Heaven in Hiding
Jack L. & Tom GC.
Part 1.
บนโลกนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายรอการพิสูจน์ ไม่ว่าจะพิสูจน์ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือแม้แต่ด้วยความเชื่อเหนือธรรมชาติ...
Scotland , 2018
กลิ่นอับชื้นในอากาศอบอวลทั่วบริเวณโถงคฤหาสน์ เหตุเพราะมันร้างผู้อาศัยมาหลายปี ถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางหุบเขาและต้นสนหนาทึบ ว่ากันว่าคำสาปประจำตระกูลลาวเดนทำให้ลูกหลานหลบลี้หนีหน้าและไม่อยากจะเข้ามาข้องแวะกับตาเฒ่าผู้เป็นเจ้าของโดยชอบธรรม เขาสิ้นใจด้วยโรคปริศนา จากนั้นคฤหาสน์หลังโตอันเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งของเศรษฐีแห่งสก็อตแลนด์จึงกลายเป็นแค่ที่หลบอาศัยของคนจรจัดหรือแม้กระทั่งสัตว์น้อยใหญ่
จบจวน ณ เวลานี้ ทายาทรุ่นที่สิบยืนอยู่กลางโถงคฤหาสน์ ในมือถือเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ตกทอดมายังบิดาของเขา ทว่าบิดาเลือกที่จะเฉยชาต่อทรัพย์สินคร่ำครึ
แจ็ค ลาวเดนจึงกลายเป็นผู้รับมรดกไปโดยปริยาย ความตั้งใจแรกของชายหนุ่ม เขาเพียงแค่อยากเดินทางมาชื่นชมคฤหาสน์หลังนี้ด้วยตาตนเอง นักธุรกิจเช่นเขามีแผนการตลาดนับร้อยในสมอง หนึ่งในนั้นคือการซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงมันให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือไม่ก็บ้านพักตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก
ด้วยเรื่องเล่าขานตำนานต่างๆ จะยิ่งทำให้ที่แห่งนี้น่าสนใจและง่ายต่อการประชาสัมพันธ์เพราะผู้คนส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบเรื่องลึกลับ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนขณะเขาเดินสำรวจไปรอบบริเวณ บันไดเวียนตรงหน้าชวนเชิญผู้มาเยือน แจ็คไม่ใช่คนขวัญอ่อน เขาไม่เคยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ดังนั้นแม้บรรยากาศจะเงียบเชียบและวังเวงเท่าใด เขาก็ยังใช้กล้องถ่ายรูปเก็บรายละเอียดต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเขาเดินมาถึงชั้นสอง พรมสีหม่นที่เมื่อก่อนอาจเป็นสีแดงเลือดหมูทอดยาวตลอดทางเดิน มันบรรจบลงที่ผนังด้านหนึ่งซึ่งมีกรอบรูปเอียงกระเท่เร่ประดับอยู่ ภาพเขียนสีน้ำมันจะสวยงามกว่านี้แน่หากมันไม่มีรอยขาดบริเวณใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองในภาพเขียน แจ็คพินิจมองรูปนั้นอยู่นาน รอยขาดไม่ใช่รอยที่เกิดจากการฉีกทึ้งแต่มันกลับเป็นรอยคล้ายกรงเล็บของสัตว์ขนาดใหญ่
แจ็คจัดกรอบรูปให้ตรงตำแหน่งตามที่มันควรจะเป็น ไล้ปลายนิ้วไปตามรอยขาด...
จะเป็นอย่างไรหากภาพเขียนนี้ยังคงสภาพตามเดิม ใบหน้าของเด็กผมทองจะงดงามเท่ารูปร่างอรชรที่มีเพียงผืนผ้าแพรคลุมกายหรือไม่
“คงขายได้ราคาดี...” เขาพึมพำ แจ็คไม่ใช่คนที่ชอบดื่มด่ำกับงานศิลปะนัก แต่ภาพเขียนเด็กผมทองคงมีมูลค่ามากโขถ้ามันมาจากคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยตำนานคำสาปแห่งนี้ ไว้หากเขาบูรณะคฤหาสน์เสร็จสิ้นและมีเวลากับการจัดระเบียบข้าวของต่างๆ ผลงานชิ้นนี้จะถูกส่งต่อไปดูแลเพื่อเตรียมประมูลสู่ตลาดอย่างแน่นอน
เขายกกล้องขึ้นเพื่อโฟกัสภาพเขียน...ทว่า
สายลมหนาวยะเยือกที่พัดผ่านร่างเพียงชั่ววินาทีทำเอาแจ็คขนลุกเกรียวอย่างเสียไม่ได้ พลันโทรศัพท์มือถือของเขามีสายเรียกเข้า เป็นแฟนสาวที่คบกันมาเรื่อยเปื่อยนั่นเอง
“ว่าไงครับ...” แจ็ครับสาย ได้ยินเสียงเธอบ่นกระเง้ากระงอดเรื่องที่เขาเดินทางมาสก็อตแลนด์โดยไม่บอกกล่าว เขาตอบรับคำเธอแต่พอเป็นมารยาทว่าการเดินทางครั้งนี้มาด้วยเรื่องงานและไม่ใช่ทริปท่องเที่ยว ชายหนุ่มแช่โทรศัพท์ค้างไว้ข้างใบหู ฟังเสียงของเธอที่ออดอ้อนให้เขารีบๆ กลับลอนดอนโดยที่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกยินดีแต่อย่างใด
น่าเบื่อหน่าย คงเป็นคำจำกัดความระหว่างเขาและเธอ
หลังจากเธอวางสายไป ชายหนุ่มยังคงเดินเตร่ไปทั่วคฤหาสน์ แสงจากเบื้องนอกค่อยๆ มืดลงเพราะอาทิตย์ใกล้จะอัสดง บานหน้าต่างขนาดใหญ่ตรงส่วนห้องหนังสือเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์รอบตัวคฤหาสน์ สำหรับแจ็ค ลาวเดน เขามองว่าสถานที่แห่งนี้กำลังจะเป็นขุมทรัพย์และในอนาคตมันคือกำไรมหาศาล น่าเสียดายแทนคนตระกูลลาวเดนหลายคนที่มัวแต่เชื่อคำสาปไร้สาระและปล่อยให้มันถูกทิ้งร้างเช่นนี้
‘กลับมาแล้วหรือ...’ เรียวคิ้วขมวดฉับ...เสียงเบาหวิวคล้ายสายลมแทรกผ่านโสตประสาท ดวงตาสีฟ้าจัดกวาดมองไปโดยรอบ ซึ่งแน่อยู่แล้วว่าไม่มีใคร นอกเสียจากเขา
หูแว่ว... ชายหนุ่มคิด พลางก้าวถอยออกจากห้องหนังสือ ร่างสูงเดินไปตามโถงทางเดินชั้นสอง ไม่วายจะหยุดยืนอยู่หน้าภาพเขียนเด็กหนุ่มผมทองอีกครั้ง เหตุใดภาพนี้ถึงได้ดูเชิญชวนเขานัก ทั้งที่มันเก่าและไม่สมบูรณ์เอาเสียเลย
เขาเอื้อมมือไปแตะสัมผัสรอยขาดวิ่นจากกรงเล็บสัตว์ แต่หนนี้มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แจ็ครู้สึกราวกับภาพในหัวสมองของเขาปะปนไปด้วยภาพเหตุการณ์อื่นที่ไม่เคยพบเจอ เสียงกรีดร้อง คำราม และเจ็บปวด
ใช่ เขาเจ็บปวด...ขมับปวดหนึบราวกับมีใครสักคนตั้งใจบีบศีรษะของเขาอย่างทารุณ ร่างกายก็เช่นกัน มันร้อนระอุไม่ต่างจากการโดนไฟแผดเผา เขาทรงตัวไม่อยู่ พยายามคลำหาหลักยึด หากแต่ไม่เป็นผล ร่างสูงล้มลงกับพื้น กายบิดเร้าเพราะความทรมานที่จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว อีกครั้งที่โสตประสาทได้ยินซุ่มเสียงจากที่ใดสักแห่ง
‘จงทรมานอย่างที่ข้าเคยได้รับ ตระกูลต้องสาปจะยังคงอยู่ ตราบใดที่ยังมีผู้สืบทอด จงทรมานด้วยร่างอัปลักษณ์ และจงเผชิญกับความทุกข์ระทมเฉกเช่นที่บรรพบุรุษผู้เหี้ยมโหดได้กระทำต่อผู้อื่น...’ “สวัสดีค่ะ...” หญิงวัยกลางคนเอ่ยทักทายผู้เช่ารายใหม่ของหล่อน ตึกอพาร์ทเม้นท์กลางเก่ากลางใหม่ราคาเหมาะสมต้อนรับชายหนุ่มเรือนผมสีทอง ร่างสันทัดนั้นดูไม่เหมือนกับเจ้าหน้าที่พิเศษเพราะเขานั้นมุ่งทำคดีแต่เพียงในสำนักงานเสียส่วนใหญ่ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทอม กลินน์ คาร์นีย์ได้รับมอบหมายให้เดินทางมายังสก็อตแลนด์เพื่อสืบคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองซึ่งโอบอ้อมไปด้วยภูเขา ความจริงเพราะเจ้าหน้าที่คนก่อนหน้าไม่สามารถหาหลักฐานได้เพิ่มเติมกระมัง ผู้ทำหน้าที่สืบคดีนี้จึงผลัดหน้ามาเรื่อยๆ เขาเองเป็นรายล่าสุด...
นี่เป็นวันแรกที่เขาเดินทางมาถึง... และมันเพิ่งจะเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเป็นรายที่สี่ แรกทีเดียวทอมค่อนข้างคิดหนักเมื่อตนเป็นคนเอ่ยปากรับทำคดีนี้เอง แต่ทอมเบื่อหน่ายชีวิตในสำนักงานเกินกว่าจะนั่งอุดอู้ต่อไป นี่คงน่าจะเป็นภารกิจสำคัญในชีวิตการงานที่พอจะทำให้เขาไม่ลาออกไปนอนเล่นให้พ่อแม่บ่นอย่างที่เคยตั้งใจไว้เมื่อตอนต้นปี
ทอมเพียงแค่เก็บของที่อพาร์ทเม้นท์ เขาไม่พักผ่อนแต่เลือกจะเดินทางไปพบตำรวจท้องถิ่นที่รับผิดชอบคดีนี้เป็นอันดับแรก
“เหยื่อทุกรายมีบาดแผลคล้ายกับกรงเล็บสัตว์ขนาดใหญ่ และศพดูไม่ได้เกือบจะทุกราย” สารวัตรดาร์ซี่อธิบายขณะวางแฟ้มคดีทั้งหมดลงตรงหน้าทอม เจ้าหน้าที่หนุ่มพลิกแฟ้มเปิดอ่านข้อมูลเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นชื่อของเหยื่อ อายุ เพศ สถานที่เกิดเหตุ และรูปภาพของสภาพศพ
จริงอย่างที่สารวัตรดาร์ซี่บอกเขา เหยื่อทุกรายมีบาดแผลเหวอะหวะราวกับถูกกรงเล็บสัตว์ทำร้ายจนสิ้นใจ ทว่าจากข้อมูลผลการชันสูตรกลับให้เหตุผลการเสียชีวิตว่า
หัวใจวายจากการเสพยาเกินขนาด “นั่นก็แสดงว่าเหยื่อเสียชีวิตก่อนที่ร่างของพวกเขาจะถูกกรงเล็บสัตว์ทำลายศพ ใช่ไหมครับ?”
“ใช่... เหมือนคนร้ายอยากจะอำพรางคดี เขาอาจปล่อยให้สัตว์ขนาดใหญ่ได้ทำลายศพเพื่อความสะใจมากกว่า” สารวัตรดาร์ซี่อธิบายเพิ่มเติม “แต่คุณเชื่อไหมว่าเหยื่อทุกรายเป็นคนงานในบ้านของตระกูลลาวเดนทั้งสิ้น”
“ครับ? ตระกูลลาวเดน?”
“แจ็ค ลาวเดน” รูปถ่ายของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมเลื่อนมาตรงหน้าทอม
“คุณจะบอกว่าเขาเป็นฆาตกรหรือ?” ทอมเอ่ยถามหากแต่สารวัตรดาร์ซี่ส่ายหน้า
“แค่อาจจะ...ทุกครั้งที่มีคดีเกิดขึ้น เขาไม่เคยอยู่ที่สก็อตแลนด์ หมายถึงไม่เคยมีใครพบเขาที่คฤหาสน์น่ะ เขาอ้างว่าตนเป็นนักธุรกิจเดินทางไปมาระหว่างลอนดอนกับที่นี่เสมอ คฤหาสน์ที่กำลังปรับปรุงก็เพื่อเตรียมเป็นบ้านพักตากอากาศของนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก แต่มันอาจกลายเป็นบ้านผีสิงแทนถ้ายังมีคนงานตายเกลื่อนไม่หยุดหย่อนแบบนี้”
ทอมพยักหน้ารับฟังข้อมูลจากสารวัตรดาร์ซี่ ท่าทางคดีนี้คงไม่จบลงง่ายๆ หากพวกเขาไม่สืบหาไปถึงคนร้ายตัวจริงและจับมันเข้าคุก เจ้าหน้าที่หนุ่มหยิบรูปถ่ายเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดนขึ้นมาพิจารณา ทอมพบว่านัยน์ตาสีฟ้าหม่นของชายหนุ่มช่างน่าค้นหาและอาจ...ปิดซ่อนความลับบางอย่าง
“ผมอยากไปพบเขา”
“ได้สิ แต่เขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนที่นี่เท่าไหร่หรอก”
“ก็นะ ผมมาเพื่อสืบคดีที่เกี่ยวข้องกับเขา ฉะนั้นมันจำเป็นต้องไปพบเขาน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายเลยเจ้าหน้าที่คาร์นีย์”
ทอมต้องเช่ารถยนต์เพื่อใช้สำหรับการทำงานที่นี่ เขากำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลลาวเดน อยู่ห่างจากบ้านเรือนในตัวเมืองไกลทีเดียว ความจริงคงต้องบอกว่ามันตั้งเด่นสง่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวและปราศจากคนรบกวนน่าจะเข้าเค้ากว่า ตลอดสองข้างทางนั้นมีแต่ต้นสนขนาดใหญ่เรียงรายทอดยาวไปถึงทางเข้า ทอมเลี้ยวรถผ่านรั้วอิฐเข้าไปยังบริเวณคฤหาสน์ จอดเทียบท่าขณะมองสำรวจคนงานที่ยังคงทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
“ขอโทษนะครับ ผมมาพบมิสเตอร์ลาวเดน” เขากล่าวกับคนงานคนหนึ่งที่กำลังขุดพรวนดินตรงสวน โดยไม่ลืมที่จะแสดงบัตรเจ้าหน้าที่พิเศษ ชายคนนั้นเพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ ทอมคิดว่านั่นน่าจะเป็นคำอนุญาตกลายๆ ตนถึงได้เดินเข้าไปยังประตูคฤหาสน์ซึ่งเปิดต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว ขณะเดียวกับที่แม่บ้านวัยชราเดินเนิบช้าตรงมายังเขา
“ยินดีต้อนรับ...” ทอมนิ่งไปเพราะเธอกล่าวต้อนรับเขาด้วยน้ำเสียงแสนราบเรียบจนเกือบจะเยือกเย็นเสียมากกว่า กระนั้นทอมก็ยังคิดว่านี่อาจเป็นการสร้างมิตรวิธีหนึ่งของคนตระกูลลาวเดน
“อ่าครับ ผมเจ้าหน้าที่คาร์นีย์ อยากจะมาขอพบมิสเตอร์ลาวเดนเพื่อสอบถามเรื่องคดีที่เกิดขึ้นน่ะครับ” หญิงชรายกมุมปากขึ้นนิดก่อนจะหันหลังเดินไปโดยที่ทอมคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นการเดินนำทางไปหาเจ้าของคฤหาสน์
ระหว่างทางนั้นอดไม่ได้ที่เขาจะกวาดสายตาไปโดยรอบ ตัวคฤหาสน์โอ่อ่าและผ่านการปรับปรุงมาประมาณหนึ่ง สถาปัตยกรรมจัดว่าสวยงามคล้ายกับคฤหาสน์ผู้ดีเก่า เขาเดินตามแม่บ้านขึ้นบันไดเวียนสู่ชั้นสอง พรมสีแดงเลือดหมูทอดยาว ผนังตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลวดลายดงดอกไม้ป่า ทุกอย่างดูร่วมสมัยเว้นเสียแต่...ภาพเขียนสีน้ำมันตรงสุดทางเดิน ทอมมองมันไม่ถนัดนักเพราะอยู่ไกลจากสายตาเกินไปและเขาก็จำต้องเลี้ยวเข้าห้องๆ หนึ่งเสียก่อน
หญิงชราส่งเขาที่หน้าประตูก่อนจะเดินจากไป เหลือเพียงเขาและ... คนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์
ชายในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทนั่งพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่างบานใหญ่ขณะก้มหน้าอ่านเอกสารบางอย่างในมือ สีหน้าเขาค่อนข้างเคร่งเครียดแม้จะมองจากระยะไกล ทอมกระแอมเล็กน้อย นั่นทำให้มิสเตอร์ลาวเดนรู้ถึงการมาเยือนของเขา ดวงตาสีฟ้าจ้องตรงมาราวกับอยากจะถามว่าทอมเป็นใคร และเข้ามาได้อย่างไร
“สวัสดีครับ มิสเตอร์ลาวเดน ผมเจ้าหน้าที่คาร์นีย์...”
“ถ้ามาถามเรื่องคดีบ้าบอนั่น ผมบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว กลับไปซะ” ไม่ทันที่เขาจะได้แนะนำตัวให้จบประโยคด้วยซ้ำ ชายหนุ่มผู้นั้นก็ตอบกลับเขาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ทอมเม้มริมฝีปากและพยายามตั้งสติเรียบเรียงคำพูดเสียใหม่
“ครับ ผมทราบดี เพียงแต่ผมแค่อยากถามคุณเพิ่มเติมเท่านั้น”
“ผมคิดว่าผมเสียเวลามานั่งตอบคำถามที่พยายามชี้ว่าผมเป็นฆาตกรไปหมดแล้ว และผมมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำตอบของใครอีก” เสียงของแจ็ค ลาวเดนเข้มและแฝงโทสะ ทอมทำได้เพียงถอนหายใจพลางมองดวงตาที่ฉาบแววมีน้ำโห ให้ตายสิ... ทอมนึกสบถ เขายังไม่ทันได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำแต่กลับถูกไล่ตะเพิดราวกับเขาทำผิดหนักหนา
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ไว้ผมจะมาใหม่เมื่อคุณหายโมโห”
ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเอาตัวไปขวางน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ทอมโคลงศีรษะรับสถานการณ์เบื้องหน้าเป็นเชิงยอมรับว่าวันนี้เขายอมแพ้ เจ้าหน้าที่หนุ่มกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้องหนังสือทว่ามือของใครอีกคนกลับเอื้อมมารั้งแขนเขาไว้ ทอมตกใจแต่รู้ว่านี่ไม่ใช่สัญญาณอันตราย เขาจึงหยุดฝีเท้าเพื่อหันกลับไปเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ลาวเดนอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้ทอมประหลาดใจกลับเป็นท่าทีที่ชายหนุ่มมีต่อเขา จู่ๆ มือหนาที่รั้งแขนเอาไว้กลับเลื่อนขึ้นมาแตะลงตรงข้างแก้มก่อนจะเลื่อนขึ้นไล้ข้อนิ้วไปตามเส้นผมสีสว่างของเขาเอง ทอมนิ่งชะงัก อีกทั้งยังงุนงงต่อการกระทำดังกล่าว แววตาที่เมื่อครู่ยังวาวโรจน์แท้ๆ บัดนี้ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นคุณ...” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา
“ครับ?” ทอมไม่ค่อยจะเข้าใจสถานการณ์นักจึงขยับตัวหนีเล็กน้อยเมื่อพบว่าชายหนุ่มเข้ามาใกล้ชิดมากเกินไป เพียงชั่ววินาทีถัดมาเจ้าของคฤหาสน์จึงรู้ตัวและละมือออกจากเขาแต่โดยดี
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณอยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะ” ไม่น่าเชื่อ...แจ็ค ลาวเดนเอ่ยบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม ทอมจับต้นชนปลายไม่ถูกกระนั้นเขาก็ไวพอจะเดินตามไปนั่งตรงริมขอบหน้าต่างเยื้องกับตำแหน่งที่แจ็คนั่งอยู่ก่อนหน้า ทอมสูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติให้กลับมาจดจ่อกับงานที่เขาได้รับมอบหมาย
“จากข้อมูลในคดีบอกว่าคุณเดินทางไปมาระหว่างลอนดอนและสก็อตแลนด์เสมอ ผมแค่อยากทราบความถี่และเหตุผลที่คุณเดินทางในช่วงที่เกิดคดี”
“ผมดูแลธุรกิจให้พ่อที่ลอนดอนด้วย ผมเดินทางมาที่นี่เพื่อพักผ่อนและดูความคืบหน้าของคฤหาสน์ที่กำลังปรับปรุง ถามว่าถี่แค่ไหน...ผมเดินทางกลับทุกสัปดาห์เป็นเรื่องปกติ”
“คุณมีเรื่องขัดแย้งกับใครหรือเปล่าล่ะ?” คนถูกถามเลิกคิ้ว
“แน่นอนว่ามี... มีมากทีเดียว” ทอมเห็นด้วยโดยไม่ขัดข้อง เพราะสังเกตจากแววตาและท่าทางของแจ็ค ลาวเดน เขาดูเป็นคนหยิ่งทะนงพอตัว ไม่แปลกหากจะถูกใครเกลียดขี้หน้าเข้า ยิ่งหากชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจด้วยแล้วย่อมเป็นที่หมายหัวในบางเรื่องเป็นธรรมดา
“คุณสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้ไหมครับว่าใครเป็นฆาตกร”
“ผมไม่รู้หรอก ให้พูดตามความจริง ผมก็คงจะบอกว่าคนงานพวกนั้นน่ะซวยใช้ได้ที่ต้องมาทำงานกับผม” เรียวปากที่ยกมุมขึ้นเหมือนยิ้มเยาะทำให้ทอมนิ่งไป เขาไม่รู้ว่าแจ็คพูดมันออกมาด้วยอารมณ์ไหนกันแน่ แต่สิ่งที่ทอมพยายามลอบสังเกตคือมือหนาที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน มันแสดงถึงอาการกดข่มโทสะและมันอาจระเบิดในไม่ช้าเมื่อถูกเร่งปฏิกิริยา
“ผมว่า...วันนี้ผมหมดคำถามแล้ว ยังไงก็ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ มิสเตอร์ลาวเดน” ทอมลุกขึ้นพร้อมกล่าวคำลาและไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต เขาก้าวขาไวๆ ออกจากห้องหนังสือ ก่อนจะลงบันไดทอมยังไม่อาจละสายตาไปจากภาพเขียนสีน้ำมันตรงสุดทางเดิน น่าโมโหที่ขาสองข้างของเขาเดินตรงไปยังภาพนั้นราวกับถูกคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ภาพเขียนสีน้ำมันประดับงดงามอยู่ภายในกรอบ รูปร่างอรชรและผ้าแพรที่ปกปิดร่างทว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองในภาพขาดหายไปเพียงเพราะรอยขาดวิ่นคล้ายกรงเล็บสัตว์
มันจะสวยสักครั้งไหนหากมันปราศจากรอยกรงเล็บนั้น
‘ไปให้ไกล...จากอสูรร้าย’เสียงแว่วหวีดหวิวในสายลมแผ่วในโสตประสาท ทอมเบิกตากว้างเมื่อพบว่าจู่ๆ เขาได้ยินเสียงที่ไม่ทราบที่มา โดยไม่นึกตรึกตรองให้มาก เจ้าหน้าที่หนุ่มสาวเท้าลงบันไดเพื่อออกจากคฤหาสน์หลังโตให้เร็วที่สุด
เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าสก็อตแลนด์เป็นสุดยอดดินแดนผีดุ แต่เขาเองก็ไม่อยากเจอด้วยตนเองหรอกนะ!
TBC
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in