เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LizladaficLizlada
[Fic] Heaven in Hiding | Part 7. -END-
  • Heaven in Hiding 
    Jack L. & Tom GC.
    Part 1. Part 2. | Part 3. | Part 4. | Part 5 | Part 6 | Part 7 -END-





    กลิ่นเหม็นสาบคาวเลือดปลุกเขา ดวงตาสีฟ้ากะพริบมองภาพอันพร่าเลือน ก่อนมันจะฉายชัดและแสดงให้เห็นว่าเขานั่นตกหลุมพรางแห่งอันตรายเข้าอย่างจัง ทอม กลินน์ คาร์นีย์นึกโมโหตนเองเหลือทนที่ไม่อาจคิดไตร่ตรองถึงสัญญาณเตือนต่างๆ อีกทั้งเขาช่างอ่อนหัด โง่เกินกว่าจะอ่านเกมของฆาตกรต่อเนื่อง

    กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ตกเป็นเหยื่อ!

    เจ้าหน้าที่หนุ่มไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ลักษณะเช่นนี้น่าจะเป็นบ้านไม้ชั่วคราวสำหรับคนงานที่ต้องเข้ามาทำงานในป่าลึก ฝาผนังมีเครื่องมือเครื่องไม้ล่าสัตว์แขวนไว้ อากาศไม่ถ่ายเทเนื่องจากกลิ่นสาบ มากไปกว่านั้น... ทอมได้ยินเสียงคล้ายกับมีสิ่งมีชีวิตอีกตัวอยู่ใกล้ๆ เขา... ร่างสันทัดถูกมัดตรึงด้วยเชือกกับเก้าอี้ เขาแทบขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นประสาทการได้ยินจึงยิ่งทำงานได้ดีเมื่ออะดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่าน

    เสียงมันหายใจกึ่งคำราม เสียงโซ่ที่ถูกกระชากทึ้งเพราะมันอาจไม่พอใจที่กำลังถูกล่ามไม่ให้กระโจนใส่เหยื่ออันโอชะ

    ปลายหางตาของทอมเห็นชัด...สิงโต! มันถูกล่ามไว้กับเสาเหล็กมุมบ้าน ท่าทางหงุดหงิดและดุร้าย เดาได้ไม่ยากว่าอาจถูกล่ามโซ่มานานหรือไม่ก็...ยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง

    วินาทีนี้ทอมมั่นใจทีเดียวว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดในคดีฆาตกรรมมีร่องรอยกรงเล็บสัตว์มาจากอะไร...มันอยู่ใกล้เพียงไม่กี่ก้าวและหายใจร่วมกับเขาอยู่ในขณะนี้

    “อันที่จริง ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย ให้ตาย” ทอมเงยหน้ามองตามต้นเสียง แมทธิวโยนเนื้อสัตว์ก้อนหนึ่งมาตรงปลายเท้าของเขา นั่นทำให้สิงโตที่อยู่ไม่ไกลดิ้นกระชากโซ่ที่ล่ามคอมันไว้เสียยิ่งกว่าเก่า มันพร้อมจะกระโจนเข้าหาเนื้อหากโซ่ขาด แน่นอนเมื่อเนื้อชิ้นนี้เข้าปากสิงโตหิวโซแล้ว เขานั่นแหละจะเป็นอาหารอีกมื้อให้มัน

    “แล้วอะไรทำให้คุณทำแบบนี้ล่ะ?”

    แมทธิวยิ้มในหน้า “พวกลาวเดน...สมควรได้รับสิ่งนี้ตอบแทนความหน้าเลือดของพวกมัน”

    “หมายความว่ายังไง?” ทอมอนุมานในใจว่าแมทธิวอาจมีเรื่องบาดหมางใจกับตระกูลลาวเดนมาก่อน และคงเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสเอาการ จากที่ทอมเคยศึกษามา ฆาตกรในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องไม่ได้ก่อคดีอย่างไร้เหตุผลเสมอไป ฆาตกรมักมีแรงผลักดันขับเคลื่อนบางอย่างที่ทำให้ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง อาจเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนรอบข้างก็เป็นได้

    “ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา คนตระกูลลาวเดนมีอำนาจมากเกินไปและเขากดหัวคนที่ด้อยกว่าเหมือนมันสูงส่งมาจากไหน ตั้งแต่ไอ้แก่นั่น จนมาถึงคนล่าสุดก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคนพวกนี้ได้เลย มันสมควรแล้ว...ไอ้พวกต้องสาป”

    “แต่คนที่คุณฆ่า...ไม่ใช่คนตระกูลลาวเดน พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์” ในฐานะเจ้าหน้าที่พิเศษ ทอมพยายามปะติดปะต่อคำพูดของแมทธิว อีกทั้งยังประเมินท่าทางของผู้ชายคนนี้ไปด้วย ถึงแม้จะพยายามเก็บอารมณ์แต่หัวหน้าคนงานรายนี้ดูไม่ใช่คนที่มีสภาพจิตใจปกตินัก ไม่แน่ว่าอาจเกิดเหตุการณ์ที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจและหล่อหลอมให้ค่อยๆ ร่างแผนการฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ขึ้นมา

    “ถ้าเกิดฆ่าพวกลาวเดน ผมสิที่จะแย่ พวกมันรวย มีอำนาจ การฆ่าคนตระกูลลาวเดนสักคนเท่ากับผมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง พวกตำรวจคงรีบทำคดีเอาผลงาน สู้ผมฆ่าใครสักคนเพื่อโยนความผิดให้มันไม่ดีกว่าหรือไง”

    แล้วสิ่งที่แมทธิวทำอยู่ตอนนี้ มันไม่เสี่ยงตรงไหน...นี่มันคือคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง! ทอมเก็บคำพูดนี้ในใจ แต่เขาเลือกที่จะพูดคุยค้นหาแรงจูงใจจากอีกฝ่าย

    “คุณดูแค้นพวกลาวเดนมากนะ ผมขอถามแบบโง่ๆ ละกัน คุณให้อภัยเขาไม่ได้จนต้องทำแบบนี้เลยหรอครับ” คำถามของเขาทำให้แมทธิวปล่อยเสียงหัวเราะ แต่ไม่ใช่เพราะมันขบขันแต่อย่างใด

    “ผมจะเล่าให้คุณฟังก็ได้เพราะไหนๆ คุณคงไม่มีโอกาสไปเล่าไปใครฟัง... ปู่ของผมเคยเป็นเพื่อนที่ก่อตั้งบริษัทมากับพวกลาวเดน ก่อนที่พวกลาวเดนจะรวยล้นฟ้าจากบริษัทการเงิน พวกมันเคยทำธุรกิจก่อสร้างมาก่อนแต่เพราะความเห็นแก่ตัวของไอ้แก่ลาวเดน ทุกอย่างก็พังลง มันควรจะจบลงแค่เพื่อนที่ทะเลาะกัน แต่ไอ้แก่นั่นเล่นงานปู่ของผมสารพัด ไม่ว่าจะก่อตั้งบริษัทก่อสร้างเล็กๆ ก็ยังอุตส่าห์ก่อกวนและทำลายล้างพวกเราไม่จบไม่สิ้น ปู่ผมทำงานหนักจนตาย ส่วนพ่อที่รับช่วงต่อจากปู่อีกที เขาเครียดจากสิ่งที่ตกทอด มันล้มเหลว จนในที่สุดเขาฆ่าตัวตาย...ต่อหน้าผมเอง”

    “อ่า ผมเข้าใจแล้ว...” ทอมคิดว่าเขาไม่ควรถามอะไรต่อจากแมทธิว เขาได้ข้อมูลเหตุจูงใจมากพอแล้ว นั่นหมายความว่าแมทธิวไม่ได้บังเอิญรับงานจ้างปรับปรุงคฤหาสน์เพราะเงินมหาศาล แต่เขาจงใจเข้าใกล้ แจ็ค ลาวเดนด้วยเหตุผลในการก่อเหตุฆาตกรรมโดยอาศัยเรื่องเล่าขานตระกูลลาวเดนเป็นฉากหน้า ใช้คนงานในบ้านเป็นเหยื่อ ไม่ว่าคำสาปจะเป็นจริงหรือไม่ แต่มันก็ชี้ชัดคนร้ายว่าอาจเป็นเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดนได้ไม่ยาก

    “และมันจะยิ่งชี้ชัดว่าแจ็ค ลาวเดนเป็นฆาตกรมากขึ้น ถ้าเหยื่อคนล่าสุด...คือคุณ เจ้าหน้าที่คาร์นีย์” ทอมเบิกตาโพลงเมื่อแมทธิวก้าวเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบเข็มฉีดยาจากกระเป๋ากางเกง แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสารเสพติดชนิดเดียวกับที่พบในศพเหยื่อทุกราย การถูกมัดอย่างแน่นหนาทำให้เขาไม่สามารถหลีกหนีปลายเข็มที่ปักลงหัวไหล่ได้เลยสักนิด

    “มันจะทำให้คุณสงบลง ผมจะฉีดมันให้คุณมากขึ้นเรื่อยๆ ...จนหัวใจคุณวาย หลังจากนั้นคุณจะไม่รู้สึกอะไรหรอก ตอนกรงเล็บสิงโตมันทึ้งร่างของคุณน่ะ”





    ตื่นสิวะ...

    ตื่น!


    แบร์รี่ในร่างของสุนัขหมาป่านึกประสาทเสียใช้ได้ที่เขาต้องมาปลุกมนุษย์ แจ็ค ลาวเดนที่นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้นภายในห้องลับสุดของคฤหาสน์ เขาคงไม่มีทางหาตัวชายหนุ่มเจอแน่หากไม่ได้อนายรินที่พยายามสื่อสารมาหาเขาเพื่อให้ช่วยมนุษย์ต้องสาป และมนุษย์อีกคนที่ได้ชื่อว่าจะเป็นผู้ปลดคำสาปให้ชายคนนี้ เขาใช้อุ้งเท้าสะกิดแก้มเจ้าของคฤหาสน์ซ้ำๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง นานเข้า...เขาจึงลองเห่าเสียงดังขึ้น กระทั่งในที่สุดร่างสูงก็ค่อยๆ รู้สึกตัว

    “...เฮ้ย” ดวงตาคมสบตรงมายังเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ แบร์รี่ไม่มีเวลามากพอ เขาใช้จมูกดันตัวให้ทายาทลาวเดนลุกขึ้นก่อนจะงับเข้าที่ปลายแขนเสื้อ ดึงทึ้งเพื่อให้ทราบว่ามีเรื่องด่วนและแจ็คควรตามเขาไป

    “อะไรของแก นี่เข้ามาได้ยังไงวะ” แจ็ค ลาวเดนนึกสบถ เขาจำสุนัขหมาป่าตัวนี้ได้ มันคือตัวเดียวกับที่เกือบกระโจนใส่ทอมคราวก่อนนั้นเอง มิหนำซ้ำยังถูกเขาจับฟาดลงกับพื้นเต็มแรง ทว่าเจ้าของคฤหาสน์เป็นอันต้องชะงักเมื่อมีเสียงจากสักแห่งกระซิบบอก

    ‘ตามสุนัขหมาป่าตัวนี้ไป คนของคุณตกอยู่ในอันตราย’

    แจ็คตัดสินใจตามสุนัขหมาป่าสีขาวตัวนี้ไปอย่างที่เสียงนั้นบอก เขาไม่มั่นใจว่านี่คือเสียงของใคร แต่นี่ไม่ใช่เสียงที่คอยสาปแช่งเขาหนก่อน ชายหนุ่มไม่ทราบอีกเช่นกันว่าตนหลับไปนานขนาดไหน นี่คงใกล้เที่ยงคืนจากความเงียบสงัดภายนอก เวลานี้เขาไม่ควรออกจากคฤหาสน์ แต่เพราะบางอย่างชวนร้อนใจนี้ไม่สามารถทำให้เขานิ่งเฉยอยู่ภายในห้องแคบๆ นั่นแน่

    เขาวิ่งตามสุนัขหมาป่าเข้าไปในดงสน ฝ่าความมืดมิดเพื่อตามหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็น...ทอม กลินน์ คาร์นีย์ ระยะทางที่เขาวิ่งเข้ามาลึกเข้าไปเขตป่ามากขึ้น ความเหนื่อยล้าของร่างกายทำให้แจ็คยืนหอบและเริ่มไม่มีแรงมากพอจะวิ่งด้วยความเร็วอย่างที่ควรจะเป็น เจ้าสุนัขหมาป่าหยุดชะงัก มันวิ่งกลับมาหาเขาพร้อมกับเห่าดังๆ ราวกับหงุดหงิดเต็มประดา

    “เฮ้ๆ ขอโทษที ช่วงนี้ร่างกายของฉันมันไม่เสถียรเท่าไหร่ เข้าใจไหม?” ไม่วายเจ้าหมาป่ายังเห่าไม่หยุด “อีกไกลไหม?... อืม ฉันลืมไป นายคงตอบฉันไม่ได้”

    “ตอบได้สิ ไม่ไกล...อีกอย่าง ทำไมไม่เปลี่ยนเป็นร่างอสูรล่ะ” ทายาทลาวเดนไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่อีกมากไปกว่าคำสาปของเขาเอง สุนัขหมาป่าจู่ๆ ก็กลายเป็นเด็กหนุ่มผมดำ หน้าตายียวน คำแนะนำจากอีกฝ่ายไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าตัวเพิ่งแสดงต่อหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

    “หลังเที่ยงคืน...”

    “อ๋อ หมายความว่าหลังเที่ยงคืนถึงจะเป็นอสูร... ยุ่งยากชะมัดเลย” เจ้าเด็กตรงหน้าเดาะลิ้น สีหน้าผิดหวังแต่มันกลับก่อกวนอารมณ์โมโหได้ไม่หยอก

    “แล้วมันเกิดเรื่องอะไร?” จากเสียงปริศนาที่บอกว่า คนของเขา กำลังอยู่ในอันตราย... แจ็คหวังให้ลางสังหรณ์ของเขาไม่แม่นในหนนี้

    “คนของคุณกำลังจะถูกฆ่าที่กลางป่าตรงนั้น เร็วเข้า เราไม่มีเวลาแล้ว!”





    ร่างกายค่อยๆ ชาหนึบ อีกทั้งอัตราการเต้นหัวใจก็ไม่เป็นจังหวะ ผลจากสารเสพติดบางอย่างที่แมทธิวฉีดเข้าร่างเขาทีละเข็ม เจ้าหน้าที่หนุ่มพยายามเป็นอย่างยิ่งเพื่อคิดหาทางรอดให้ตนเอง แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งมืดแปดด้าน และแทบเป็นไปไม่ได้ ชายหัวหน้าคนงานปราศจากท่าทีร้อนใจ นั่นเพราะเขาคงเคยชินกับขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี ทุกคดีที่ผ่านมาแมทธิวมีไหวพริบปกปิดหลักฐานได้แนบเนียน ไร้ร่องรอย มันคือการไตร่ตรองอันซับซ้อนไม่น้อยไปกว่าฆาตกรคนดังที่ทอมเคยศึกษาเลยด้วยซ้ำ

    “รู้อะไรไหม...สักวันหนึ่ง พวกเขาจะสืบเรื่องนี้จนพบว่าคุณเป็นฆาตกร” ทอมเอ่ยขึ้นทั้งที่ตนแทบครองสติไม่อยู่ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน แมทธิวก้าวมาใกล้ พลางกดสายตามองเขาเฉกเช่นผู้พร้อมปลิดชีพเหยื่อ

    “น่าเสียดายที่คงไม่ใช่คุณที่เป็นคนบอกพวกเขาว่าผมเป็นฆาตกร...น่าเสียดายจริงๆ” ชายตรงหน้าเตรียมเข็มฉีดยาเข็มสุดท้าย... แต่แล้วดูเหมือนแมทธิวจะเปลี่ยนใจ “ผมว่า... คุณน่าจะลองทักทายสิงโตตอนยังมีลมหายใจ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีก่อนตาย”

    หัวใจของทอมเต้นแรงจากฤทธิ์ยา... เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ดวงตาของเขาคลอน้ำตาจากความรู้สึกที่อัดอั้นในอก ไม่ใช่เพราะเขากลัว เพียงแต่เขากำลังนึกโทษโกรธตัวเองที่ไม่มีความสามารถมากพอเพื่อไขคดีในฐานะเจ้าหน้าที่พิเศษ หากเขาตาย...แน่นอนว่ากว่าจะมีคนสาวถึงตัวแมทธิว คดีนี้ย่อมไม่มีทางปิดลงง่ายๆ มิหนำซ้ำ แผนการของแมทธิวอาจสำเร็จลุล่วง

    แจ็ค ลาวเดนจะกลายเป็นแพะรับบาป

    แมทธิวปลดพันธนาการโซ่ที่ล่ามราชสีห์ผู้หิวโซ นั่นทำให้เขาต้องกลั้นหายใจอย่างห้ามไม่อยู่

    ทว่า...นอกจากการเคลื่อนไหวของสิงโต ทอมคิดว่ามีบางอย่างมากกว่าพวกเขาวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ เสียงคำรามนั่น...ไม่ใช่ของสิงโต เสียงกระชากประตูไม่ใช่ฝีมือสิงโต และเสียงร้องโวยวายราวกับเจอสัตว์ประหลาดก็ไม่ใช่ของเขา!


    แต่เป็นแมทธิว...ชายคนนั้นตะโกน

    “อสูร!”

    ร่างกำยำนั่นกระโจนเข้าหาสิงโต ส่วนแมทธิวถูกสุนัขหมาป่าขย้ำเข้าที่แขนซ้ายอย่างจัง ทอมมองภาพโกลาหลนั่นด้วยความรู้สึกสั่นประสาทตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอสูรดูแข็งแกร่งและว่องไวมากกว่านี้ แต่การต่อสู้กับสิงโตอาจไม่ง่าย เพราะอสูรพลาดพลั้งจนถูกสิงโตตะปบกรงเล็บจนได้แผลตรงสีข้างเป็นทางยาว แต่ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นอสูรจะใช้พละกำลังทั้งหมดจับสิงโตตัวผู้ที่ขนาดตัวไม่ใช่ตัวกระจ้อยทุ่มลงกับพื้นพร้อมกับเหยียบลำคอของมันจนแน่นิ่งไป

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที...และเวลานี้มันสงบลงราวกับทอมเพียงแค่ผจญภาพหลอนชั่วขณะ

    อสูรหันมาสบตาเขา... ร่างใหญ่โตน่าเกรงขามขยับเข้ามาใกล้ เอื้อมมือมาปลดเชือกที่มัดเข้าไว้กับเก้าอี้ แต่ทอมไม่แม้แต่จะกล้าผ่อนลมหายใจ เจ้าหน้าที่หนุ่มไม่อาจทราบเจตนาของอสูร

    “คะ-คุณ...ช่วยผมหรอ? แล้วจะฆ่าผมรึเปล่า” เสียงที่เปล่งออกมาสั่นพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์สับสน อุ้งมือใหญ่ยกขึ้นประคองแก้มของเขา

    ไม่ว่าจะเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะสิ่งใดอื่น ทอมพบว่าดวงตาของอสูรคล้ายคลึงกับคนคนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน...


    ดวงตาสีฟ้า

    แจ็ค ลาวเดน






    ‘โง่เขลาเบาปัญญา...’

    ‘ดวงตาสีฟ้าใสซื่อเป็นเพียงหน้ากากแห่งความแพศยา’

    ‘จงชดใช้...ด้วยชีวิต’

    ‘อสูรร้ายจะพรากชีวิตมนุษย์ผู้แสนโง่เขลาในไม่ช้า คำสาปจะไม่เปลี่ยนแปลง’

    ‘หนีไป...’

    ‘ไม่ท่านลอร์ดลาวเดน ผมจะไม่ไปไหน ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร เป็นใคร หรือเป็นอสูรร้ายก็ตาม’

    ‘ขอท่านจงอย่ารู้สึกผิด สิ่งที่เกิดขึ้น...คือสิ่งที่ผมเลือกแล้ว’

    ภาพความฝันหวนคืน ตอกย้ำเสมือนจริง ทุกสัมผัส ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำ ทรมานและเจ็บปวดโดยไม่อาจทานทน ราวกับเขานั้นติดกับดักที่ฉาบหน้าด้วยดงกุหลาบ แท้จริงมันเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทงร่าง เถาวัลย์เกี่ยวรัดร่างทั้งร่าง จมดิ่งในห้วงเหวมืดมิด... กระทั่งมีมือหนึ่งฉุดเขาเข้าอ้อมกอดอบอุ่น แสงตะวันสาดส่องเล้าโลม เสียงนุ่มทุ้มกระซิบริมหู

    ‘คุณปลอดภัยแล้ว...ผมอยู่ตรงนี้’

    ดวงตาสีฟ้าปรือเปิด สรรพสิ่งรอบกายเงียบสนิท มีเพียงการเคลื่อนไหวของผ้าม่านที่วูบไหวไปตามสายลมภายนอกผ่านประตูระเบียง ร่างกายของเขาหนักอึ้งทีเดียว ไหนจะอาการมึนศีรษะที่ทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้ง เรียวมือยกขึ้นบีบข้างขมับอย่างช่วยไม่ได้ พลันเมื่อเขาค่อยๆ รวบรวมสติและนึกย้อนเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนสติจะดับวูบไป พลางพิจารณาถึงสถานที่ที่เขากำลังนอนอยู่บนเตียงในขณะนี้...

    แสงจากโคมไฟสีส้มนวลตรงหัวเตียงทำให้ทราบว่าเขาอยู่ภายในห้องพักคฤหาสน์ลาวเดน...ห้องเดิมกับที่เขาเคยขอพักเมื่อคราวติดฝน หากแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือการที่รอบตัวเขามีเครื่องมือการแพทย์บางชนิด หลังมือของเจ้าหน้าที่หนุ่มมีสายน้ำเกลือ คงต้องบอกว่าเหมือนมีการยกห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาลมาไว้ที่นี่ก็ว่าได้ ทอมหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง มองสำรวจรอบกาย นาฬิกาฝาผนังตีบอกเวลาเที่ยงคืนสามสิบนาที

    เขาหลับไปกี่วัน ทอมไม่แน่ใจนัก แต่ดูเหมือนร่างกายในตอนนี้ย่ำแย่กว่าที่เคยป่วยมาทั้งชีวิตเสียอีก

    จะว่าไป...เรื่องคดีไปถึงไหนแล้ว! แต่ถ้าหากเขาเอาเรื่องที่เห็นอสูรและสุนัขหมาป่าตัวนั้นจู่โจมฆาตกรต่อเนื่องอย่างแมทธิว มีหวังคงโดนสืบสวนเองอย่างไม่ต้องสงสัย หรือร้ายที่สุด เขาอาจถูกส่งตัวไปบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวชสักแห่ง

    มันบ้ามาก... และไม่น่าเชื่อ แต่เพราะมันคือเรื่องจริง
    ที่สำคัญที่เขารอดมาได้ ก็เพราะ...อสูร

    หรือแจ็ค ลาวเดนกันล่ะที่ช่วยเขา?

    ความคิดของทอมสับสนยุ่งเหยิงเป็นทวีคูณ พลันเขาได้ยินเสียงคำรามลั่นมาจากที่ไหนสักแห่งภายในคฤหาสน์ เจ้าหน้าที่ผมทองไม่อาจทราบว่าอะไรสั่งให้เขาดึงสายน้ำเกลือออกในทันที ร่างเล็กกระโดดแผล็วลงจากเตียง วิ่งไปเปิดประตูออกจากห้องพัก ลืมอาการโลกหมุนไปชั่วขณะ โสตประสาทสดับฟังตามเสียงคล้ายสัตว์ป่า หากนั่นคืออสูรจริงๆ ในห้วงเวลานี้...อย่างน้อยเขาก็แค่อยากขอบคุณ

    ในที่สุดเขาหยุดฝีเท้าหน้าประตูห้องสมุด ทอมสูดหายใจลึก เขาเงี่ยหูฟัง...เสียงเงียบไปแล้ว ค่อยๆ ผลักบานประตูทีละนิด ภาพตรงหน้าทำให้เขาเบิกตากว้าง ห้องสมุดที่เขาจำได้ว่ามันเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บัดนี้มันกระจัดกระจายไปทั่ว เก้าอี้ โต๊ะทำงาน โคมไฟระย้าอยู่ในสภาพย่อยยับ อาจได้เรียกได้เหมือนเพิ่งถูกทำลายจนพังพินาศสดๆ ร้อนๆ

    ส่วนฝีมือคนที่ทำให้ห้องสมุดเละเทะไม่เหลือชิ้นดี... ยืนหันหลังอยู่ตรงระเบียง
    รูปร่างของชายหนุ่มที่ไม่น่าจะมีพละกำลังมากพออย่างร่างใหญ่ชวนเกรงขามของอสูร

    ทอมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ซึ่งอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงย่างก้าวของเขา

    “คุณฟื้นแล้วหรือ ทอม...” อดไม่ได้ที่เจ้าของชื่อจะสะดุ้งตัวเล็กน้อย

    “ครับ...ว่าแต่คุณน่ะ โอเคไหม” ทอมทิ้งช่วงระยะห่างระหว่างพวกเขาประมาณสองก้าว แม้ตรงระเบียงจะค่อนข้างมืดสลัว ถึงอย่างนั้นเขาก็สังเกตได้ชัดว่า แจ็ค ลาวเดน ดูแปลกไป... มองจากเบื้องหลังเขายังดูเป็นมนุษย์ แต่หากมองที่ลำแขนจะพบว่านั่นมันคือส่วนผสมของมนุษย์กึ่งอสูร ข้อมือหนาและกรงเล็บ

    “คุณคิดว่าผมดูเป็นยังไงล่ะ? ขอโทษด้วยถ้าทำให้ตกใจ” เสียงทุ้มเอ่ย เสี้ยวหน้าหันกลับมามองเขา นั่นไม่ได้ต่างไปจากเดิมมากนัก แม้ตรงหน้าผากจะมีเขาคล้ายกระทิงโผล่ขึ้นมานิด นัยน์ตาสีฟ้ายังคงส่องประกายเชิญชวนให้เขาเข้าไปค้นหาคำตอบเช่นเดิม

    “นี่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าอะไรทำให้คุณเป็นแบบนี้” คนตัวเล็กกว่าขยับเข้าไปใกล้ เขายืนอยู่ตรงหน้าทายาทต้องสาป เรียวมือยกขึ้นแตะที่ข้างแก้มอีกฝ่าย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมว่าเขานั่นไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือกลัวรูปร่างอสูรอย่างที่คนคนนี้กังวล “แต่ถ้าไม่มีคุณที่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมคงตายไปแล้ว”

    “ถ้าคุณรู้เรื่องราวทั้งหมดของคำสาป คุณอาจไม่พูดแบบนี้”

    ทอมหวนนึกถึงภาพความฝัน เขาคงต้องยอมรับว่าความเจ็บปวดจากกริชที่ปักลงกลางอกยังฝังแน่นในห้วงทรงจำไม่หาย กระนั้นความคิดหนึ่งกลับแทรกประท้วงขึ้นมา หากนี่คือวิธีแก้คำสาปอันแท้จริง เหตุใดคำสาปนี้ถึงยังถูกส่งต่อรุ่นสู่รุ่น นั่นหมายความว่า...วิธีที่เขาเคยทำในอดีต...อาจไม่ใช่การแก้คำสาปให้สิ้นชั่วกาลก็เป็นได้

    “มันต้องมีวิธีอื่นที่คุณจะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้สิ ผมจะลองหาวิธี...”

    “คำสาปนี้เป็นของตระกูลลาวเดน... นั่นหมายความว่า คุณจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ชายหนุ่มเลือกที่จะก้าวถอยห่างออกจากเขาเองเสีย ทอมถอนหายใจ เริ่มแรกนั้น เจ้าหน้าที่จากลอนดอนคงต้องยอมรับว่าเขาช่างไม่ถูกชะตากับทายาทตระกูลลาวเดนเอาเสียเลย แต่เชื่อเถอะว่าเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อความรู้สึกลึกๆ ในใจตนเองมากนักว่าความผูกพันบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ เพราะภาพความฝันที่เต็มไปด้วยสัมผัสใกล้ชิด หรือเพราะทอมสงสารโชคชะตาของอีกฝ่ายกันแน่

    “คุณแน่ใจนะว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคำสาปนี้จริงๆ แล้วอะไรที่ทำให้เราสองคนมาเจอกันล่ะ? ถึงผมจะเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เห็นอยู่ว่า...บนโลกนี้มีเรื่องที่มันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น”

    “ผมไม่อยากให้คุณยุ่งเรื่องนี้”

    ยุ่ง? ให้ตายสิ... แจ็ค ลาวเดนทำเหมือนเขาทำตัวเจ้ากี้เจ้าการยื่นจมูกเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวหรืออย่างไร ทอมกลอกตานิด ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะกลายมาเป็นพวกชอบแส่เรื่องชาวบ้านทั้งที่หวังดีแท้ๆ

    “คุณไม่อยากให้ผมยุ่ง แต่ผมพอใจจะยุ่งเพราะหวังดี ขอล่ะ ถือซะว่าผมจะพยายามช่วยคุณ เหมือนคุณช่วยชีวิต แลกกัน...แค่นี้เอง” แม้รู้ว่าสิ่งที่ทำพยายามขอร้องอาจไม่ทำให้แจ็คใจอ่อน อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าการแก้คำสาปคือวิธีไหน แต่ครั้นจะปล่อยให้มนุษย์หนุ่มกึ่งอสูรผู้มีสภาพไม่สู้ดีผจญชะตากรรมไม่รู้เหนือรู้ใต้ทั้งที่หมอนี่เป็นคนช่วยชีวิตเขา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง หากเขาเมินเฉยต่อเรื่องนี้ คงใจร้ายเต็มประดา

    “ผมให้คุณเสี่ยงไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ

    “อะไรวะ!”

    “ฟังนะ... ที่คุณเกือบถูกแมทธิวฆ่าตายเมื่อวันก่อนก็เพราะผม ในฝันบ้าๆ นั่นคุณก็ตายเพราะผม ผมทนเห็นคุณเป็นอะไรไปอีกไม่ได้!” เป็นทอมที่นึกคำพูดโต้เถียงไม่ออก เขาเม้มริมฝีปากเมื่อพบว่าดวงตาสีฟ้าที่จ้องตรงมาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลาย ไม่ใช่แจ็ค ลาวเดน ผู้ทะนงตน...หรือที่ใครต่างขนานนามว่าเป็นพวกผู้ดีเก่าหยิ่งผยอง

    “คือผม...”

    “เรื่องแมทธิว...เขาถูกตำรวจคุมตัวไปดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว ส่วนสารวัตรดาร์ซี่ตอนนี้ก็ปลอดภัยดี เขาเพิ่งกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ส่วนคุณ ไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่อพาร์ทเม้นท์เอง” สายตาแกมดุนั้นราวคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธ ...วันนี้เขาจะยอมแพ้ก่อนก็ได้...

    ถึงอย่างนั้นทอมก็ไม่ลืมที่จะพูดประโยคที่ควรค่าที่สุดแก่ชายหนุ่มในเวลานี้

    “ขอบคุณครับ มิสเตอร์ลาวเดน” ก่อนหันหลังเดินออกจากระเบียง ทอมขยับตัวเข้าไปหาร่างกำยำ สีหน้าราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเมื่อเขาแนบริมฝีปากลงตรงข้างแก้มมีที่ไรหนวดจางๆ หากนี่พอจะช่วยปลอบประโลมจิตใจของทายาทผู้ต้องสาปให้สงบลงได้บ้าง การจุมพิตขอบคุณจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายไร้สาระ เจ้าหน้าที่ผมทองส่งยิ้มบาง กระซิบว่าราตรีสวัสดิ์พลางผละถอยเพื่อปล่อยให้อีกคนได้พักผ่อนเช่นกัน



    ประตูห้องสมุดปิดลง เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดและมืดหม่นตามเดิม...
    แสงสว่างของเขา

    ชายหนุ่มไม่อาจทราบว่าเขาเปรียบเปรย ทอม กลินน์ คาร์นีย์เป็นดั่งแสงสว่างของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเส้นผมสีทองสว่างคล้ายดวงอาทิตย์ หรือเพราะความอบอุ่นที่เจ้าตัวนำพามาสู่คฤหาสน์ลาวเดน แต่เขารู้แจ้งแก่ใจว่าคำสาปนี้จะสูญสิ้นก็ต่อเมื่อแสงสว่างของเขานั้นดับลง... เมื่อนั้นเขาจะถูกพรากสิ่งล้ำค่าไปตลอดกาล แน่อยู่แล้วว่าเขาทำไม่ได้ และไม่คิดจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้วิธีถอนคำสาป เขาควรปล่อยให้มันเป็นปริศนาเช่นนี้ต่อไปตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ และหยิบยื่นอิสรภาพให้แก่ผู้ถูกกำหนดให้ปลดคำสาป

    หากต้องติดอยู่ในวังวนแห่งความทรมาน สิ่งเดียวที่เขาอยากจะวอนขอต่อพระเจ้านั่นคือ ขอแค่ได้เฝ้ามองพระอาทิตย์ฉายแสงอบอุ่นแก่มวลสรรพสิ่งจากห้องมืดในคฤหาสน์โดยไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายแสงสว่างของเขาก็พอ




    เจ้าหน้าที่หนุ่มรู้ดีแก่ใจว่าควรกลับไปที่ห้องพักของตนเองเพื่อพักผ่อนจากอาการอ่อนล้าและมึนศีรษะ น่าโมโหตัวเองที่เท้าเจ้ากรรมไม่เดินไปตามทิศทางที่ถูกต้อง ทอมเดินมาหยุดหน้ารูปวาดสีน้ำมันตรงสุดมุมทางเดิน รูปที่แจ็ค ลาวเดนเคยบอกว่าเด็กผมทองในรูปหน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะ ทีแรกเขาไม่อยากจะเชื่อชายหนุ่มนักในเมื่อรูปภาพมันไม่สมบูรณ์ด้วยรอยกรงเล็บที่ทำลายใบหน้าเด็กหนุ่มในรูปจนสิ้น เขาเอื้อมมือไปแตะรอยขาดวิ่น สัมผัสปลายนิ้วราวกับพยายามรับรู้เรื่องราวของรูปวาดไปพลาง

    ในความฝันนั้น ชายที่หน้าเหมือนแจ็ค ลาวเดนวาดรูปนี้ให้เขา... เขาที่น่าจะเป็นเด็กคนนี้
    ส่วนรอยกรงเล็บ... จะเป็นของใครไปเสียได้

    ‘คำสาปของอสูร...ปลดเปลื้องได้ด้วยผู้มีเรือนผมสีทองและชะตาต้องต่ออสูร...มาเถอะ เสียสละเพื่ออสูร แล้วเขาจะกลับมาเป็นชายหนุ่มเฉกเช่นมนุษย์ดังเดิม’

    หนนี้เสียงแว่วบอกชัดเจน มีอำนาจ อีกทั้งยังส่งผลต่อตัวเขาโดยไม่อาจต่อต้าน ปลายเท้าขยับก้าวเดิน ดวงตาสีฟ้าไร้แววประกาย บ่งบอกได้ว่าเจ้าของเรือนผมสีทองถูกบางสิ่งเข้าครอบงำจิตใจเสียแล้ว...

    ร่างสันทัดพาตนเองออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าสู่ดงกุหลาบ ฝ่าผ่านกิ่งหนามและไม่แยแสต่อบาดแผลที่เกิดขึ้น หัวใจของเขาเต้นในจังหวะเนิบช้าและรับฟังเพียงเสียงเรียกจากที่ใดสักแห่ง ความมืดไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาเมื่อปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองเพียงคำสั่งของใครบางคนที่สั่งให้เขามาที่แห่งนี้เพื่อปลดเปลื้องคำสาปของอสูร

    เขาหยุดลงหน้าต้นสนขนาดใหญ่ รอบกายสงัดเงียบ เสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงไวโอลินกรีดแทงสะกดใจให้ดิ่งลึกสู่ห้วงมนตรา

    “แลกชีวิตของแกกับอสูรเสียเถอะ” หญิงสาวปรากฏกาย เธอกระซิบแผ่วสั่งให้เจ้าของเรือนผมสีทองหยิบกริชเงินที่วางอยู่ตรงพื้น แม่มดแห่งตระกูลบาร์นาร์ดเผยยิ้มอย่างคนกุมชัยชนะเมื่อเจ้าเด็กโง่คาร์นีย์เตรียมจรดปลายกริชสู่อกข้างซ้าย...เพื่อปลิดชีพตน

    เมื่อทายาทต้องสาปไม่ปริปากบอกเรื่องคำสาปนี้แก่สิ่งล้ำค่าของเขาเอง เธอเพียงแค่ช่วยจัดการให้เรื่องราวมันง่ายและจบลงในค่ำคืนนี้

    ทว่า

    กริชเงินกระเด็นตกหล่นลงสู่พื้นเมื่อสุนัขหมาป่าสีขาวกระโจนปัดมันทิ้งลงได้ทันท่วงที กริชเงินค่อยๆ สลายหายไปราวกับภาพลวงตา ร่างของหนุ่มผมทองหมดสติร่วงลงกับพื้น ไม่ใช่เพราะเขาถูกกริชปักอก แต่เพราะอำนาจจากสักแห่งที่ทำให้เจ้าตัวหลับนิทราลงเพื่อไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีก...

    ดวงตาสีมรกตของหญิงสาววาวโรจน์ เธอจ้องตรงไปยังสุนัขหมาป่าที่บัดนี้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์เด็กหนุ่มอีกหน

    “กริชเงินนั้น...ไม่ใช่ของจริง” แบร์รี่ยิ้มยียวน “เพราะคุณไม่เคยสนใจมัน ต้องขอโทษด้วยที่เอาของปลอมมาหลอกแม่มดอายุร้อยกว่าปีได้น่ะ เสียศักดิ์ศรีแย่”

    แท้จริงกริชเงินประจำตระกูลบาร์นาร์ดอยู่ในมือของใครอีกคน... ร่างชายหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาลปรากฏกายผ่านดงกุหลาบ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าอนายริน บาร์นาร์ดผู้อ่อนแอกลับมายืนตรงหน้าเธอเสียเอง!

    “แก!”

    “ผมไม่เคยรู้ว่าก่อนว่าตัวเองสามารถทำแบบนี้ได้เหมือนคุณ... ความจริงที่ว่า ผมก็เป็นพ่อมดอีกคนของตระกูลบาร์นาร์ด” เสียงนุ่มประกาศกล่าวและอาจหาญ แม้แต่ตัวอนายรินเองยังไม่อยากเชื่อว่าเขาครอบครองอำนาจบางอย่างไว้ในมือมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่เขาไม่เคยทราบ ไม่เคยมีสิ่งใดกระตุ้นพลังลึกลับนี้ในตัวของเขา กระทั่งเมื่อร่างกายค่อยๆ อ่อนแอ...พลังหนึ่งจึงก่อเกิด ประสานช่วยชีวิตของเขาขึ้นมาจากอาการสาหัส ที่สำคัญมันทำให้อนายรินแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเมื่อสามารถเอาชนะมนตราที่ครอบงำชีวิตมาตลอดหลายปี

    “จองหองโอหัง แกมันก็แค่พ่อมดเพิ่งเกิด จะมีอำนาจไปมากกว่าฉันได้อย่างไร อย่าผยองในอำนาจที่แกเพิ่งได้มาเลยอนายริน” น้ำเสียงโกรธพิโรธพร้อมๆ กับลมกระโชกแรงจนทำให้กิ่งสนวูบไหวราวเกิดพายุ

    “การจมอยู่กับความแค้นทำให้คุณหลงลืมภัยใกล้ตัว” อนายรินไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีเกรี้ยวโกรธของแม่มดผู้กลืนกินชีวิตเขา หากเมื่ออิสระรออยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงไม่คิดจะรีรอ กล่องไม้โบราณเรืองแสงบนฝ่ามือของเขา กล่องไม้เก็บหัวใจแม่มดที่เขาเพียรพยายามขโมยมันออกมาได้อย่างฉิวเฉียดก่อนเธอจะทันรู้ตัว เขาได้แต่นึกขอบคุณพระเจ้าและตนเองที่อดทนรอจนถึงค่ำคืนวันนี้... คืนที่เขาจะทำลายคำสาปจนหมดสิ้น

    “ไม่!!!” เธอกรีดร้องทรมานเมื่อกริชเงินปักลงกลางหัวใจโดยฝีมือของอนายริน

    สายลมพายุที่เธอสร้างค่อยๆ สงบลง...
    เสียงหวีดร้องค่อยๆ เงียบลง...
    ร่างของเธอค่อยๆ สลาย...
    เช่นเดียวกับอำนาจคำสาปทั้งหมด





    เสียงเพลงบรรเลงแผ่วๆ โลดแล่นในห้วงความฝัน ปลุกให้สัมผัสถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นและขับกล่อมเขา ดวงตาสีฟ้าปรือเปิด กะพริบมองภาพเลือนรางที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทีละนิด ใบหน้าของชายหนุ่มแนบชิด นัยน์ตาทรงเสน่ห์จ้องมองยามที่เขาตื่นรับแสงอรุณ มือหนายกขึ้นลูบไปตามแพรเส้นผมสีทอง เกลี่ยลูบแผ่วเบาและมันทำให้ทอมรู้สึกดีจนไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด ห้วงความคิดของเจ้าหน้าที่แห่งลอนดอนดับวูบแทบไม่เหลือความทรงจำใดๆ สิ่งเดียวที่เขาจำได้ก่อนท่องโลกนิทราคือภาพวาดสีน้ำมันตรงสุดทางเดิน...

    แล้วอะไรกันเล่าที่ทำให้เขามานอนจมอกแกร่งของชายเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดน?

    คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ แต่สิ่งสมควรมากกว่าคือเขาน่าจะโวยวายที่ตนเองมาอยู่บนเตียง ภายในห้องนอนของแจ็ค ลาวเดน ทว่าเขากลับเลือกดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีและอ้อมกอดอบอุ่นนี้มากกว่าสิ่งใด

    “คุณดูดี...” เขาพึมพำพลางแตะฝ่ามือลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มไม่มีเขางอกตรงหน้าผาก ไม่มีเขี้ยวอย่างอสูร เผลอๆ บาดแผลที่ถูกสิงโตตะปบอาจหายไปแล้ว พลันทอมนึกขึ้นได้ หากเป็นไปตามเรื่องเล่าขาน อสูรย่อมกลับคืนสู่ร่างมนุษย์เมื่อรุ่งสาง จะมีสิ่งใดลบล้างคำสาปนั้นได้กัน เขานึกไม่ตกและไม่อยากเห็นแจ็ค ลาวเดนทรมานอีกต่อไป

    “หลับสบายดีไหม?” เสียงเข้มกระซิบถาม กระชับกอดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม และจู่ๆ ร่างกายของทอมกลับสนองตอบความร้อนผ่าวอย่างไม่อาจห้าม ไหนจะสายตาคล้ายราชสีห์ที่จ้องตะครุบเหยื่อนั้นอีก

    “อื้อ...ว่าแต่ คุณต่างหาก โอเครึเปล่า เมื่อคืนคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เจ้าของเรือนผมสีทองพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจว่ามือของใครอีกคนซุกซนแค่ไหน เขาเผลอขยับตัวหนี แต่แล้วก็เกือบจะตกเตียง โชคดีที่แจ็คคว้าเอวเขาไว้ได้ทัน ชั่ววินาทีหนึ่งที่ทอมสังเกตเห็นว่าดวงตาสีมหาสมุทรไร้แววทุกข์ระทมอย่างที่เขาเพิ่งพานพบเมื่อคืน

    หรือว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไรที่เขาไม่รู้กัน?

    “มิสเตอร์ลาวเดน”

    “เรียกผมว่าแจ็ค...ได้โปรด” ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อเขาถูกขอร้องเช่นนั้น ทอมประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อน้ำเสียงนั้นอ่อนโยนและฟังดูไม่เหมือนคนที่เขาเคยปะทะวาจากันเมื่อแรกเจอ นั่นทำให้เจ้าหน้าที่พิเศษรู้สึกไม่ไว้วางใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นชอบกล เรียวมือยกขึ้นดันอกแกร่งเพื่อรักษาระยะห่าง

    “ผมคิดว่าคุณต้องเล่าอะไรให้ผมฟังนะ...ระหว่างที่ผมหลับไม่รู้เรื่อง”

    “เรื่องอะไร?” เป็นครั้งแรกที่ทอมนึกหมั่นไส้สีหน้าไขสือของชายหนุ่มเต็มประดา

    “คุณดูอารมณ์ดีเกินไป ไม่รู้ตัวหรือไง?” เขายังคงทักท้วง แตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มอย่างคนถูกรางวัลใหญ่ เขาไม่เคยเห็นแจ็คยิ้มกว้างได้ถึงเพียงนี้ แต่คนระดับแจ็ค ลาวเดนคงไม่ใช่เรื่องถูกรางวัลเป็นแน่ คนคนนี้รวยล้นฟ้าอยู่แล้ว นั่นก็แสดงว่ามีเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่านั้น

    “อย่างนั้นหรอ...อาจเพราะผมมีคุณอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ก็ได้”

    “...” กลับกลายเป็นคนที่คะยั้นคะยอจะหาคำตอบเงียบเสียง เกิดอาการใบ้รับประทาน ทอมไม่แน่ใจว่าคำพูดที่เขาเพิ่งได้ยินจากปากแจ็ค ลาวเดนจะสื่อไปในทิศทางใด มิหนำซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันตอกย้ำว่าชีวิตเขาวุ่นวายและสับสนมากพออยู่แล้ว เหตุใดผู้ชายคนนี้จึงพาเรื่องน่าปวดหัวยิ่งกว่ามาเพิ่มอีกข้อ ทอมถอนหายใจ นึกอยากจะโต้ตอบอีกสักประโยค หากแต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อริมฝีปากของเขาถูกฉกฉวย รสจูบแรกหลังช่วงเวลาเฉียดตายและจากคนที่ช่วยชีวิตเขาชุ่มชื่นหัวใจไม่น้อยไปกว่าปลาขาดออกซิเจนใกล้ตายที่ได้แหวกว่ายในสายน้ำเย็นอีกครั้ง

    “เรื่องที่ผมจะเล่า ผมจะไม่เล่าตอนนี้แน่...” เรียวปากผละจูบอ้อยอิ่ง สันจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้ม จากอสูรน่าเกรงขาม แต่นาทีนี้ แจ็ค ลาวเดนไม่ต่างอะไรไปจากแมวตัวโตๆ เลยสักนิด

    “ทำไม?”

    “เพราะผมจะเล่าให้คุณฟังตลอดคืนนี้ คืนแรกที่ผมสามารถอยู่กับคุณได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องกลัวคำสาปอีกต่อไป”

    ทอมพยักหน้ารับ... เขาเข้าใจความหมายในรูปประโยคที่ว่านิดหน่อย แม้ไม่อาจล่วงรู้ความจริงนั้นได้กระจ่างชัด บรรยากาศยามเช้าวันนี้มันออกจะไม่คุ้นชินสำหรับเขานัก แต่น่าแปลกที่คนตัวเล็กกว่าเบียดกระชับสู่อ้อมกอดนี้โดยไม่นึกอิดออดแต่อย่างใด ยินดีเกียจคร้านไปทั้งวัน ขอแค่ได้ฟังเสียงดนตรีขับกล่อมโดยมีใครอีกคนลูบฝ่ามือไปตามเส้นผมสีทองของเขาจนลืมเลือนเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เพิ่งประสบ

    บนโลกนี้มีเต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ...
    บางเรื่องเรารับรู้มันเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งมันคงจะดีกว่าหากมันเป็นความลับตลอดกาล





    “สวัสดีค่ะ คุณอนายริน” เลขาสาวทักทายเขาดั่งปกติ ทว่าวันนี้เธอยิ้มกว้างเมื่อพบว่าสีหน้าของเจ้านายหนุ่มดูดีมากกว่าสัปดาห์ก่อน จนอาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลือเค้าคนป่วยกระออดกระแอดเลยแม้แต่น้อย

    “สวัสดีครับ ผมขอรายงานผลประกอบการประจำเดือนนี้ด้วยนะครับ”

    “ได้ค่ะ รับกาแฟด้วยไหมคะ”

    “ถ้าได้ก็ดีเลยครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อสองวันก่อนมันถูกตกแต่งใหม่เล็กน้อยให้สว่างไสวและไม่อึมครึมอย่างที่เคยเป็นมา รูปวาดโบราณต่างๆ ถูกเก็บออกไปรักษาไว้ในที่ที่มันสมควรอยู่ เช่นเดียวกับกริชเงินประจำตระกูล แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปคือสุนัขหมาป่าตัวโตที่ยังคงเดินเข้ามาคลอเคลียออดอ้อนเขาเช่นเดิม...

    “แบร์รี่”

    “ครับผม” ร่างของเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาเปล่งประกายขี้เล่นอดไม่ได้ที่เขาจะยื่นเรียวนิ้วไปคีบปลายจมูกด้วยนึกมันเขี้ยว

    “ตัวมอมแมม...ไปซนที่ไหนมา ตัวเหม็นอย่างกับไปตกกองขยะ”

    “สัญชาตญาณหมาป่า ผมห้ามได้ที่ไหน” อีกคนแก้ตัวพลางเดาะลิ้นราวกับไม่รู้ว่าตนมีชนักติดหลัง

    “แล้วอยากเป็นคนหรือเป็นหมาป่า หื้ม?” เขากอดอก ส่งสายตาบอกเป็นกลายๆ ว่าบัดนี้อนายริน บาร์นาร์ดมีอำนาจมากพอจะรังสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง นั่นทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจ ยอมยกมือยอมแพ้แต่โดยดี แบร์รี่ไม่คาดคิดว่าอนายรินจะมีอำนาจพ่อมดซ่อนอยู่ในตัว สถานการณ์บีบคั้นหนนั้นอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นเยี่ยม

    “เป็นคนสิครับ”

    “อืม ไปอาบน้ำอาบท่าซะ นายเป็นคนไม่ใช่หมาจะได้รอใครมาอาบน้ำให้”

    “งั้นผมรอคุณอาบน้ำให้ผมไม่ได้หรอครับ”

    “มากไปแล้วนะแบร์รี่” แสงไฟในห้องทำงานกะพริบคล้ายมันลัดวงจร เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อพบว่าเจ้านายของเขาอาจเก็บอาการเขินไม่อยู่ แต่เพราะเสียงหัวเราะของเขา หลอดไฟดวงหนึ่งจึงระเบิดและดับลงในทันที

    ...ถ้าคิดจะเล่นตุกติกกับอนายริน บาร์นาร์ดหลังจากนี้ สุนัขหมาป่าเช่นเขาคงหนีไม่พ้นกลับคืนสู่เจ้าลูกหมาป่าตัวกระเปี๊ยกอย่างไม่ต้องสงสัย




    เจ้าหน้าที่พิเศษคาร์นีย์จำเป็นต้องอยู่จัดการงานที่สถานี และส่งเรื่องคดีที่คั่งค้างของแมทธิวสู่มือผู้บังคับบัญชาจนแล้วเสร็จ เพราะเขาเกือบตกเป็นเหยื่อในคดี ขั้นตอนของการสืบสวนจึงยิ่งซับซ้อนมากขึ้นโดยมีเจ้าหน้าที่พิเศษอีกคนหนึ่งถูกส่งมาช่วยทำคดี นายตำรวจหลายนายต่างโล่งใจที่คดีต่อเนื่องสิ้นสุดลงเสียที แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องตำนานเล่าขานแต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์ ความโกรธแค้นนั่นเองที่ผลักดันให้คนคนหนึ่งสามารถลงมือทำทุกอย่างได้โดยไม่สนว่าคนที่เขาได้ลงมือฆ่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้ต้องสงสัยในคดีอย่างแจ็ค ลาวเดนรอดพ้นจากความพยายามใส่ความโดยแมทธิวทั้งหมด

    ทอมออกจากสถานีตำรวจประจำเมืองเป็นเจ้าหน้าที่รายสุดท้าย และดูท่าเขาคงผิดนัดแจ็ค ลาวเดนไปเกือบสองชั่วโมงเศษ คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบต่อสายหาอีกคน

    ‘ครับ’ เจ้าหน้าที่ผมทองอดยิ้มขบขันกับตนเองไม่ได้เมื่อปลายสายตอบรับเขาเพียงคำพูดสั้นๆ

    “ขอโทษทีครับ ผมเคลียร์งานกว่าจะเรียบร้อย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”

    ‘ที่อพาร์ทเม้นท์คุณ’

    “เดี๋ยวสิ...คุณแอบเข้าห้องผมหรือไง”

    ‘ไม่ได้แอบ ผมขอกุญแจเจ้าของอพาร์ทเม้นท์เอง’

    “แล้วเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก็ให้คุณกุญแจคุณง่ายๆ เนี่ยนะ”

    ‘ก็ผมบอกว่า...ผมเป็นแฟนคุณ’

    ทอมกดวางสายโดยไม่รอฟังว่าชายหนุ่มอาจพูดจายียวนเขาต่อ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาปล่อยให้แจ็ค ลาวเดนเข้ามาในชีวิตเร็วไปหรือเปล่า... คำถามนี้เกิดขึ้นในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยังคงขับรถกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ตนเองโดยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ภาพแรกเมื่อเขาเปิดประตูห้องพัก เขาพบว่าชายหนุ่มนอนเอนกายอยู่บนเตียงแคบๆ ของเขาเสียอย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลามีแววอ่อนเพลียเล็กน้อย คนตัวเล็กกว่าทิ้งสะโพกนั่งลงตรงขอบเตียง ซึ่งนั่นทำให้ดวงตาสีฟ้าเปิดขึ้นมองเขาปราศจากอาการง่วงงุน

    “นึกว่าคุณหลับจริงๆ”

    “เปล่า แค่รอคุณจนไม่มีอะไรทำแล้วต่างหาก” ร่างสูงขยับตัวเข้ามาใกล้ พลางเอนศีรษะหนุนนอนบนตักของเขาอย่างถือวิสาสะ “ผมอยากถามอะไรคุณสักอย่าง”

    “ก็ถ้าผมตอบได้...” ทอมหัวเราะเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มเคยย้อนเขาด้วยประโยคนี้เช่นกันเมื่อคราวก่อนโน้น หากแต่สีหน้าจริงจังของแจ็คทำให้เขาประจักษ์แก่ใจว่าคนคนนี้ต้องการคำตอบที่ชัดเจนไม่แพ้กัน

    “ถ้าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ผมยังเป็นอสูรอยู่ คุณจะว่ายังไง?” มันไม่ใช่คำถามที่ผิดไปจากที่คาดนัก คนถูกถามแย้มยิ้มขณะแนบฝ่ามือลงบนแก้มของทายาทตระกูลต้องสาป

    “ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายผม ผมก็คงไม่กลัวและจะลองหาวิธีแก้คำสาปบ้าๆ นั่นซะ”

    “คุณมีทางเลือกที่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ทำไมคุณถึงยังคิดจะหาวิธีนั้นล่ะ”

    “อันที่จริง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากยุ่งเรื่องของคุณชะมัด แต่ถ้ามันเป็นเพราะใครบางคนกำหนดให้เราสองคนมาเจอกันด้วยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมก็แค่คิดว่าบางที...มันอาจเป็นความผูกพัน”

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝันแปลกๆ นั้นยังคงวนเวียนในห้วงความคิดทอมเสมอ ยิ่งเมื่อเขาและแจ็ค ลาวเดนได้รู้จักกันมากขึ้น เขาจึงไม่อาจทิ้งให้อีกคนต้องผจญชะตากรรมดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้ท้ายที่สุดมันอาจจะเลวร้ายอย่างในฝัน เขาเพียงคิดว่า...มันคงไม่มีทางหลีกเลี่ยง มากไปกว่านั้น เขาต่างหากที่เลือกเสี่ยงชีวิตเอง

    “คุณอยากฟังเรื่องที่ผมจะเล่าแล้วหรือยัง?” แจ็ค ลาวเดนดึงมือของเขาเข้าไปกอบกุม ไม่อยากจะเชื่อนักแต่มือของผู้ชายคนนี้มันอุ่นซ่านเสียยิ่งกว่าเตาผิงเสียอีก ทอมขยับตัวเพื่อเอนแผ่นหลังนอนลงบนเตียง อากาศรอบกายไม่ได้หนาวจัด แต่น่าแปลกที่เขากอดกระชับอีกคนราวกับไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้วในค่ำคืนนี้


    ขอแค่ได้ฟังเรื่องราวที่แจ็คจะเล่า
    ขอแค่ได้เผชิญเรื่องราวน่าอัศจรรย์ไปพร้อมๆ กับผู้ชายคนนี้
    ขอแค่เขาเป็นอีกหนึ่งที่จะช่วยให้ทายาทต้องสาป พ้นจากความทรมานทั้งปวง


    “โทษทีนะ ผมดันนึกถึงนิทานเรื่องเจ้าชายกบน่ะ มันคงตลกดีเกิดคุณดันกลายร่างเป็นอสูรตอนเที่ยงคืน แล้วพอผมจูบคุณ คุณก็จะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง” หนนี้แจ็คเลิกคิ้วประหลาดใจ พลางโคลงศีรษะก้ำกึ่งเห็นด้วยครึ่ง ไม่เห็นด้วยครึ่ง

    “พูดอย่างกับคุณอยากจูบผม...”

    “...ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เขาละล่ำละลักแก้คำพูดตนเอง น่าหงุดหงิดที่นั่นทำให้แจ็คยิ้มกรุ้มกริ่ม

    “แล้วหมายความอย่างไหน” เสียงเข้มกระเซ้าแหย่พลางยกข้อมือดูนาฬิกา... เหมาะเจาะที่อีกไม่กี่วินาที...มันกำลังจะตีบอกเวลาเที่ยงคืน “ถ้าอย่างนั้น ลองพิสูจน์สิว่าผมจะเป็นอสูรอีกไหม”

    แม้จะลังเล แต่นิสัยพื้นฐานของเจ้าหน้าที่พิเศษคือค้นหาความจริง... ทอมจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ รอฟังเสียงเข็มนาฬิกา พลางแต้มจูบแผ่วเบา

    สรรพสิ่งเงียบงัน... เวลาค่อยๆ เดินผ่านช่วงเวลาเที่ยงคืน ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนอกจากเสียงหัวใจที่ค่อยๆ เต้นรัวเร็วไม่เป็นส่ำ ดวงหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาลืมตามองใบหน้าคมคายของแจ็ค ลาวเดนในระยะลมหายใจคั่น สันจมูกโด่งเอียงปรับองศาเล็กน้อย เจ้าของนัยน์ตาสีมหาสมุทรกระซิบบอก

    “ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง ว่าทำไมคำสาปนี้ถึงถูกปลดไปแล้ว”

    “คุณแจ็ค” ทอมนึกคำพูดใดไม่ออก นอกเสียจากชื่อของคนตรงหน้า...ทั้งที่อยากรู้แทบแย่ แต่อะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...


    ดวงตาสีฟ้าของแจ็ค ลาวเดนคือสุดยอดปริศนามากมายที่ทอมเคยพบเจอ บัดนี้เขาคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบเหล่านั้น


    “ผมมีเวลาเล่าให้คุณฟังทั้งคืน เชื่อผมสิ”




    THE END

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
your basic trash (@chooyo)
ฮืออออออออออออออออจบแล้วT_________________T ขอบคุณสำหรับฟิคดี ๆ อีกเรื่องนึงนะคะพี่อุ้ม เป็นฟิคต่อชีวิตที่แท้ เราเพิ่งจามาอ่านไม่กี่สัปดาห์ที่แล้วเอง ติดตามมาจนวันนี้ถึงตอนจบแล้ว อยากบอกว่าเรารักเรื่องนี้มาก ๆ เลย เป็นฟิคที่อ่านแล้วสนุกมาก ใช้คำสละสลวยแต่ก็อ่านง่ายจินตนาการภาพตามได้เป็นฉาก ๆ เลย เนื้อเรื่องน่าสนใจชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ครบรสมาก โมเม้นก็ดีต่อใจทั้งสองคู่เลย อบอุ่นหัวใจT_______T ไม่ค่อยได้ตามหวีดฟิคมากแต่เราติดตามอยู่เรื่อย ๆ เลยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลย เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปแล้วก็กับทุกเรื่องเลยนะคะ <333