Heaven in Hiding
Jack L. & Tom GC.
Part 1. |
Part 2. |
Part 3. |
Part 4. | Part 5
อเมริกาโน่เย็นจากร้านกาแฟลุงเคนเนธไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ทอมรู้สึกเหมือนร่างกายพร้อมปิดการทำงานเอาเสียเดี๋ยวนี้ แต่เพราะภาระหน้าที่เรื่องการสืบคดีจึงทำให้เขาไม่สามารถนอนพักข้ามวันข้ามคืนได้อย่างใจคิด สารวัตรดาร์ซี่โทรศัพท์มาเรียกตัวเขาเข้ามายังสถานีตำรวจหลังได้ความคืบหน้าบางอย่าง ผิดไปจากทอมซึ่งนอกจากจะไม่ได้หลักฐานเพิ่มเติมแล้ว เขายังพลาดท่าต่อแผนการล่อหลอกเก็บดีเอ็นเอที่ตนเป็นคิดขึ้นมาเองอีก
แจ็ค ลาวเดนอยู่ที่ห้องพักเขาทั้งคืน... แต่น่าโมโหที่คนคนนั้นรอบคอบพอจะไม่ทิ้งร่องรอยการมาเยือนไว้เลยสักนิด เซ็กซ์ระหว่างเขาและทายาทลาวเดนเกิดขึ้นภายในห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนสายน้ำได้ชะล้างทุกๆ สิ่งจนหมดสิ้น อย่าว่าแต่เส้นผมเลย คราบไคลพิศวาสบนตัวเขายังไม่เหลือ จำได้รางๆ ว่าหมอนั่นล้างตัวฟอกสบู่แถมยังค้ากำไรล่วงล้ำเขตแดนสำคัญไปไม่น้อยทีเดียว! หากมันคือการปฏิบัติต่อคู่นอนอย่างเอาใจใส่ ทอมจะพยายามเข้าใจ แต่นี่มันยิ่งน่าสงสัย ที่สำคัญ...เขาหวังว่าตนจะได้เห็นรอยบาดแผลจากลูกกระสุนบริเวณแขนขวาของชายหนุ่ม ทว่าตลอดช่วงเวลานั้นเสื้อเชิ้ตสีเข้มยังคงทำหน้าที่ปกปิดสายตาตลอดกิจกรรมหฤหรรษ์
“หน้าตาคุณดูไม่สดชื่นเลยนะเจ้าหน้าที่คาร์นีย์” สารวัตรดาร์ซี่ทักทายเขา ทอมยิ้มฝืดขณะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะสืบสวน ดวงตากวาดมองแฟ้มคดีที่ยังคงวางไว้กระจัดกระจายเช่นเดิม แต่ในส่วนของกระดานสรุปคดีกลับมีรูปถ่ายของรถกระบะคันหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
“นั่นคือหลักฐานใหม่หรือเปล่าครับ”
“ใช่แล้ว มีคนพบรถกระบะคันนี้จอดทิ้งไว้ทางนอกเมืองริมถนนสายที่มุ่งหน้าไปยังทางใต้ของสก็อตแลนด์” สารวัตรดาร์ซี่เลื่อนรูปถ่ายอีกใบไปตรงหน้าเขา มันเป็นรูปจากกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน มุมภาพเผยให้เห็นรถกระบะและคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ น่าเสียดายที่มันไม่เห็นใบหน้าของชายผู้นี้ สันนิษฐานจากกายภาพเขาน่าจะสูงประมาณห้าเกือบหกฟุตเห็นจะได้
“จากคำบอกเล่าของภรรยาเหยื่อในคดี เธอบอกว่าสามีขึ้นรถไปกับเจ้าของรถคันนี้ หลังจากนั้นเช้าวันถัดมาเขาก็กลายเป็นศพ”
“มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นคนร้าย...”
“ใช่แล้ว ผมลองค้นภาพวงจรปิดเพื่อตรวจสอบรถกระบะคันนี้ว่ามีทิศทางการเดินทางอย่างไรก็พบว่ามันจะถูกขับออกมาทุกคืนที่เกิดเหตุ”
“ตรวจสอบได้ไหมครับว่าใครเป็นเจ้าของ”
“ตรวจสอบแล้ว แต่มันเป็นรถที่ถูกขโมยมาอีกที เจ้าของตัวจริงอาศัยอยู่ที่ลิเวอร์พูล เขาแจ้งความรถหายไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา”
“แสดงว่าคนร้ายจงใจใช้รถคันนี้เพื่อการก่อเหตุโดยเฉพาะ ว่าแต่รถดันถูกจอดทิ้งไว้นอกเมืองได้ยังไง มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ” สารวัตรดาร์ซี่พยักหน้าเห็นด้วยต่อสิ่งที่คาใจทอมไม่แพ้กัน นายตำรวจเดินไปหยุดนิ่งหน้ากระดานสรุปคดี นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง พลางกล่าวน้ำเสียงกังวล
“มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอยู่ไม่น้อยที่คนร้ายตั้งใจทิ้งหลักฐานสำคัญเพื่อให้เขาได้วางมือจากการออกล่าและหายไปตลอดกาล แต่ก็มีหลายคดีที่คนร้ายจะเริ่มต้นก่อเหตุกับเหยื่อรายถัดไป...ในรูปแบบใหม่ที่เหี้ยมโหดกว่า” หัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อฟังการคาดคะเนจากนายตำรวจมากประสบการณ์ จริงอย่างที่สารวัตรดาร์ซี่ว่า คนร้ายอาจไม่ต้องการหลบอยู่ในเงามืดอีกต่อไป แต่ต้องการประกาศศักดาถึงการมีตัวตน ประกาศให้โลกรู้ถึงความโหดร้ายที่กระทำต่อเหยื่อ มันเป็นเกมอย่างหนึ่งที่คนร้ายเลือกจะเดิมพัน
ทอมหยิบรูปถ่ายของเหยื่อทุกรายขึ้นมาเรียงตามลำดับเหตุการณ์... เหยื่อล้วนเป็นเพศชายอายุไล่เลี่ยกัน ทำงานเป็นคนงานที่คฤหาสน์ตระกูลลาวเดน สภาพศพมีแผลฉกรรจ์จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม บาดแผลคล้ายกรงเล็บสัตว์ขย้ำร่าง แต่เสียชีวิตเพราะหัวใจวายด้วยการเสพยาเกินขนาด ท้องแขนของเหยื่อมีรอยช้ำจากเข็มฉีดยา นั่นอาจเป็นฝีมือของคนร้ายมากกว่าที่เหยื่อจะเสพยาเสพติดด้วยตนเอง
คำให้การของพยานที่บอกว่าเหยื่อขึ้นรถไปกับคนร้าย นั่นหมายความว่าเหยื่อต้องรู้จักคนร้ายในระดับหนึ่ง จากความเกี่ยวพันทั้งหมด จะมีสักกี่คนที่เหยื่อทุกรายข้องแวะด้วย...
ทอมถอนหายใจ... ชื่อของ แจ็ค ลาวเดนยังคงวนเวียนในหัวสมองเขาในฐานะผู้ต้องสงสัย แม้ด้านหนึ่งของจิตใจกำลังหัวเราะเยาะเขาที่เพิ่งจะเผลอไปนอนกับผู้ชายคนนั้นเสียได้
เจ้าหน้าที่หนุ่มรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขารีบคว้าแก้วกาแฟเป็นที่รองรับเศษซากอาหารเช้าอันน้อยนิดผ่านการอาเจียน ความเครียดและอาการมึนศีรษะบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานจนย่อยยับ สารวัตรดาร์ซี่ตระหนกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเขาโก่งคออาเจียนเป็นวรรคเป็นเวรทั้งที่มันแทบจะไม่มีอะไรออกมาจากกระเพาะแล้วก็ตาม
“เจ้าหน้าที่คาร์นีย์ ผมว่าคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอบคุณครับแล้วก็ขอโทษด้วยที่ผมยังช่วยอะไรในคดีไม่ได้เลย” ว่าพลางกดนิ้วไปตามขมับ รับขวดน้ำที่นายตำรวจส่งให้ ทอมดื่มมันอึกใหญ่แต่ก็ยังไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น ความจริงคงโทษใครอื่นไม่ได้ในเมื่อสาเหตุที่เขาตกอยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเพราะรนหาเรื่องเองแท้ๆ
ทอมกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ในช่วงบ่ายหลังจากสารวัตรดาร์ซี่อนุญาตให้เขากลับมาพักผ่อน เจ้าหน้าที่หนุ่มต้องใช้สติเป็นอย่างมากในการขับรถยนต์ส่วนตัวมาถึงที่นี่ตลอดจนพาตัวเองกลับมาถึงห้องพักได้โดยสวัสดิภาพ ร่างสันทัดทิ้งกายลงบนเตียง สติดับวูบเข้าสู่ห้วงนิทราในบัดดล
บรรยากาศภายในคฤหาสน์ลาวเดนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นเพราะที่นี่ไม่ได้ปกคลุมไปด้วยความเงียบดั่งเช่นปกติ เสียงเพลงบรรเลงแผ่วจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณอันเป็นสมบัติตกทอดของตระกูล ทีแรกชายหนุ่มไม่เคยมองว่าใช้งานได้ด้วยสภาพเก่าคร่ำครึ จนกระทั่งลองสุ่มหยิบแผ่นเสียงมาลองเปิด ปรากฏว่ามันยังคงให้เสียงเพลงขับกล่อมที่ไพเราะจนไม่น่าเชื่อ เจ้าของคฤหาสน์ยังคงใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่แต่ภายในห้องหนังสือ แม้ในมือจะมีหนังสือเล่มโปรดเปิดค้างไว้ แต่แท้จริงความคิดกลับไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ตัวอักษรมากมายเลยสักนิด
ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง...คุณเจ้าหน้าที่คนเก่ง
เรียวปากเผยยิ้มโดยไม่รู้ตัว นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อค่ำวาน เขาทราบดีว่า ทอม กลินน์ คาร์นีย์พยายามหลอกล่อเพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ชายหนุ่มรู้เต็มอก เพียงแต่อยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่คาร์นีย์จะใช้กลวิธีไหน สุดท้ายเขารอดมาได้หวุดหวิดเพื่อประวิงเวลาให้ใครอีกคนไขปริศนาเกี่ยวกับตัวตนเขาได้ช้าลง
หากจะหวนไปในวันที่ทอมถูกบางสิ่งเรียกหาจนเดินฝ่าดงหนามกุหลาบ แถมยังเกือบถูกสุนัขหมาป่าขย้ำร่าง ชายหนุ่มอีกเช่นกันที่เข้าไปช่วยเจ้าตัวได้ทันท่วงที ดีแค่ไหนแล้วที่สุนัขหมาป่ายังไม่กระโจนใส่คนตัวเล็ก ถึงอย่างนั้นเจ้าของเรือนผมสีทองกลับลั่นไกใส่เขาเพราะคุมสติไม่อยู่ โชคดีกระสุนเพียงถากเนื้อ ร่างกายกำยำเมื่อยามเขาเป็นอสูรผ่อนปรนอาการบาดเจ็บไปได้มากแม้แผลจากการถูกยิงยังคงทิ้งร่องรอย
หลังคนปากเก่งหมดสติ แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีทางกลับมาอยู่ในห้องพักภายในคฤหาสน์ด้วยการละเมอแต่อย่างใด เขาอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียง รอยเลือดเปื้อนบนเสื้อเจ้าหน้าที่หนุ่มจึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่เขาหลงลืมไปเช่นกัน กระทั่งทอมมีท่าทีแปลกๆ และพยายามเข้าหาเขาอย่างจงใจ แจ็คจึงนึกขึ้นได้ว่าตนคงเผลอทิ้งหลักฐานชั้นเยี่ยม
“มิสซิสสมิท...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหญิงชรา ขณะเดียวกับที่เธอเดินมาเสิร์ฟชายามบ่ายให้แก่เขาพอดิบพอดี
“ว่าอย่างไรคะมิสเตอร์ลาวเดน”
“คุณเคยบอกผมว่า...คนที่สามารถปลดคำสาปนี้ได้คือคนในภาพเขียน คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกลิ่นชาหอมละมุน แจ็คสงสัยใคร่รู้ต่อสิ่งที่หญิงชราเคยกล่าวกับเขาครั้นทราบว่า... ทายาทลาวเดนรุ่นที่สิบไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกต่อไป มิสซิสสมิทเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูล เธอรับรู้เรื่องราวตำนานคำสาปจากรุ่นสู่รุ่น เธอเป็นคนเดียวที่สังเกตความผิดปกติของเขาหลังเดินทางกลับจากสก็อตแลนด์ และเธออาสาช่วยปกปิดความลับนี้จนกว่าจะพบคนที่สามารถปลดคำสาปนี้ได้ตามตำนาน
“คุณมั่นใจแล้วใช่ไหมคะว่าเจ้าหน้าที่คาร์นีย์คือเด็กหนุ่มผมทองในภาพเขียน” มิสซิสสมิทเอ่ยน้ำเสียงเรียบ เขาพยักหน้ารับ จากภาพฝันที่วนเวียนไม่จางหายมาตลอดการอยู่ที่คฤหาสน์ลาวเดน หรือความรู้สึกลึกๆ ที่กำลังเพรียกหาบางสิ่งจากคนคนนั้น แจ็คจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตนคงไม่ได้คาดเดาผิดไป
“ผมคิดว่าเป็นเขา”
“คำสาปจะสิ้นสลายก็ต่อเมื่อ...มนุษย์ผู้จงรักภักดีปลิดชีพเพื่ออสูร”
เขาไม่สนใจซึ่งรอยบาดแผลจากดงกุหลาบ เด็กหนุ่มยังคงวิ่งไปตามรอยเท้าอันเป็นร่องรอยเดียวของ... ท่านลอร์ดลาวเดน แม้ป่าสนแห่งนี้จะอยู่ข้างตัวคฤหาสน์ แต่เจ้าตัวไม่เคยคิดจะย่างกายเข้ามาเฉียดใกล้ นั่นเพราะสัญชาตญาณบางอย่างกระซิบบอกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างอันตราย กระนั้นในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก สรรพเสียงรอบกายวุ่นวายโกลาหล หนึ่งเพราะชาวบ้านจำนวนมากกำลังแตกตื่นกันมาที่คฤหาสน์หมายปลิดชีพอสูรร้าย สองคือเสียงคำรามคลั่งแว่วดังมาจากใจกลางป่า เท้าเปลือยเปล่ายังคงสาววิ่งเหยียบย่ำเศษกิ่งไม้ ความเจ็บนั่นไม่ได้ครึ่งของความร้อนใจที่กำลังปะทุในอก เขาไม่รู้ว่ารอยเท้านี้จะสิ้นสุดที่ใด และนั่นจะใช่ท่านลอร์ดหรือไม่ จวบจนเขาคิดว่าตนเข้าใกล้ต้นเสียงคำราม รอยกรงเล็บขนาดใหญ่กระจายอยู่ตามลำต้นสนหลายต้น
เงาตะคุ่มท่ามกลางความมืด เดินโซเซก่อนจะพิงแผ่นหลังเข้ากับต้นสนยักษ์... เจ้าของเรือนผมสีทองพยายามปรับสายตาเพ่งพินิจ พลันเมฆทมิฬเคลื่อนผ่านเผยให้แสงจันทร์ต้องร่างนั้น กายกำยำที่ไม่ใช่เรือนร่างมนุษย์ปุถุชน เขาคล้ายกระทิงบนศีรษะ รูปร่างอัปลักษณ์ปนเประหว่างสัตว์ใหญ่ ทว่าลูกแก้วสีฟ้ายังคงฉายแววเช่นเดิม นัยน์ตาคู่นั้นไม่อาจมองเป็นใครอื่นได้...
“ท่านลอร์ด...”
“อย่าเข้ามา!” เสียงเข้มตะคอกกลับ แต่นั่นไม่เป็นผลนักในเมื่อผู้รับคำสั่งเพิกเฉยต่อมัน เด็กหนุ่มยังคงเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ ไร้ซึ่งความกลัว
“ผมรู้วิธีแก้คำสาปแล้ว” คนอ่อนวัยเอ่ยบอกยังผลให้อีกฝ่ายแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่ชายหนุ่มเกิดมา แทบไม่มีสักครั้งที่เขาจะตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเวทนา เขาเสียอีกที่เที่ยวทำให้ใครอื่นทุกข์ทรมานจากความมักใหญ่ใฝ่สูง ทุกการกระทำของท่านลอร์ดแห่งตระกูลลาวเดนเป็นไปตามแต่สิ่งที่ตระกูลควรจะเป็น เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างสายเลือดลาวเดนแท้นั่นทำให้ทายาทเช่นเขาดำเนินรอยตามบรรพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว โหดเหี้ยม ไม่มีความปรานี เขาไม่เคยแยแสแรงชิงชัง ไม่เคยสนใจการสาปแช่งเคียดแค้น ตราบจนได้ค้นพบว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีอายุขัยเป็นของมัน
สิ้นแล้วอำนาจในมือเพียงเพราะเขาไม่ถนอมน้ำใจหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา
ลูกสาวคนเดียวของตระกูลบาร์นาร์ด เธอที่เขาไม่ควรทำร้ายจิตใจตั้งแต่แรก
เขาเชื่อแรงยั่วยุจากสหายว่าเธอเป็นแม่มด... สั่งให้บริวารจับเธอเผาทั้งเป็น ก่อนร่างนั้นจะมอดสลาย เสียงสาปแช่งกรีดร้องยังคงก้องกังวาน
‘จงทรมานอย่างที่ข้าเคยได้รับ ตระกูลต้องสาปจะยังคงอยู่ ตราบใดที่ยังมีผู้สืบทอด จงทรมานด้วยร่างอัปลักษณ์ และจงเผชิญกับความทุกข์ระทมเฉกเช่นที่บรรพบุรุษผู้เหี้ยมโหดได้กระทำต่อผู้อื่น...’
‘จงไร้ซึ่งรักแท้ จงถูกพลัดพรากตลอดกาล’
ชายหนุ่มขลาดเขลาเกินจะรู้แน่ว่าสิ่งใดคือรักแท้ กระทั่งวินาทีที่พบว่าเด็กผมทองยืนอยู่เบื้องหน้า ในดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายความหวังและภักดีต่อเขาเสมอ
“ไม่มีสิ่งใดแก้คำสาปนั่นได้ ฉันรู้ดี” แท้จริงแล้วเขารู้... ทว่าแสร้งทำเป็นเหมือนเขานั่นมืดแปดด้านและพยายามอย่างยิ่งให้เจ้าเด็กคนนี้ล้มเลิกความคิดแก้คำสาป ถึงอย่างนั้นเด็กนี่กลับยิ่งสืบเสาะหาความจริง แม้จะถูกผลักไสทุกทางกลับไม่เคยย่อท้อ
เด็กน้อยเอ๋ย เธอไม่คู่ควรกับอสูรอย่างฉัน ได้โปรดลืมเลือนสายสัมพันธ์ทุกอย่างให้สิ้นจะได้ไหม
“แต่ผมรู้... และผมอยากให้ท่านเป็นอิสระ” เด็กผมทองไม่เคยมีท่าทีมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ ในสายตาลอร์ดลาวเดน เด็กกำพร้าพ่อแม่สิ้นเนื้อประดาตัวแห่งตระกูลคาร์นีย์ เป็นเพียงเด็กน้อยที่ทลายกฎตระกูลลาวเดนแทบจะทุกอย่าง เข้ามาพึ่งใบบุญในบ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่ แต่ไม่มีแม้สักนาทีที่เด็กคนนี้ไม่เทิดทูนเขา ยินยอมเป็นของเขา ยอมทำทุกอย่างโดยไม่ลังเลด้วยเพราะอยากตอบแทนบุญคุณ ซื่อตรงและจริงใจเสมอมา ถึงในสายตาใครอื่นอาจมองว่าเด็กคนนี้ไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย
“ไม่...มันไม่มีทางใดปลดคำสาปนี้ได้ กลับไปซะ! ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้” เสียงของเขากึ่งคำรามไม่ต่างจากสัตว์ป่า แต่อีกฝ่ายกลับไม่ไหวติง ใบหน้าเยาว์นั่นเผยยิ้มปลอบประโลมเขาขณะค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ เรียวมือบางยกขึ้นแตะข้างแก้มที่ในบัดนี้มันไม่ใช่ผิวหนังดั่งมนุษย์แต่กลับมีแผงขนราชสีห์ ดวงตาใสสะท้านภาพความอัปลักษณ์อดสูเด่นชัด
“ขอท่านจงอย่ารู้สึกผิด สิ่งที่เกิดขึ้น...คือสิ่งที่ผมเลือกแล้ว” เขาหลับตา สัมผัสถึงฝ่ามือบางที่ไล้ลูบไปตามโครงหน้าโดยไม่อาจทราบว่ารอยยิ้มอ่อนโยนนี้อาจเป็นคำบอกลา...
กริชเงินเล่มเล็กปักลงสู่ก้อนเนื้อข้างอกซ้าย แต่ไม่ใช่บนอกของเขา!
“เจ้าเด็กโง่!” ร่างเล็กอ่อนแรงสู่อ้อมกอด เลือดสีแดงฉานล้นทะลักอาบกาย และมันค่อยๆ อาบย้อมเขาไปด้วย ชายหนุ่มเบิกตาโพลง คำรามลั่น ตระกองกอดร่างเล็กราวกับกลัวว่าการขยับไหวสักนิดจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่หารู้ไม่ว่าอีกเจ้าของเรือนผมสีทองไม่รับรู้ซึ่งสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว เปลือกตาปิดสนิท ทิ้งหยดน้ำตาหยาดสุดท้าย ลมหายใจจางหาย เหลือไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ
ร่างอสูรอัปลักษณ์กลับคืนสู่มนุษย์ผู้เดียวดาย...เสียงคำรามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น
ชายผู้ได้รับผลกรรมอย่างสาสมแลกกับหนึ่งชีวิตผู้เสียสละ
...เจ็บปวด เหมือนจะขาดใจ
ทอมลืมตามองความมืดสนิทภายในอพาร์ทเม้นท์ของเขา ฝันเลือนรางติดตรึงในห้วงความคิด กริชที่ปักลงกลางอกนั่นสร้างความทรมานเสมือนเกิดขึ้นจริง หากในห้วงเวลานี้ อาการป่วยกะทันหันค่อยๆ เล่นงานเจ้าหน้าที่หนุ่มทีละน้อย เขาไม่อยากขยับกายลุกจากเตียงแม้ลำคอจะแห้งผากกระหายน้ำสักแค่ไหน ความร้อนระอุจากพิษไข้น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง
“ดื่มน้ำหน่อยไหม?”
“?” เพราะกำลังสะลึมสะลือถึงได้ไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ กัน ทอมพลิกกายมายังอีกฝั่ง กะพริบตามองภาพสุดแสนจะเหลือเชื่อ... แจ็ค ลาวเดนเผยยิ้มบางขณะถือแก้วน้ำเปล่าส่งให้เขา ทอมเบิกตากว้างพลางหยัดตัวลุกขึ้นนั่งเร็วพลัน ผลของการตกใจครั้งนี้ทำให้เขาโลกหมุนยิ่งกว่าเก่า
“คุณเข้ามาได้ยังไง” เจ้าของห้องถามละล่ำละลัก แต่ผู้บุกรุกกลับโคลงศีรษะเล็กน้อย
“คุณไม่ล็อกประตูห้อง มันอันตรายนะ ดีที่คนที่เข้ามาเป็นผม”
คุณนั่นแหละตัวอันตราย! ทอมนึกสบถในใจขณะขยับกายกระถดหนีชายหนุ่มจนแผ่นหลังติดกับหัวเตียง และเพราะท่าทางตื่นตกใจคล้ายลูกนกตกรังแบบนั้นจึงเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากทายาทลาวเดน เขาตวัดดวงตามองนิดพลางเฉมองไปนอกหน้าต่าง บัดนี้บรรยากาศตกหัวค่ำ ทอมหลับยาวตั้งแต่บ่ายเพราะความเหนื่อยล้าสะสม...ส่วนสาเหตุก็ดันมานั่งอยู่บนเตียงเขาอีกจนได้
“ดื่มน้ำเถอะ คุณดูไม่ค่อยสดชื่น” คนตัวโตยังคงพยายามยื่นแก้วน้ำให้เขา เจ้าของเรือนผมสีทองย่นจมูกนิด “ผมไม่ใส่ยาพิษหรอก เชื่อสิ”
“ขอบคุณ” เพราะถูกคะยั้นคะยอไม่เลิก เขายอมรับแก้วน้ำมาแต่โดยดี หนำซ้ำสายตาคมยังมองนิ่งเหมือนสั่งให้เขาดื่มน้ำกลายๆ ทอมจึงคร้านจะรั้นต่อ
“ขอโทษที ขอวัดไข้หน่อย” จู่ๆ ฝ่ามือหนากลับเอื้อมมาวางทับที่หน้าผาก เจ้าหน้าที่หนุ่มตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาสีฟ้าเบิกค้าง เขาทวนถามตนเองว่าตกลงนี่คือความฝันหรือความจริง กระทั่งคำตอบมันชัดเจนดีอยู่แล้วว่าสถานการณ์ที่กำลังดำเนินขณะนี้คือความจริงแสนตลกร้าย เขามีเซ็กซ์กับผู้ชายคนนี้จนนอนซมเพราะพิษไข้ ชายหนุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทอมรับผิดชอบ เป็นคนในความฝัน และอาจเป็นอสูรต้องสาปตามตำนานที่ใครต่อใครเคยโจษขาน
“นี่...ผมถามอะไรหน่อยสิ” ทอมพยายามรวบรวมสติ อีกครั้งที่เขาถูกแจ็คสบตาราวกับไม่อาจปิดซ่อนความคิดสิ่งใดได้ หรือเพราะหมอนี่รู้แจ้งทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด ทอมเกินจะคาด ชายหนุ่มพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาต นั่นทำให้เขาไม่รอช้า “คุณเคยฝันเห็นภาพแปลกๆ ไหม?”
“ที่คุณว่าแปลก...มันแปลกยังไงล่ะ” เสียงทุ้มย้อนถาม ทอมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ หน้าร้อนผ่าวครั้นนึกถึงภาพเคลื่อนไหวเด่นชัดในความฝันหนก่อน
“แบบว่าคุณแต่งตัวแปลกๆ เหมือนคนสมัยก่อนอะไรประมาณนั้น” ทอมละรายละเอียดบางอย่างและจงใจไม่พูดถึง ทว่าเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดนกลับหลุดรอยยิ้มพิกล
“คุณเคยฝันเห็นผมอย่างนั้นหรือ เจ้าหน้าที่คาร์นีย์”
“ก็เขาหน้าเหมือนคุณ” ทอมถอนหายใจ อึดอัดเต็มทนหากแสร้งเฉไฉต่อไปเพราะท้ายที่สุดดูเหมือนแจ็คต่างหากที่กำลังสอบสวนเขา
“อันที่จริง...ผมฝันเห็นคนในภาพเขียนที่คฤหาสน์น่ะ คุณคงเคยเห็นภาพนั้นแล้ว”
“อ๋อ...ภาพเขียนที่มันขาดหายตรงใบหน้าของเด็กผมทองในรูปไปพอดีน่ะหรอ”
“ใช่” ลาวเดนหนุ่มรับคำ อีกครั้งที่ฝ่ามือหนาเอื้อมมาใกล้ แต่คราวนี้ทอมไม่ได้กระเถิบตัวหนี เขายินยอมให้แจ็คแตะฝ่ามือลงที่ข้างแก้ม เรียวนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไล้ริมฝีปากสีอ่อน “เหลือเชื่อสำหรับผมนะ เพราะเด็กในรูปนั่น...หน้าเหมือนคุณ”
ทอมควรจะคิดว่าหมอนี่อาจกำลังแต่งเรื่องโกหกเขาอยู่ก็ได้... แต่เพราะความฝันบ้าๆ นั่นมันทับซ้อนภาพเหตุการณ์ระหว่างพวกเขาเสมอ ครั้นคิดว่าเรื่องนี้ไร้สาระ เจ้าหน้าที่หนุ่มก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนัก
“เมื่อกี้ผมฝันเห็นภาพบางอย่างอีก และผมไม่แน่ใจว่ามันจริงแค่ไหน” ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบที่พื้นที่ระหว่างพวกเขาแคบลงเรื่อยๆ ความร้อนจากพิษไข้ผสมปนเปไปกับความรู้สึกบางอย่าง มันแล่นพล่านในกระแสเลือดยามพวกเขาอยู่ใกล้กันและยากจะต้านทาน ทอมเกลียดตัวเองเสียเหลือเกินที่เขาดูท่าจะแพ้ภัยตัวเองซ้ำสอง
“คุณฝันเห็นอะไร?” คนที่กำลังโดนพิษไข้เล่นงานผ่อนลมหายใจเมื่อชายหนุ่มโอบแขนไปตามแผ่นหลังของเขา ดวงตาสีฟ้าชวนมองหลอกล่อให้ติดกับอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเป็น...อ-” น้ำเสียงกระซิบกลืนหายเหลือเพียงรสจูบเคล้าไปด้วยกลิ่นชาจางๆ เนิ่นนานและอ่อนละมุนไม่เหมือนครั้งก่อนซึ่งเต็มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ขับดัน ร่างเล็กไม่อาจใช้เรี่ยวแรงที่ไหนขัดขืน เขาเองต่างหากที่เปิดโอกาสให้ทายาทลาวเดนรุกคืบเข้าสู่ห้วงอารมณ์เปราะบาง รูปหน้าคมผละออกอ้อยอิ่ง ทิ้งลมหายใจอุ่นๆ ให้เขาปั่นป่วนจนนึกอยากจะวอนขอจูบอีกสักหน
“พักผ่อนเถอะ... ผมต้องไปแล้ว อย่าลืมทานมื้อเย็นล่ะ” ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียง พยักพเยิดสายตาไปยังกล่องอาหารที่ว่างอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจาก แจ็คโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมนทิ้งท้ายเสียดื้อๆ ประตูห้องปิดลง แต่เจ้าหน้าที่หนุ่มต่างหากที่แทบอยู่ไม่เป็นสุข ทั้งอารมณ์สับสน ทั้งอาการจากพิษไข้คงทำให้เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
หากแจ็ค ลาวเดนกำลังเล่นแง่ต่อจิตใจเขา... หมากกระดานนี้ ทอมคงแพ้ราบคาบ
รถสปอร์ตหรูเคลื่อนออกจากหน้าตึกอพาร์ทเม้นท์...หน้าต่างห้องพักเลื่อนเปิด ผ้าม่านบิดพลิ้ว กระนั้นก็เผยให้เห็นว่าหนุ่มผมทองหลบอยู่เบื้องหลังเพื่อทอดสายตามองยานพาหนะมุ่งจากไปจนลับตา...ภาพดังกล่าวอยู่ในสายตาของเขาทุกวินาที
เขาใคร่ครวญดีแล้วว่าเหยื่อรายต่อไปควรจะเป็นใคร...
เตียงนอนกว้างขวางคับแคบลงเสมอเมื่อเจ้าสุนัขหมาป่าตัวโตกระโดดแผล็วขึ้นมานอนซุกตัวอยู่ข้างๆ ออดอ้อนเสียจนอีกนิดจะพาตัวเองขึ้นมานอนบนตัวเขาอยู่รอมร่อ อนายรินถอนหายใจขณะนึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวแสบไม่ใช่สุนัขหมาป่าไร้เดียงสาเช่นตอนเป็นลูกสุนัขตัวกระเปี๊ยกที่เขาเก็บมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน
“แบร์รี่...” พลันร่างเด็กหนุ่มปรากฏแทนที่ ศีรษะทุยแนบอยู่บนอกของเขา อนายรินลูบฝ่ามือไปตามเส้นผมสีดำขลับ
“คุณดูไม่ค่อยสบายนะครับ” เป็นฝ่ายคนอ่อนวัยกว่าที่เอ่ยถามขึ้น แม้อนายรินจะพยายามซ่อนอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ สักเท่าไหร่ มันกลับไม่รอดพ้นสายตาจับสังเกตของแบร์รี่เลยสักครั้ง เขาทราบดีว่านี่เป็นผลข้างเคียงของคำสาป... ว่ากันว่าความโกรธแค้นชิงชังไม่เคยทำให้ใครมีความสุข นั่นคือความจริงแท้เลยทีเดียว นับวันเขายิ่งแย่ ทุกข์ระทมทั้งที่ไม่อยากยอมรับ อย่างไรก็ตาม อนายรินไม่อาจต่อสู้กับตัวตนอีกคนได้เลยสักครั้ง มิหนำซ้ำ...เธอยังทำท่าจะเผยตน แย่งชิงร่างอันเป็นของเขาโดยกำเนิดมากขึ้นทุกขณะ
“ไม่รู้สักเรื่องเกี่ยวกับฉันไม่ได้เลยหรือไง” ไม่ใช่คำพูดประชดประชัน แต่เป็นคำชื่นชมเสียมากกว่า
“ถึงห้าม...ผมก็รู้อยู่ดี” เด็กหนุ่มเผยยิ้มช่างเอาใจ เจ้าลูกหมาเริ่มทำตัวซุกซน สอดมือกอดเอว หยอกเย้าผิวพรรณผ่านเสื้อนอนตัวบาง แสร้งทำตัวช่างออเซาะทั้งที่อิริยาบถดังกล่าวเริ่มจะไม่ปลอดภัยสำหรับอนายริน ไม่วายต้องเอ่ยปรามร่ำไป
“เลิกหยุกหยิกแล้วนอนเถอะหน่าแบร์รี่ ก่อนที่ฉันจะทำให้นายกลับไปเป็นลูกหมานอนที่พื้นพรมเหมือนเดิม”
“ก็ได้ๆ” สุดท้ายคนโดนดุจึงเอนกายนอนลงข้างๆ เก็บมือเก็บแขนไว้กับตัวเอง ขยิบตายียวนว่าคืนนี้จะไม่ข้ามเส้นระหว่างกึ่งกลางเตียง “ทำไมวันนี้โหดจังเลยครับ”
“ตามใจมากไป เดี๋ยวจะเคยตัว” เรียวนิ้วเอื้อมไปคีบปลายจมูกโด่ง ทั้งนึกเอ็นดูทั้งนึกหมั่นไส้ ร่างโปร่งพลิกตัวกลับไปปิดโคมไฟหัวเตียง หากแต่เงาสะท้อนบนผนังห้องที่ควรจะเป็นเงาของเขากลับเป็นเงาของเธอเสียแทน... อนายรินชะงัก พลางเสียงแว่วกระซิบภายในโสตประสาทคล้ายกำลังหัวเราะเยาะด้วยอารมณ์ขมขื่นอย่างไม่สามารถอธิบายได้
‘อย่าให้อภัยมัน ตราบใดที่ตระกูลลาวเดนเคยกระทำสิ่งเลวทรามไว้กับเรา’
‘ไม่...นั่นแค่คุณ ไม่ใช่ผม’ อนายรินพยายามโต้ตอบเธอ แม้เธอไม่เคยรับฟังคำขอร้องจากเขามาตั้งแต่อาศัยร่างนี้ดำรงชีพอมตะ
‘อย่าริจองหองกับฉัน...อนายริน’ เธอขู่เขาเสียงเย็นเฉียบ ภาพในอดีตไหลย้อนเตือนความทรงจำ วันที่เขาไว้อาลัยในงานศพของผู้เป็นแม่... วันที่เธอปรากฏกายต่อหน้าเขาครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นวันที่อิสรภาพของอนายริน บาร์นาร์ดถูกช่วงชิง
‘...’
‘หรือแกอยากจะให้เจ้าหมาสกปรกนั่น...ตายอย่างทรมาน’
‘...อย่ายุ่งกับแบร์รี่ คุณให้สิทธิผมในการสร้างเขาขึ้นมาแล้วนี่ อย่าผิดสัญญา’
‘สัญญาที่แกให้ต่อฉันก็เช่นกัน’ สิ้นเสียงโกรธขึ้ง เธอหายไปแล้ว... หายกลับเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขา สรรพสิ่งเงียบเชียบ ในความสงบเต็มไปด้วยความว้าวุ่น สับสนจนยากจะปล่อยวาง
หากคำสาปลาวเดนจองจำชายหนุ่มไว้ภายใต้รูปร่างอสูรอัปลักษณ์ อนายรินเองคงไม่ต่างกันนัก
สักวัน...เขาต้องเป็นอิสระ
TBC
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in