เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LizladaficLizlada
[OS] Sweetest Thing | Jack L. & Tom GC.




  • ชายหนุ่มเดินทางมาที่โบสถ์ทุกวัน เขาจะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายรับกับกางเกงขายาวสีดำสนิท ร่างสูงใหญ่นั้นดูเหมือนนักธุรกิจที่งานรัดตัวจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เขาดูไม่มีเวลาว่างมากพอสำหรับที่แห่งนี้แต่ทอมกลับพบเห็นภาพดังกล่าวจนชินตา ส่วนทอมมาซ้อมเพลงที่โบสถ์เป็นประจำเนื่องจากพ่อแม่ผู้เคร่งครัดในศาสนาเฝ้าเคี่ยวเข็ญ

    ดนตรีบรรเลงขับกล่อมใครหลายคน เสียงร้องประสานช่วยให้โบสถ์อันแสนอึมครึมดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง ดวงตาสีฟ้าวอกแวกเพียงเพราะเหลือบมองเขานั่งลงตรงเก้าอี้แถวท้ายสุด เขาไม่ได้มานั่งสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า เพียงแค่นั่งหลับตานิ่งๆ ราวกับต้องการพักผ่อนเสียมากกว่า 

    “เสียงเพี้ยนแล้วนะทอม” มิสเตอร์เมอร์ฟี่มองลอดแว่นสายตาทรงเหลี่ยมเมื่อสังเกตเห็นว่าหนุ่มน้อยไม่มีสมาธิจดจ่อกับบทเพลงตรงหน้า ...ถูกดุจนได้ ทอมยิ้มเผล่ หันกลับมาสนใจสมุดเพลงในมือ ทว่าไม่วายจะลอบมองเขาคนนั้นเมื่อครูสอนร้องเพลงเผลอ

    ชั่ววินาทีหนึ่งที่พวกเขาสบตากันโดยบังเอิญ...
    จู่ๆ นัยน์ตาสีฟ้าน่าหลงใหลกลับปรือเปิดขึ้นในจังหวะที่เขาวางสายตาไปยังเจ้าตัวพอดิบพอดี นั่นทำให้โสตประสาทรอบข้างอื้ออึงไปชั่วขณะ

    “ทอม...ครูว่าเราไปพักก่อนดีกว่าไหม?” เสียงออร์แกนหยุดลงกะทันหัน ทุกสายตาของเพื่อนๆ จ้องตรงมายังเขา รวมไปถึง...ผู้ชายคนนั้นด้วย

    “ขอโทษครับ พอดีผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่” ทอมสารภาพออกไปตามตรง แน่ล่ะ...เขาไม่กล้าโกหกต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าอยู่แล้วว่าเหตุที่ตนเลื่อนลอยเช่นนี้เพราะมัวแต่เฝ้ามองชายหนุ่มปริศนา มิสเตอร์เมอร์ฟี่พยักพเยิดสายตาไปยังประตูโบสถ์เป็นนัยให้เขาออกไปทำสมาธิใหม่เสีย และหากกลับมาก็อย่าทำให้คนอื่นต้องหยุดซ้อมโดยใช่เหตุอีก 

    เจ้าของเรือนผมสีทองก้าวขาลงจากแท่นเวที สายตามองไปยังเก้าอี้แถวท้ายสุด...

    เขาหายไปไหนแล้วนะ

    เด็กหนุ่มรำพึงกับตนเอง ก้มหน้าคอตกเดินออกจากโบสถ์ราวกับหัวใจถูกชายคนนั้นฉกฉวยไปด้วย อากาศภายนอกอบอุ่น สายลมเอื่อยเฉื่อยคล้ายอารมณ์ของทอมในตอนนี้ เด็กหนุ่มพาตนเองไปยังใต้ต้นโอ๊คขนาดมหึมาซึ่งตั้งเยื้องห่างจากโบสถ์เพียงไม่เท่าไหร่ ทิ้งกายนั่งกอดเข่ามองบรรยากาศแสนน่าเบื่อ ก็นั่นแหละ ชีวิตประจำวันของทอมวนเวียนอยู่กับผู้คนไม่กี่คน สิ่งน่าสนใจไม่กี่อย่าง ถ้าหากวันใดวันหนึ่งชายคนนั้นไม่มานั่งที่เก้าอี้แถวท้ายสุด เขาจะยังอยากมาซ้อมร้องเพลงที่โบสถ์อยู่หรือเปล่า... 

    คำตอบคือ...เด็กหนุ่มคงปล่อยให้พ่อแม่พร่ำบ่นต่อไปและเขาคงเกียจคร้านเกินกว่าจะปั่นจักรยานมาที่นี่ด้วยระยะห่างจากบ้านและโบสถ์กว่า 2 ไมล์

    พรุ่งนี้ผมจะได้พบคุณอีกไหม...

    บางทีทอมก็อยากจะบอกรักพระผู้เป็นเจ้าบ่อยๆ เพราะอะไรน่ะหรือ...

    ...วันนี้ผมได้พบคุณอีกแล้ว...

    ทอมไม่อาจห้ามรอยยิ้มสุขใจของตนเองได้ครั้นพบว่าเก้าอี้แถวท้ายสุดถูกจับจองด้วยผู้ชายคนนั้นเช่นเดิม ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทอมคิดว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนช่างดูดียิ่งกว่าการใส่สูทผูกไทด์ ดนตรีหวานหูบรรเลงเคล้าเสียงร้องประสาน เขาตั้งใจซ้อมร้องเพลงกว่าเมื่อวานเพราะกลัวจะถูกดุจนโดนไล่ออกไปนอกโบสถ์อีกหน การซ้อมร้องเพลงผ่านไปด้วยดี ทอมได้รับคำชมเชยจากมิสเตอร์เมอร์ฟี่ นั่นกลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจพอๆ กับการที่ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้เขา... 

    ยิ้มนั้นอบอุ่นยิ่งกว่าแสงอาทิตย์กระทบมหาสมุทร

    ห้วงเวลานั้นเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ทอมไม่กล้าขยับตัว เขายิ้มตอบ มองเห็นดวงตาสีฟ้าจัดฉาบแววเอ็นดูระคนขบขัน ชายในเชิ้ตขาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางหันหลังเดินออกจากโบสถ์ หนนี้ทอมคิดว่าเขาไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างน้อยแค่รู้จักชื่อผู้ชายคนนั้นก็ยังดี ว่าแล้วร่างเล็กจึงก้าวขาฉับไวไปยังประตูโบสถ์ หัวใจเต้นตึกตัก หัวสมองมักคิดอะไรรวดเร็วกว่าการกระทำเสมอ นั่นทำให้ทอมดูเงอะงะและลนลาน แผ่นหลังกว้างอยู่ไม่ไกลจากสายตา...

    ทว่านั่นประไร...เขาสะดุดก้อนหินเล็กๆ ตรงหน้าทางเข้า ผลคือหกล้มคะมำ เข่าข้างหนึ่งกระแทกพื้น ความเจ็บหรือจะสู้ความอับอายที่เพราะวิ่งตามชายคนนั้นจนล้มไม่เป็นท่า ทอมถอนหายใจ ปราดสายตามองแผลตรงหัวเข่าพลางนึกสบถให้กับความซุ่มซ่ามนี้

    “เป็นอะไรมากไหม?” เสียงเข้มเอ่ยถาม ทอมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงดังกล่าว อาการกระอึกกระอักทำให้อีกฝ่ายถามย้ำ “เจ็บมากไหม ไหนให้ผมดูแผลหน่อย”

    น่าอายชะมัดเลย!

    ผู้ชายคนนั้นย่อตัวลงข้างๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มปัดฝุ่นตรงปากแผล ทอมลอบมองสันจมูกโด่งเป็นสัน เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่เมื่อยามต้องแสงอาทิตย์กลับกลายเป็นสีทองสว่าง ดวงตาคู่คมสีฟ้าน่ามองยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ใกล้กันจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ตรงปกเสื้อเชิ้ต 

    “ลุกไหวไหม เดี๋ยวผมช่วยพยุง” ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขา เพราะในทันทีร่างสูงก็ช่วยพยุงให้ทอมลุกขึ้นจากพื้น อันที่จริงต้องบอกว่า...ถ้าอุ้มได้คงทำไปแล้วมากกว่า ผิวแก้วเด็กผมทองร้อนผ่าว เขาถูกพากลับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้แถวท้ายสุดในโบสถ์ ทว่าหนนี้บรรยากาศภายในไม่เหลือใครแล้ว มีเพียงพวกเขาสองคน

    “ขอบคุณครับ” ทอมละล่ำละลักพูดจนเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง เขาเห็นเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นหลุดเสียงหัวเราะขณะหยิบพลาสเตอร์ออกจากกระเป๋ากางเกง

    “คุณเชื่อไหมว่าผมพกพลาสเตอร์ติดตัวตลอดเวลาเพราะลูกชายของผมหกล้มเป็นประจำ”

    ทอมนิ่งไป... หากหูของเขาได้ยินไม่ผิดล่ะก็ ผู้ชายตรงหน้าพูดว่า ลูกชาย นั่นแสดงว่า...เขาแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ?

    หัวใจของทอมห่อเหี่ยวลงในทันที พระเจ้าคงกำลังลงโทษเขาเป็นแน่...เด็กหนุ่มไม่ตอบรับถ้อยคำใด เพียงแค่ปล่อยให้มือนั้นทำแผลให้เขาอย่างคล่องแคล่ว แต่ด้วยความช่างสังเกต ทอมอดไม่ได้ที่จะมองหาสัญลักษณ์แห่งการผูกมัด...นิ้วนางข้างซ้ายไม่มีแหวนแต่งงานนี่

    “แล้วลูกชายของคุณเขาไปไหนล่ะ?” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทอมถามออกไปแบบนั้น วูบหนึ่งเขาเห็นดวงตาสีฟ้าสลดลงก่อนคุณคนนี้จะแย้มยิ้มบางกลบความหม่นหมองลงชั่วพริบตา

    “เขาคงอยู่ในที่ๆ เขามีความสุขมากกว่านี้กับแม่ของเขาน่ะ”

    “อ่า ขอโทษนะครับ” ทอมฉลาดพอจะรู้ความหมายของประโยคเมื่อครู่ แท้จริงแล้วเหตุผลที่ชายหนุ่มมาโบสถ์เป็นประจำอาจเกี่ยวข้องกับอดีต ความรักและความอาลัยต่อผู้จากไป เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำสนิทอาจไม่ใช่เครื่องแต่งกายตัวโปรดแต่มันแสดงออกถึงความเศร้าในรูปแบบหนึ่ง

    “คุณชื่ออะไร?” คนตรงหน้าเปลี่ยนบทสนทนาเสียดื้อๆ คนที่งุนงงเสียยิ่งกว่าใครคงหนีไม่พ้นเด็กผมทองเสียเอง 

    “ทอม กลินน์-คาร์นีย์” ทอมมองลักยิ้มข้างแก้มจากชายตรงหน้า อีกครั้งที่เขาพบว่าการได้สบตากับชายคนนี้ทำให้โลกของทอมหยุดนิ่งและเงียบงัน

    “ผมแจ็ค ...แจ็ค ลาวเดน ยินดีที่ได้รู้จัก” ไม่ใช่มือที่ยื่นมาแสดงการทักทายไมตรี แต่มันกลับเป็นอมยิ้มสีแดงที่ทอมได้รับเป็นของขวัญอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไร้เหตุผลและดูไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเขาเอาเสียเลย เขารับมันไว้ด้วยหัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ 

    “ขอบคุณครับ อย่าบอกนะว่าคุณพกมันไว้ติดตัวตลอดเหมือนกับพลาสเตอร์” มิสเตอร์ลาวเดนโคลงศีรษะ

    “ไม่หรอก... ผมกะจะเอามาให้คุณอยู่แล้ว แค่ไม่รู้ว่าจะให้เนื่องในโอกาสอะไรเท่านั้น”

    “...”

    “ถือซะว่า...ผมแค่อยากให้คุณก็แล้วกัน”



    --Sweetest Thing--
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in