Jack L. & Tom GC.
หากต้องติดอยู่ในวังวนแห่งความทรมาน สิ่งเดียวที่เขาอยากจะวอนขอต่อพระเจ้านั่นคือ ขอแค่ได้เฝ้ามองพระอาทิตย์ฉายแสงอบอุ่นแก่มวลสรรพสิ่งจากห้องมืดในคฤหาสน์โดยไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายแสงสว่างของเขาก็พอ
เจ้าหน้าที่หนุ่มรู้ดีแก่ใจว่าควรกลับไปที่ห้องพักของตนเองเพื่อพักผ่อนจากอาการอ่อนล้าและมึนศีรษะ น่าโมโหตัวเองที่เท้าเจ้ากรรมไม่เดินไปตามทิศทางที่ถูกต้อง ทอมเดินมาหยุดหน้ารูปวาดสีน้ำมันตรงสุดมุมทางเดิน รูปที่แจ็ค ลาวเดนเคยบอกว่าเด็กผมทองในรูปหน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะ ทีแรกเขาไม่อยากจะเชื่อชายหนุ่มนักในเมื่อรูปภาพมันไม่สมบูรณ์ด้วยรอยกรงเล็บที่ทำลายใบหน้าเด็กหนุ่มในรูปจนสิ้น เขาเอื้อมมือไปแตะรอยขาดวิ่น สัมผัสปลายนิ้วราวกับพยายามรับรู้เรื่องราวของรูปวาดไปพลาง
ในความฝันนั้น ชายที่หน้าเหมือนแจ็ค ลาวเดนวาดรูปนี้ให้เขา... เขาที่น่าจะเป็นเด็กคนนี้
ส่วนรอยกรงเล็บ... จะเป็นของใครไปเสียได้
‘คำสาปของอสูร...ปลดเปลื้องได้ด้วยผู้มีเรือนผมสีทองและชะตาต้องต่ออสูร...มาเถอะ เสียสละเพื่ออสูร แล้วเขาจะกลับมาเป็นชายหนุ่มเฉกเช่นมนุษย์ดังเดิม’
หนนี้เสียงแว่วบอกชัดเจน มีอำนาจ อีกทั้งยังส่งผลต่อตัวเขาโดยไม่อาจต่อต้าน ปลายเท้าขยับก้าวเดิน ดวงตาสีฟ้าไร้แววประกาย บ่งบอกได้ว่าเจ้าของเรือนผมสีทองถูกบางสิ่งเข้าครอบงำจิตใจเสียแล้ว...
ร่างสันทัดพาตนเองออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าสู่ดงกุหลาบ ฝ่าผ่านกิ่งหนามและไม่แยแสต่อบาดแผลที่เกิดขึ้น หัวใจของเขาเต้นในจังหวะเนิบช้าและรับฟังเพียงเสียงเรียกจากที่ใดสักแห่ง ความมืดไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาเมื่อปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองเพียงคำสั่งของใครบางคนที่สั่งให้เขามาที่แห่งนี้เพื่อปลดเปลื้องคำสาปของอสูร
เขาหยุดลงหน้าต้นสนขนาดใหญ่ รอบกายสงัดเงียบ เสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงไวโอลินกรีดแทงสะกดใจให้ดิ่งลึกสู่ห้วงมนตรา
“แลกชีวิตของแกกับอสูรเสียเถอะ” หญิงสาวปรากฏกาย เธอกระซิบแผ่วสั่งให้เจ้าของเรือนผมสีทองหยิบกริชเงินที่วางอยู่ตรงพื้น แม่มดแห่งตระกูลบาร์นาร์ดเผยยิ้มอย่างคนกุมชัยชนะเมื่อเจ้าเด็กโง่คาร์นีย์เตรียมจรดปลายกริชสู่อกข้างซ้าย...เพื่อปลิดชีพตน
เมื่อทายาทต้องสาปไม่ปริปากบอกเรื่องคำสาปนี้แก่สิ่งล้ำค่าของเขาเอง เธอเพียงแค่ช่วยจัดการให้เรื่องราวมันง่ายและจบลงในค่ำคืนนี้
ทว่า
กริชเงินกระเด็นตกหล่นลงสู่พื้นเมื่อสุนัขหมาป่าสีขาวกระโจนปัดมันทิ้งลงได้ทันท่วงที กริชเงินค่อยๆ สลายหายไปราวกับภาพลวงตา ร่างของหนุ่มผมทองหมดสติร่วงลงกับพื้น ไม่ใช่เพราะเขาถูกกริชปักอก แต่เพราะอำนาจจากสักแห่งที่ทำให้เจ้าตัวหลับนิทราลงเพื่อไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีก...
ดวงตาสีมรกตของหญิงสาววาวโรจน์ เธอจ้องตรงไปยังสุนัขหมาป่าที่บัดนี้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์เด็กหนุ่มอีกหน
“กริชเงินนั้น...ไม่ใช่ของจริง” แบร์รี่ยิ้มยียวน “เพราะคุณไม่เคยสนใจมัน ต้องขอโทษด้วยที่เอาของปลอมมาหลอกแม่มดอายุร้อยกว่าปีได้น่ะ เสียศักดิ์ศรีแย่”
แท้จริงกริชเงินประจำตระกูลบาร์นาร์ดอยู่ในมือของใครอีกคน... ร่างชายหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาลปรากฏกายผ่านดงกุหลาบ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าอนายริน บาร์นาร์ดผู้อ่อนแอกลับมายืนตรงหน้าเธอเสียเอง!
“แก!”
“ผมไม่เคยรู้ว่าก่อนว่าตัวเองสามารถทำแบบนี้ได้เหมือนคุณ... ความจริงที่ว่า ผมก็เป็นพ่อมดอีกคนของตระกูลบาร์นาร์ด” เสียงนุ่มประกาศกล่าวและอาจหาญ แม้แต่ตัวอนายรินเองยังไม่อยากเชื่อว่าเขาครอบครองอำนาจบางอย่างไว้ในมือมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่เขาไม่เคยทราบ ไม่เคยมีสิ่งใดกระตุ้นพลังลึกลับนี้ในตัวของเขา กระทั่งเมื่อร่างกายค่อยๆ อ่อนแอ...พลังหนึ่งจึงก่อเกิด ประสานช่วยชีวิตของเขาขึ้นมาจากอาการสาหัส ที่สำคัญมันทำให้อนายรินแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเมื่อสามารถเอาชนะมนตราที่ครอบงำชีวิตมาตลอดหลายปี
“จองหองโอหัง แกมันก็แค่พ่อมดเพิ่งเกิด จะมีอำนาจไปมากกว่าฉันได้อย่างไร อย่าผยองในอำนาจที่แกเพิ่งได้มาเลยอนายริน” น้ำเสียงโกรธพิโรธพร้อมๆ กับลมกระโชกแรงจนทำให้กิ่งสนวูบไหวราวเกิดพายุ
“การจมอยู่กับความแค้นทำให้คุณหลงลืมภัยใกล้ตัว” อนายรินไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีเกรี้ยวโกรธของแม่มดผู้กลืนกินชีวิตเขา หากเมื่ออิสระรออยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงไม่คิดจะรีรอ กล่องไม้โบราณเรืองแสงบนฝ่ามือของเขา กล่องไม้เก็บหัวใจแม่มดที่เขาเพียรพยายามขโมยมันออกมาได้อย่างฉิวเฉียดก่อนเธอจะทันรู้ตัว เขาได้แต่นึกขอบคุณพระเจ้าและตนเองที่อดทนรอจนถึงค่ำคืนวันนี้... คืนที่เขาจะทำลายคำสาปจนหมดสิ้น
“ไม่!!!” เธอกรีดร้องทรมานเมื่อกริชเงินปักลงกลางหัวใจโดยฝีมือของอนายริน
สายลมพายุที่เธอสร้างค่อยๆ สงบลง...
เสียงหวีดร้องค่อยๆ เงียบลง...
ร่างของเธอค่อยๆ สลาย...
เช่นเดียวกับอำนาจคำสาปทั้งหมด
เสียงเพลงบรรเลงแผ่วๆ โลดแล่นในห้วงความฝัน ปลุกให้สัมผัสถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นและขับกล่อมเขา ดวงตาสีฟ้าปรือเปิด กะพริบมองภาพเลือนรางที่ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทีละนิด ใบหน้าของชายหนุ่มแนบชิด นัยน์ตาทรงเสน่ห์จ้องมองยามที่เขาตื่นรับแสงอรุณ มือหนายกขึ้นลูบไปตามแพรเส้นผมสีทอง เกลี่ยลูบแผ่วเบาและมันทำให้ทอมรู้สึกดีจนไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด ห้วงความคิดของเจ้าหน้าที่แห่งลอนดอนดับวูบแทบไม่เหลือความทรงจำใดๆ สิ่งเดียวที่เขาจำได้ก่อนท่องโลกนิทราคือภาพวาดสีน้ำมันตรงสุดทางเดิน...
แล้วอะไรกันเล่าที่ทำให้เขามานอนจมอกแกร่งของชายเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดน?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ แต่สิ่งสมควรมากกว่าคือเขาน่าจะโวยวายที่ตนเองมาอยู่บนเตียง ภายในห้องนอนของแจ็ค ลาวเดน ทว่าเขากลับเลือกดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีและอ้อมกอดอบอุ่นนี้มากกว่าสิ่งใด
“คุณดูดี...” เขาพึมพำพลางแตะฝ่ามือลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มไม่มีเขางอกตรงหน้าผาก ไม่มีเขี้ยวอย่างอสูร เผลอๆ บาดแผลที่ถูกสิงโตตะปบอาจหายไปแล้ว พลันทอมนึกขึ้นได้ หากเป็นไปตามเรื่องเล่าขาน อสูรย่อมกลับคืนสู่ร่างมนุษย์เมื่อรุ่งสาง จะมีสิ่งใดลบล้างคำสาปนั้นได้กัน เขานึกไม่ตกและไม่อยากเห็นแจ็ค ลาวเดนทรมานอีกต่อไป
“หลับสบายดีไหม?” เสียงเข้มกระซิบถาม กระชับกอดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม และจู่ๆ ร่างกายของทอมกลับสนองตอบความร้อนผ่าวอย่างไม่อาจห้าม ไหนจะสายตาคล้ายราชสีห์ที่จ้องตะครุบเหยื่อนั้นอีก
“อื้อ...ว่าแต่ คุณต่างหาก โอเครึเปล่า เมื่อคืนคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เจ้าของเรือนผมสีทองพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจว่ามือของใครอีกคนซุกซนแค่ไหน เขาเผลอขยับตัวหนี แต่แล้วก็เกือบจะตกเตียง โชคดีที่แจ็คคว้าเอวเขาไว้ได้ทัน ชั่ววินาทีหนึ่งที่ทอมสังเกตเห็นว่าดวงตาสีมหาสมุทรไร้แววทุกข์ระทมอย่างที่เขาเพิ่งพานพบเมื่อคืน
หรือว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไรที่เขาไม่รู้กัน?
“มิสเตอร์ลาวเดน”
“เรียกผมว่า
แจ็ค...ได้โปรด” ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อเขาถูกขอร้องเช่นนั้น ทอมประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อน้ำเสียงนั้นอ่อนโยนและฟังดูไม่เหมือนคนที่เขาเคยปะทะวาจากันเมื่อแรกเจอ นั่นทำให้เจ้าหน้าที่พิเศษรู้สึกไม่ไว้วางใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นชอบกล เรียวมือยกขึ้นดันอกแกร่งเพื่อรักษาระยะห่าง
“ผมคิดว่าคุณต้องเล่าอะไรให้ผมฟังนะ...ระหว่างที่ผมหลับไม่รู้เรื่อง”
“เรื่องอะไร?” เป็นครั้งแรกที่ทอมนึกหมั่นไส้สีหน้าไขสือของชายหนุ่มเต็มประดา
“คุณดูอารมณ์ดีเกินไป ไม่รู้ตัวหรือไง?” เขายังคงทักท้วง แตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มอย่างคนถูกรางวัลใหญ่ เขาไม่เคยเห็นแจ็คยิ้มกว้างได้ถึงเพียงนี้ แต่คนระดับแจ็ค ลาวเดนคงไม่ใช่เรื่องถูกรางวัลเป็นแน่ คนคนนี้รวยล้นฟ้าอยู่แล้ว นั่นก็แสดงว่ามีเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่านั้น
“อย่างนั้นหรอ...อาจเพราะผมมีคุณอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ก็ได้”
“...” กลับกลายเป็นคนที่คะยั้นคะยอจะหาคำตอบเงียบเสียง เกิดอาการใบ้รับประทาน ทอมไม่แน่ใจว่าคำพูดที่เขาเพิ่งได้ยินจากปากแจ็ค ลาวเดนจะสื่อไปในทิศทางใด มิหนำซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันตอกย้ำว่าชีวิตเขาวุ่นวายและสับสนมากพออยู่แล้ว เหตุใดผู้ชายคนนี้จึงพาเรื่องน่าปวดหัวยิ่งกว่ามาเพิ่มอีกข้อ ทอมถอนหายใจ นึกอยากจะโต้ตอบอีกสักประโยค หากแต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อริมฝีปากของเขาถูกฉกฉวย รสจูบแรกหลังช่วงเวลาเฉียดตายและจากคนที่ช่วยชีวิตเขาชุ่มชื่นหัวใจไม่น้อยไปกว่าปลาขาดออกซิเจนใกล้ตายที่ได้แหวกว่ายในสายน้ำเย็นอีกครั้ง
“เรื่องที่ผมจะเล่า ผมจะไม่เล่าตอนนี้แน่...” เรียวปากผละจูบอ้อยอิ่ง สันจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้ม จากอสูรน่าเกรงขาม แต่นาทีนี้ แจ็ค ลาวเดนไม่ต่างอะไรไปจากแมวตัวโตๆ เลยสักนิด
“ทำไม?”
“เพราะผมจะเล่าให้คุณฟังตลอดคืนนี้ คืนแรกที่ผมสามารถอยู่กับคุณได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องกลัวคำสาปอีกต่อไป”
ทอมพยักหน้ารับ... เขาเข้าใจความหมายในรูปประโยคที่ว่านิดหน่อย แม้ไม่อาจล่วงรู้ความจริงนั้นได้กระจ่างชัด บรรยากาศยามเช้าวันนี้มันออกจะไม่คุ้นชินสำหรับเขานัก แต่น่าแปลกที่คนตัวเล็กกว่าเบียดกระชับสู่อ้อมกอดนี้โดยไม่นึกอิดออดแต่อย่างใด ยินดีเกียจคร้านไปทั้งวัน ขอแค่ได้ฟังเสียงดนตรีขับกล่อมโดยมีใครอีกคนลูบฝ่ามือไปตามเส้นผมสีทองของเขาจนลืมเลือนเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เพิ่งประสบ
บนโลกนี้มีเต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ...
บางเรื่องเรารับรู้มันเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งมันคงจะดีกว่าหากมันเป็นความลับตลอดกาล
“สวัสดีค่ะ คุณอนายริน” เลขาสาวทักทายเขาดั่งปกติ ทว่าวันนี้เธอยิ้มกว้างเมื่อพบว่าสีหน้าของเจ้านายหนุ่มดูดีมากกว่าสัปดาห์ก่อน จนอาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลือเค้าคนป่วยกระออดกระแอดเลยแม้แต่น้อย
“สวัสดีครับ ผมขอรายงานผลประกอบการประจำเดือนนี้ด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ รับกาแฟด้วยไหมคะ”
“ถ้าได้ก็ดีเลยครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อสองวันก่อนมันถูกตกแต่งใหม่เล็กน้อยให้สว่างไสวและไม่อึมครึมอย่างที่เคยเป็นมา รูปวาดโบราณต่างๆ ถูกเก็บออกไปรักษาไว้ในที่ที่มันสมควรอยู่ เช่นเดียวกับกริชเงินประจำตระกูล แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปคือสุนัขหมาป่าตัวโตที่ยังคงเดินเข้ามาคลอเคลียออดอ้อนเขาเช่นเดิม...
“แบร์รี่”
“ครับผม” ร่างของเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาเปล่งประกายขี้เล่นอดไม่ได้ที่เขาจะยื่นเรียวนิ้วไปคีบปลายจมูกด้วยนึกมันเขี้ยว
“ตัวมอมแมม...ไปซนที่ไหนมา ตัวเหม็นอย่างกับไปตกกองขยะ”
“สัญชาตญาณหมาป่า ผมห้ามได้ที่ไหน” อีกคนแก้ตัวพลางเดาะลิ้นราวกับไม่รู้ว่าตนมีชนักติดหลัง
“แล้วอยากเป็นคนหรือเป็นหมาป่า หื้ม?” เขากอดอก ส่งสายตาบอกเป็นกลายๆ ว่าบัดนี้อนายริน บาร์นาร์ดมีอำนาจมากพอจะรังสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง นั่นทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจ ยอมยกมือยอมแพ้แต่โดยดี แบร์รี่ไม่คาดคิดว่าอนายรินจะมีอำนาจพ่อมดซ่อนอยู่ในตัว สถานการณ์บีบคั้นหนนั้นอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นเยี่ยม
“เป็นคนสิครับ”
“อืม ไปอาบน้ำอาบท่าซะ นายเป็นคนไม่ใช่หมาจะได้รอใครมาอาบน้ำให้”
“งั้นผมรอคุณอาบน้ำให้ผมไม่ได้หรอครับ”
“มากไปแล้วนะแบร์รี่” แสงไฟในห้องทำงานกะพริบคล้ายมันลัดวงจร เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อพบว่าเจ้านายของเขาอาจเก็บอาการเขินไม่อยู่ แต่เพราะเสียงหัวเราะของเขา หลอดไฟดวงหนึ่งจึงระเบิดและดับลงในทันที
...ถ้าคิดจะเล่นตุกติกกับอนายริน บาร์นาร์ดหลังจากนี้ สุนัขหมาป่าเช่นเขาคงหนีไม่พ้นกลับคืนสู่เจ้าลูกหมาป่าตัวกระเปี๊ยกอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่พิเศษคาร์นีย์จำเป็นต้องอยู่จัดการงานที่สถานี และส่งเรื่องคดีที่คั่งค้างของแมทธิวสู่มือผู้บังคับบัญชาจนแล้วเสร็จ เพราะเขาเกือบตกเป็นเหยื่อในคดี ขั้นตอนของการสืบสวนจึงยิ่งซับซ้อนมากขึ้นโดยมีเจ้าหน้าที่พิเศษอีกคนหนึ่งถูกส่งมาช่วยทำคดี นายตำรวจหลายนายต่างโล่งใจที่คดีต่อเนื่องสิ้นสุดลงเสียที แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องตำนานเล่าขานแต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์ ความโกรธแค้นนั่นเองที่ผลักดันให้คนคนหนึ่งสามารถลงมือทำทุกอย่างได้โดยไม่สนว่าคนที่เขาได้ลงมือฆ่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้ต้องสงสัยในคดีอย่างแจ็ค ลาวเดนรอดพ้นจากความพยายามใส่ความโดยแมทธิวทั้งหมด
ทอมออกจากสถานีตำรวจประจำเมืองเป็นเจ้าหน้าที่รายสุดท้าย และดูท่าเขาคงผิดนัดแจ็ค ลาวเดนไปเกือบสองชั่วโมงเศษ คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบต่อสายหาอีกคน
‘ครับ’ เจ้าหน้าที่ผมทองอดยิ้มขบขันกับตนเองไม่ได้เมื่อปลายสายตอบรับเขาเพียงคำพูดสั้นๆ
“ขอโทษทีครับ ผมเคลียร์งานกว่าจะเรียบร้อย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
‘ที่อพาร์ทเม้นท์คุณ’
“เดี๋ยวสิ...คุณแอบเข้าห้องผมหรือไง”
‘ไม่ได้แอบ ผมขอกุญแจเจ้าของอพาร์ทเม้นท์เอง’
“แล้วเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก็ให้คุณกุญแจคุณง่ายๆ เนี่ยนะ”
‘ก็ผมบอกว่า...ผมเป็น
แฟนคุณ’
ทอมกดวางสายโดยไม่รอฟังว่าชายหนุ่มอาจพูดจายียวนเขาต่อ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาปล่อยให้แจ็ค ลาวเดนเข้ามาในชีวิตเร็วไปหรือเปล่า... คำถามนี้เกิดขึ้นในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยังคงขับรถกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ตนเองโดยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ภาพแรกเมื่อเขาเปิดประตูห้องพัก เขาพบว่าชายหนุ่มนอนเอนกายอยู่บนเตียงแคบๆ ของเขาเสียอย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลามีแววอ่อนเพลียเล็กน้อย คนตัวเล็กกว่าทิ้งสะโพกนั่งลงตรงขอบเตียง ซึ่งนั่นทำให้ดวงตาสีฟ้าเปิดขึ้นมองเขาปราศจากอาการง่วงงุน
“นึกว่าคุณหลับจริงๆ”
“เปล่า แค่รอคุณจนไม่มีอะไรทำแล้วต่างหาก” ร่างสูงขยับตัวเข้ามาใกล้ พลางเอนศีรษะหนุนนอนบนตักของเขาอย่างถือวิสาสะ “ผมอยากถามอะไรคุณสักอย่าง”
“ก็ถ้าผมตอบได้...” ทอมหัวเราะเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มเคยย้อนเขาด้วยประโยคนี้เช่นกันเมื่อคราวก่อนโน้น หากแต่สีหน้าจริงจังของแจ็คทำให้เขาประจักษ์แก่ใจว่าคนคนนี้ต้องการคำตอบที่ชัดเจนไม่แพ้กัน
“ถ้าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ผมยังเป็นอสูรอยู่ คุณจะว่ายังไง?” มันไม่ใช่คำถามที่ผิดไปจากที่คาดนัก คนถูกถามแย้มยิ้มขณะแนบฝ่ามือลงบนแก้มของทายาทตระกูลต้องสาป
“ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายผม ผมก็คงไม่กลัวและจะลองหาวิธีแก้คำสาปบ้าๆ นั่นซะ”
“คุณมีทางเลือกที่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ทำไมคุณถึงยังคิดจะหาวิธีนั้นล่ะ”
“อันที่จริง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากยุ่งเรื่องของคุณชะมัด แต่ถ้ามันเป็นเพราะใครบางคนกำหนดให้เราสองคนมาเจอกันด้วยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมก็แค่คิดว่าบางที...มันอาจเป็นความผูกพัน”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝันแปลกๆ นั้นยังคงวนเวียนในห้วงความคิดทอมเสมอ ยิ่งเมื่อเขาและแจ็ค ลาวเดนได้รู้จักกันมากขึ้น เขาจึงไม่อาจทิ้งให้อีกคนต้องผจญชะตากรรมดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้ท้ายที่สุดมันอาจจะเลวร้ายอย่างในฝัน เขาเพียงคิดว่า...มันคงไม่มีทางหลีกเลี่ยง มากไปกว่านั้น เขาต่างหากที่เลือกเสี่ยงชีวิตเอง
“คุณอยากฟังเรื่องที่ผมจะเล่าแล้วหรือยัง?” แจ็ค ลาวเดนดึงมือของเขาเข้าไปกอบกุม ไม่อยากจะเชื่อนักแต่มือของผู้ชายคนนี้มันอุ่นซ่านเสียยิ่งกว่าเตาผิงเสียอีก ทอมขยับตัวเพื่อเอนแผ่นหลังนอนลงบนเตียง อากาศรอบกายไม่ได้หนาวจัด แต่น่าแปลกที่เขากอดกระชับอีกคนราวกับไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้วในค่ำคืนนี้
ขอแค่ได้ฟังเรื่องราวที่แจ็คจะเล่า
ขอแค่ได้เผชิญเรื่องราวน่าอัศจรรย์ไปพร้อมๆ กับผู้ชายคนนี้
ขอแค่เขาเป็นอีกหนึ่งที่จะช่วยให้ทายาทต้องสาป พ้นจากความทรมานทั้งปวง
“โทษทีนะ ผมดันนึกถึงนิทานเรื่องเจ้าชายกบน่ะ มันคงตลกดีเกิดคุณดันกลายร่างเป็นอสูรตอนเที่ยงคืน แล้วพอผมจูบคุณ คุณก็จะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง” หนนี้แจ็คเลิกคิ้วประหลาดใจ พลางโคลงศีรษะก้ำกึ่งเห็นด้วยครึ่ง ไม่เห็นด้วยครึ่ง
“พูดอย่างกับคุณอยาก
จูบผม...”
“...ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เขาละล่ำละลักแก้คำพูดตนเอง น่าหงุดหงิดที่นั่นทำให้แจ็คยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แล้วหมายความอย่างไหน” เสียงเข้มกระเซ้าแหย่พลางยกข้อมือดูนาฬิกา... เหมาะเจาะที่อีกไม่กี่วินาที...มันกำลังจะตีบอกเวลาเที่ยงคืน “ถ้าอย่างนั้น ลองพิสูจน์สิว่าผมจะเป็นอสูรอีกไหม”
แม้จะลังเล แต่นิสัยพื้นฐานของเจ้าหน้าที่พิเศษคือค้นหาความจริง... ทอมจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ รอฟังเสียงเข็มนาฬิกา พลางแต้มจูบแผ่วเบา
สรรพสิ่งเงียบงัน... เวลาค่อยๆ เดินผ่านช่วงเวลาเที่ยงคืน ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนอกจากเสียงหัวใจที่ค่อยๆ เต้นรัวเร็วไม่เป็นส่ำ ดวงหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาลืมตามองใบหน้าคมคายของแจ็ค ลาวเดนในระยะลมหายใจคั่น สันจมูกโด่งเอียงปรับองศาเล็กน้อย เจ้าของนัยน์ตาสีมหาสมุทรกระซิบบอก
“ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง ว่าทำไมคำสาปนี้ถึงถูกปลดไปแล้ว”
“คุณแจ็ค” ทอมนึกคำพูดใดไม่ออก นอกเสียจากชื่อของคนตรงหน้า...ทั้งที่อยากรู้แทบแย่ แต่อะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...
ดวงตาสีฟ้าของแจ็ค ลาวเดนคือสุดยอดปริศนามากมายที่ทอมเคยพบเจอ บัดนี้เขาคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบเหล่านั้น
“ผมมีเวลาเล่าให้คุณฟังทั้งคืน เชื่อผมสิ”
THE END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in