็เผลอทำหม้อข้าวไหม้อยู่บ่อยครั้ง เวลาที่เธอทำข้าวไหม้หม้อ ทุกคนในบ้านต้องทนกินข้าวที่มีกลิ่นไหม้ ๆ จนกว่าข้าวไหม้หม้อชุดนั้นจะหมดไป สาเหตุส่วนมากที่ทำให้หม้อข้าวไหม้เพราะเธอเผลอหลับนั่นเอง
บางครั้งก็ไหม้บางครั้งข้าวก็ไม่สุกเพราะความเผลอหลับนี่แหละ เลยลืมใส่ฟืนเข้าไปในเตาทำให้ไฟดับ ข้าวที่นึ่งเลยไม่สุกแต่แม่นางก็ฝึกให้เดอลารู้จักตื่นเช้า ฝึกให้รู้จักวิธีก่อไฟ รู้จักวิธีนึ่งข้าวกินเหมือนลูกสาวบ้านอื่น ๆ เขา
"เป็นแม่ย่าแม่หญิง ให้ฮู้จักตื่นแตเดิกแต่เซ้า
เฮ็ดแนวอยากแนวกิน "
ประโยคนี้แม่พูดกรอกหูเดอลาแทบทุกวัน จนเธอจำได้ขึ้นใจ และเริ่มชำนาญในการก่อไฟนึ่งข้าวมาจนทุกวันนี้
มือน้อย ๆ ค่อย ๆ ควานหาตะเกียงก๊าซและไม้ขีดที่พ่อวางไว้ข้าง ๆ ต้นเสาก่อนเข้านอน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปลายมุ้งเท่าไรนัก สักพักเดอลาก็คว้าไปเจอไม้ขีดไฟและตะเกียง สาวน้อยจุดตะเกียงก๊าซ เธอรอจนแสงไฟจากตะเกียงค่อย ๆ ลุกโชนให้ความสว่างจนเต็มที่ จึงก้าวออกจากห้องนอน แล้วตรงไปยังเรือนครัวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน
ต๊อก! ต๊อก! ต๊อก!
เสียงเดอลาถากเสี้ยนเพื่อก่อไฟนึ่งข้าว มือก็ถากไปในใจก็คิดไปว่า พรุ่งนี้เช้าเธอต้องโดนแม่ด่าแน่ ๆ เลย ที่ปล่อยให้เสี้ยนหมด ไม่ยอมตระเตรียมไว้ช่วงกลางวัน เช้ามืดต้องมาถากทำเสียงรบกวนชาวบ้านเขา
“เสี้ยนมีแล้ว แนวอ่อยไฟอยู่ใสน้อบาดนิ” เดอลาบ่นกับตัวเอง เพราะหาเชื้อไฟไม่เจอ
“เอาเกิบมาออยจั๊กหน่อย คือสิบ่เป็นหยังดอกติ๊ จังได๋กะขาดแล้ว” เดอลาทำหน้าเซ็ง ๆ ที่จะต้องเฉือนรองเท้าแตะคู่ใจมาทำเป็นเชื้อไฟ ถึงแม้มันจะขาดไปแล้ว เพราะเธอซุ่มซ่ามวิ่งตกหลุมจิ้งโกร่ง ที่นกแก้วเพื่อนสาวเธอขุดไว้ แต่ไม่ยอมกลบนั่นเอง
“นึ่งแล้วไป๊ข้าวนั่นหน่ะ ฟ้าใกล้สิแจ้งเห็นฮอดลายตีนลายมือแล้ว ไป ๆ แม่สิเฮ็ดต่อ ไปตักน้ำตักใน น้าต้อยมาฮอด เขาสิได้อาบน้ำอาบใน” แม่เดอลาเร่งให้เดอลาไปตักน้ำมาใส่ตุ่มเตรียมไว้ให้ทันต้อยที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ได้อาบ
“เอ๊า น้าต้อยเพิ่นมาฮอดมื้อนี้หวาแม่” เดอลาทำตาโตถามแม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“น้าเอียดว่าจังสั้นหล่ะ เพิ่นเพิ่งมาแต่กรุงเทพฯ เห็นว่าพี่น้องบ้านเฮาพากันขึ้นรถมื้อวานนี้ มื้อนี้กะสิฮอดบ้านพอดีหล่ะ ไป ๆ ฟ่าวไป น้ำแห่งอึดแห่งอยาก สวยหลายสิได้เฝ้าเอาเด้” นางยิ้มและอธิบายให้ลูกสาวสุดที่รักฟัง
“หนูไปก่อนเด้อสั่น น้าต้อยมาฮอดสิได้อาบน้ำเย็น ๆ ” เดอลาพูดจบก็รีบไปคว้าครุถังกับไม้คานปีนลงบันไดบ้านไป
“เหลือน้ำไว้ให้เฮาแนเด้อ มื้อนี้มาช้าแน คาหาแนวออยไฟยุ” เดอลาร้องทักนกแก้วกับม่านฟ้าที่กำลังตักน้ำจากบ่ออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วบ่หญิง พวกเฮากำลังเว้ากันอยู่ ว่าไทกรุงเทพฯ สิมาฮอดมื้อนี้” นกแก้วหันไปพูดกับเดอลาที่กำลังวางหาบครุถังลงบริเวณที่ว่างข้าง ๆ บ่อน้ำ
“ข่าวคือไวแท้ ไผบอก? ” เดอลาถามนกแก้วด้วยความแปลกใจ
“พุ้นเด้! ประชาสัมพันธ์หมู่บ้านนะ กำลังมาพุ้น กรีนนี่รู้! โลกรู้!” นกแก้วตอบพลางโบ้ยหน้าไปหากรีนนี่ ที่วิ่งหน้าตาตื่นมาหาเพื่อน ๆ
เดอลา ม่านฟ้าและนกแก้วต่างก็ขำกับอีกฉายาของกรีนนี่ที่ว่า “กรีนนี่รู้ โลกรู้”
“หญิง ! ไทกรุงเทพฯ เข้าบ้านมาแล้ว คะเจ้าได้วิทยุมาฝากพี่น้องนำ ได้ยินว่าอ้ายเชิดมีฮอดวิทยุที่เปิดเทปได้พร้อม” กรีนนี่รายงานข่าวเพื่อนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“อีหลีบ่ ?” สามสาวถามกรีนนี่ขึ้นพร้อม ๆ กันเพื่อความมั่นใจ
“ฉันสิตั๋วให้ได้หยังคะ ฟ่าว ๆ สิได้ไปเบิ่งคะเจ้านำกัน พุได๋ตักน้ำทันแล้วฉันสิส่อย" กรีนนี่ตอบ พร้อมเสนอตัวเข้าช่วยเพื่อน ๆ ที่ยังตักน้ำไม่เสร็จ
“ไปส่อยหญิงเดอลาพู้น ซุมเฮาสิแล้วแหล่ว ” ม่านฟ้าจัดแจงให้กรีนนี่เข้าไปช่วยเดอลาทันที
“มา ๆ หญิงเอากะป่อมมาฉันส่อย สิได้ไปนำกัน" กรีนนี่ไม่พูดเปล่า คว้ากะป่อมจากเดอลา แล้วโยนลงก้นบ่อน้ำเพื่อที่จะตักน้ำขึ้นมาช่วยเดอลาทันที
เด็ก ๆ แก๊ง “สาวส่าแห่งดอนผักหวาน" ช่วยกันคนละไม้คนละมือจนตักน้ำจากบ่อไปใส่ในตุ่มเสร็จทุกบ้านแล้ว จึงมารวมตัวกันอีกทีที่ลานวัด เพื่อจะออกไปต้อนรับชาวดอนผักหวานที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยกัน
“พร้อมไม่พร้อม? พร้อมไม่พร้อม? ” กรีนนี่ร้องถามเพื่อน ๆ ในแก๊ง ด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“พร้อม! สาม สี่!” เดอลา นกแก้วและม่านฟ้า ขานตอบรับ น้ำเสียงขึงขังไม่แพ้กัน
“ลา ลั้ล ลา! ลั้ล ลา เด้อลา! ลา ลั้ล ลา เด้อลา! ลา ลั้ล ลา ลั่ล ล้า! เด้อ ลา!” ด้วยความดีใจ เด็ก ๆ ฮำเพลงประจำแก๊ง กระโดดโลดเต้นเป็นจังหวะพร้อม ๆ กัน เพื่อออกไปต้อนรับพี่ป้าน้าอาชาวดอนผักหวาน ซึ่งกำลังรวมตัวกันที่บ้านยายเผื่อนกับตานายอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อเดินทางมารับน้ำมนต์กับหลวงตาในช่วงเช้านี้
“น้าต้อย!” ทันทีที่เดอลาเห็นน้าต้อยของเธอ สาวน้อยก็ตะโกนทันที และวิ่งเข้าไปกอดน้าสาวด้วยความดีใจ
“นางหล่า!” สาวต้อยน้าของเดอลาก็ดีใจไม่แพ้กับหลานสาว เพราะเธอจะได้อวดของฝาก ที่เธอตั้งใจนำมาให้ และเชื่อว่าหลานของเธอต้องชอบแน่ ๆ
“หนูคิดฮอดน้าต้อย ล้ายหลาย! น้าต้อยพุง้าม พุงาม" เดอลาตื่นเต้นกอดต้อยไม่ยอมปล่อย โดยไม่ลืมที่จะประจบน้าสาวของเธอ
“หึย! ปากเป็นคือเก่าเนาะ หลานไผนิ" ต้อยหัวเราะชอบใจ จับหัวเดอลาโยกไปมาอย่างเอ็นดู
“อ้ายกะว่าจังสั้นหล่ะหนู น้าต้อยโตพุงามอีหลี งามป่านนี้อ้ายขอจีบเด้อ” เขื่อนขออนุญาตจากเดอลาหลานสาวคนสนิทเพื่อจีบสาวต้อย
“ได้เลยจ้า! อ้ายเขื่อนกะหล่อ น้าต้อยกะงามสมกันหลาย หนูให้ผ่านจ้า" เดอลาไม่หวงน้าสาวแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้ว่าต้อยแอบมีใจให้กับเขื่อนด้วยเหมือนกัน
สาวต้อยทำตาเขียวใส่บ่าวเขื่อน ที่ออกตัวแรงถึงขั้นขอจีบเธอผ่านหลานสาวต่อหน้าผู้คนเยอะแยะแบบนี้
“อ้ายเขื่อน! อ้ายเชิด!” กรีนนี่กับนกแก้วตะโกนเรียกชื่อเขื่อนกับเชิดพร้อม ๆ กันอย่างลืมตัว เพราะความหล่อเหลาของสองหนุ่ม ทำให้ปลื้มจนอดใจไม่ได้ที่จะร้องทัก ตามประสาเด็ก ๆ ก็ไม่สามารถเก็บกิริยาอาการได้ด้วยเช่นกัน
“เงียบ ๆ แนะหญิง ผู้เฒ่าเหลียวเบิ่งเหมิดแล้ว ฉันอายคน" ม่านฟ้าสาวน้อยที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม เตือนกรีนนี่และนกแก้ว ที่ตื่นเต้นเผลอทำกิริยาออกไปจนเกินงาม
“เอ๋า ฉันลืมโต เพิ่นกะหล่อโพดเนาะ บ่าวส่าบ่าวลือประจำดอนผักหวาน อิอิ” กรีนนี่พูดแล้วหันหน้าไปหัวเราะผสมโรงกับนกแก้ว
“เอ้า! มาพร้อมหน้าพร้อมตา กันสุขู่สุคนแล้วน้อ สิได้ตั้งขบวนออกไปวัดไปวา ไปไหว้พระไหว้เจ้า แม่ออกแม่ตนเพิ่นเตรียมแนวกินแนวอยากไว้ถ่าแล้วตี้ป่านนี้” พ่อเฒ่าผันพ่อของยายเผื่อนเรียกรวมตัวชาวดอนผักหวานที่เพิ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ และชาวบ้านที่ออกมาต้อนรับ ให้เริ่มเดินขบวนเข้าไปวัดทำบุญและขอพรจากหลวงตา
ประเพณีของชาวดอนผักหวาน เมื่อพี่น้องที่เดินทางกลับมาจากทำงานที่กรุงเทพฯ ปีละครั้งในช่วงสงกรานต์ ชาวบ้านจะนำกลองนำฆ้องมาแห่นำขบวนเพื่อเดินทางไปทำบุญและขอพรที่วัดก่อน
โดยทุกครอบครัวที่อยู่บ้านจะเตรียมข้าวปลาอาหารไปทำบุญ และต้อนรับชาวคณะที่มาจากกรุงเทพฯ ด้วย ส่วนชาวคณะที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ก็จะรวบรวมปัจจัยมอบถวายหลวงตา เพื่อนำไปบูรณะวัดวาอารามต่อไป
ส่วนช่วงค่ำจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับทุกคนที่เดินทางกลับมาบ้านเกิดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเรียกขวัญให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่รอนแรมจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกลนานนับปี
------ จบตอน ------
รออีกนิดนะขวัญก็จะได้กลับบ้านแล้ว ค่อยเจอกันใหม่ในตอน “เอิ้นขวัญ” ค่ะ
ด้วยฮัก งามดอกบัว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in