Heaven in Hiding
Jack L. & Tom GC.
บรรยากาศภายในคฤหาสน์ลาวเดนเย็นยะเยือกยิ่งกว่าหนก่อนที่เขามาเยือน ทอมถอนหายใจขณะดื่มชารสชาติดี มันทำให้เขาอุ่นขึ้นและคลายความตึงเครียดลงได้นิดหน่อย ทว่าเจ้าหน้าที่หนุ่มกลับรู้สึกอึดอัดชอบกล เพราะการที่เขาและแจ็ค ลาวเดนต่างนั่งนิ่ง จมอยู่กับความคิดตนเอง ไร้ซึ่งบทสนทนามาได้ราวครึ่งชั่วโมง ทอมเหลือบสายตามองอีกฝ่ายเงียบๆ ชายหนุ่มสนใจเพียงหนังสือเล่มเล็กๆ ในมือจนอาจลืมไปแล้วกระมังว่ายังมีแขกผู้มาเยือนนั่งเบื่อหน่ายสภาพอากาศอยู่ตรงนี้
“เฮ้อ” ทอมถอนหายใจอีกครา แต่ความเงียบที่โรยตัวรอบกายเช่นนี้เพียงแค่ขยับก็ยังดังพอให้เจ้าของคฤหาสน์ได้ยิน
“อากาศที่สก็อตแลนด์ก็เป็นแบบนี้แหละ ทำใจหน่อยล่ะกัน” ชายหนุ่มว่าก่อนจะปิดหน้าหนังสือและมุ่งความสนใจมายังเขาแทน “ดูเหมือนคุณอยากจะถามอะไรผมนะ ถามมาสิ”
ทอมเลิกคิ้วประหลาดใจ จะว่าอย่างไรล่ะ...ครั้งก่อนแจ็ค ลาวเดนดูหงุดหงิดเหลือทนที่เขามาพบเจ้าตัวเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคดี แต่จู่ๆ คนคนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีราวพลิกฝ่ามือ ถึงอย่างนั้นทอมก็ยอมรับว่าเขาบ้าบิ่นที่จะขับรถมาไกลฝ่าพายุฝนขนาดนี้เพื่อมาพบชายผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดนโดยเฉพาะ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่อ้อมค้อม” เขาสูดหายใจลึก พลางมองชายตรงหน้าเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งพิงหลังกับโซฟาสบายๆ แขนข้างหนึ่งเท้าไว้กับพนักวางแขน รูปหน้าคมเผยยิ้มบางในแบบที่ยากจะอ่านออก
“ผมรอให้คุณถามอยู่”
“คุณเคยได้ยินเรื่องตำนานคำสาปของตระกูลลาวเดนไหมครับ” สิ้นคำถาม ทอมสังเกตเห็นว่าแจ็คขบกรามเล็กน้อย ทว่าเพียงชั่ววินาทีต่อมาเขาก็คลายสีหน้าดังกล่าวเหลือเพียงรอยยิ้มขบขันเท่านั้น
“เคยได้ยินสิ นี่มันตระกูลผมเอง”
“คุณเชื่อไหมว่ามันคือเรื่องจริง”
“ผมไม่เชื่อ”
“นี่คือเหตุผลที่คุณเข้ามาปรับปรุงคฤหาสน์หลังนี้สินะ เพราะคุณไม่เชื่อว่าคำสาปประจำตระกูลเป็นเรื่องจริง” เจ้าหน้าที่หนุ่มพยายามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าหม่นว่าใครอีกคนพยายามปิดซ่อนความลับหรือไม่ หากแต่มีเพียงสายตาที่มองย้อนกลับมายังเขาเชิงติเตียนในสิ่งที่ทอมถามนั้นว่าช่างไร้สาระสิ้นดี
“แล้วคุณล่ะ เชื่อเรื่องตำนานพวกนั้นไหม” เป็นฝ่ายชายหนุ่มที่โยนคำถามเดิมกลับมาหาทอมเอง เขาโคลงศีรษะเล็กน้อย หากจะว่ากันตามตรง ทอมยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องตำนานเพราะมันเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปากของผู้คนในเมือง และแทบจะพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่มีสิ่งยืนยันว่าคำสาปมีจริง ตราบใดที่เขายังไม่เห็นกับตาตนเอง ทอมก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
“ถ้าตอนนี้ยังไม่เชื่อหรอกครับ ไว้เห็นด้วยตาตัวเองก่อน...ผมอาจจะเชื่อ”
“แสดงว่าลึกๆ แล้วคุณเชื่อมันนี่” ทอมชะงักไปนิดราวกับถูกอีกคนลอบอ่านใจ
“คุณก็รู้ว่าบนโลกนี้มีเรื่องเหลือเชื่อเยอะแยะ”
อีกครั้งที่ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา สายตาของชายหนุ่มไม่ยอมละจากไปไหน คนคนนั้นยังคงวางสายตานิ่งชนิดที่ว่ากะต้อนกันให้จนมุม ทอมไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำลายด้วยซ้ำ พลันภาพความฝันเมื่อวานกลับฉายซ้ำให้เขารู้สึกกระดากอาย ทุกการเคลื่อนไหวติดตรึงในห้วงความคิด น้ำเสียงและสัมผัสร้อนผ่าวที่แตะต้องไปทั่วสรรพางค์ ริมฝีปากอิ่มผ่อนลมหายใจเพื่อสงบจิตสงบใจที่ดูท่าจะฟุ้งซ่านไปไกล แต่มันกลับยิ่งทำให้แจ็คยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าหน้าที่คาร์นีย์ คุณคิดอะไรอยู่หรือ?” แจ็คเอ่ยถาม นั่นทำให้ทอมเบิกตานิด เผลอถอยกรูดจนแผ่นหลังแนบกับโซฟาด้านหลัง เขาหาเสียงตนเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะละล่ำละลักตอบออกไป
“ห้องน้ำอยู่ไหนครับ...” เจ้าของคฤหาสน์หลุดเสียงหัวเราะโดยไม่นึกเกรงใจ เจ้าหน้าที่หนุ่มก้มหน้างุด นึกอยากทึ้งศีรษะตนเองให้หายสติแตก น่าโมโหจริงเชียวที่เขาต้องมาสูญเสียภาพพจน์ของเจ้าหน้าที่พิเศษในคดีฆาตกรรมต่อหน้าผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง
“ออกจากห้องรับแขกนี้ เลี้ยวซ้ายเดินไปสุดทางเดิน” ทอมลุกพรวดขึ้นจากโซฟาในทันที เรียวขาสาวเท้าไวๆ ไปตามเส้นทางที่ชายหนุ่มบอก แม้ตัวคฤหาสน์จะมีเพียงแสงสลัว เขาซึ่งมาที่นี่เพียงครั้งที่สองกลับหาห้องน้ำเจอได้อย่างง่ายดายดั่งสัญชาตญาณนำพา ความจริงเขาประสาทจะเสียอยู่รอมร่อ ร่างสันทัดพาตนเองเข้ามาในห้องน้ำที่เรียกได้ว่าโอ่อ่างดงามไม่แพ้โถงด้านนอก กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพตัวเขาที่ดูน่าขำยิ่งกว่าอะไร
“บ้าไปใหญ่แล้ว!” อดไม่ได้จะก่นด่าตัวเขาเอง ทอมเอื้อมมือไปเปิดก๊อก กวักสายน้ำเย็นๆ ล้างหน้าล้างตาเรียกสติ แน่นอนว่าเป็นเพราะคดีชวนฉงนที่ทำให้เขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ประกอบกับแจ็ค ลาวเดนพยายามเข้ามาก่อกวนอารมณ์ให้เขาหลุดความสนใจต่อสิ่งที่เขาควรให้ความสำคัญจริงๆ
อันตราย...
แจ็ค ลาวเดน เป็นตัวอันตรายที่มาในรูปแบบชายหนุ่มมาดขรึม หมอนั่นพร้อมทำให้เขาเสียหลักได้เสมอ
อย่าไว้ใจและอย่าหลงติดกับดักเชียว ทอมกล่าวย้ำกับตนเอง หากเขาไม่มีสมาธิมากพอกับการสืบคดี ต่อให้มีหลักฐานเพิ่มมาใหม่ เขาย่อมไม่มีทางไขปริศนาเหล่านั้นได้แน่นอน ยิ่งเมื่อคดีที่ห้ามาเยือน มันแตกต่างไปจากคดีก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เหยื่อรายนี้ไม่ได้ถูกพบศพหน้าคฤหาสน์ แต่กลับสิ้นใจกลางเมืองท่ามกลางสายตาใครต่อใคร เหยื่อไม่ได้หัวใจวายจากการเสพยาเกินขนาด เหยื่อเสียชีวิตเพราะบาดแผลน่าสยดสยอง
เจ้าหน้าที่หนุ่มถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วนในวันนี้ เขาเท้าแขนกับอ่างล้างหน้า มองเงาสะท้อนในกระจก พร่ำบอกตนเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องมีสติพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันในอนาคตอันใกล้ ที่สำคัญ...
เขาจะไม่หลงใหลไปกับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเป็นอันเด็ดขาด!
ชายหนุ่มโทรศัพท์ติดต่อหัวหน้าคนงานคล้อยหลังเจ้าหน้าที่หนุ่มหายไปเข้าห้องน้ำ ได้ความว่า โทนี่ เมดิสัน เสียชีวิตแล้วจากการโดนสัตว์ใหญ่ทำร้ายร่างกาย เขาเดินโซเซเข้าไปขอความช่วยเหลือกลางตัวเมืองก่อนจะล้มลงสิ้นใจต่อหน้าต่อตาผู้คนแถวนั้น แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่คาร์นีย์อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนนำร่างไร้ลมหายใจของโทนี่ส่งโรงพยาบาล ผลการชันสูตรบอกว่า โทนี่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเนื่องจากร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์
สาเหตุที่ทอม กลินน์ คาร์นีย์ยอมเสี่ยงตายฝ่าพายุมาก็เพื่อเหตุนี้ เพราะสงสัยเขาและต้องการเค้นความจริง เรียวนิ้วแตะลูบริมฝีปาก สายตาทอดมองแก้วชาที่ใครอีกคนดื่มไปเกือบครึ่ง ท่ามกลางเสียงฟ้าฝนด้านนอก ความเงียบสงัดของคฤหาสน์ ความคิดของเขาไม่ได้หยุดนิ่งดั่งเช่นท่าทีที่แสดงออก...
“ให้ดิฉันเตรียมสำรับอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่คาร์นีย์ด้วยไหมคะ” แจ็คหันไปตามเสียงของหญิงชรา เธอยืนรออยู่หน้าประตูห้องรับแขก
“เตรียมให้เขาด้วย...ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ”
ทอมกระอักกระอ่วนใจเมื่อรู้ว่าตนต้องร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็นกับชายหนุ่มที่เขาวางตัวเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี พิกลเป็นบ้า แต่สถานการณ์ตรงหน้าบีบบังคับให้เขาหมดหนทางหลีกเลี่ยง เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกนะ... เขาเฝ้าถามตนเองซ้ำๆ อยู่แบบนั้น แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ได้ยินคำวิงวอนของเขา ท่านถึงได้ดลบันดาลให้พายุโหมพัดไม่หยุดหย่อน กลั่นแกล้งให้เขาต้องนั่งรับประทานอาหารกับแจ็ค ลาวเดนโดยไม่อาจปฏิเสธ
“อาหารไม่ถูกปากหรือ...คุณเอาแต่เขี่ยมีดมาสักพักแล้ว” เจ้าของคฤหาสน์ทักท้วง ทอมเม้มริมฝีปาก ช่างใจว่าควรตอบออกไปอย่างไรไม่ให้ดูเสียมารยาท
“พอดีผมกินอะไรไม่ค่อยลง ขอโทษด้วยนะครับ” แหงล่ะ...ใครจะกินลง ทอมอยากจะตอบดั่งใจคิดแม้เนื้อสเต็กในจานจะน่าอร่อยขนาดไหนก็ตาม เขาเพิ่งเห็นการตายของเหยื่อในคดีด้วยสภาพร่างชุ่มเลือด มันเป็นคดีที่ห้าเข้าแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา
รอยยิ้มอย่างเครื่องหมายการค้าแบบนั้นทำให้เขายิ่งอึดอัดจนอยากขอตัวกลับเสียเดี๋ยวนี้ติดที่ฟ้าฝนเอาแต่กลั่นแกล้ง
“ถ้าเพราะวันแรกที่คุณมาพบผมแล้วผมทำให้คุณไม่พอใจ ผมก็ขอโทษด้วย วันนั้นผมมีเรื่องให้คิดมากมายจนอาจเผลอพูดจาไม่เข้าหู” ชายหนุ่มไม่ได้มองหน้าเขาขณะพูด ลาวเดนคนหนุ่มยังคงละเมียดชิมอาหารเย็นราวกับการเอ่ยคำขอโทษเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญและอย่าได้ถือสาหาความอะไรอีก ทอมเผลอยิ้มเยาะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ช่างมันเถอะครับ”
“เอาเป็นว่าหากคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรหลังจากนี้ ผมจะยินดีช่วย” เสียงกระทบจากส้อมและมีดเงียบลงเพราะแจ็ควางมือจากอาหารเพื่อหันมาสนใจเขาแทน ทอมหลบสายตาคู่คมวูบหนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าเพื่อจ้องตอบคนคนนั้นกลับไปบ้าง จู่ๆ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาปะทะ ความคิดที่ว่าเขาอยากจะพิสูจน์เรื่องตำนานคำสาปตระกูลลาวเดน
“แล้วถ้าผมอยากจะขอค้างที่นี่สักคืนล่ะ คุณจะว่าอะไรไหม?” คำขอร้องของทอมค่อนข้างกะทันหัน แต่มันสมเหตุสมผลใช้ได้เมื่อเขายังคงติดพายุอยู่ในคฤหาสน์ลาวเดน อีกทั้งชายหนุ่มเองนั่นแหละที่เป็นคนเอ่ยรั้งให้เขาอยู่ต่อในทีแรก ถ้าคำสาปตระกูลลาวเดนเป็นจริง...บางทีเขาอาจได้เห็นแจ็ค ลาวเดนกลายร่างเป็นอสูรร้ายรูปร่างอัปลักษณ์อย่างที่ลุงเคนเนธเล่าให้ฟังก็เป็นได้
คนที่เพิ่งจะหยิบยื่นข้อเสมอความช่วยเหลือมาให้เขาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับเล็กน้อย วางมือจากการทานมื้อเย็นโดยไม่แยแสอาหารที่ยังคงเหลือในจาน ทอมเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นจากเก้าอี้หัวโต๊ะพลางกดสายตามองเขาอย่างรักษาท่า
“คฤหาสน์หลังนี้มีห้องเหลือเฟือ คุณสามารถพักได้ตามสบาย” ว่าจบก็เดินออกจากห้องอาหาร ปล่อยให้ทอมงุนงงกับประโยคเมื่อครู่ว่าตกลงแล้วนั่นเป็นคำอนุญาตหรือประโยคบอกเล่ากันแน่ จวบจนแม่บ้านหญิงชราซึ่งกำลังเก็บงานชามบนโต๊ะเป็นฝ่ายเล่าแจ้งแถลงไข
“นั่นหมายความว่ามิสเตอร์ลาวเดนอนุญาตให้คุณพักที่นี่คืนนี้”
“อ๋อ ขอบคุณครับ” ทอมรับคำเสียงเบา จะว่าไปแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ชักน่ากลัวชอบกล ดูอย่างเจ้าของเถอะ จะพูดจาดีๆ ให้เขาเข้าใจง่ายเสียก็เปล่า...ไหนจะแม่บ้านหญิงชราคนนี้อีก มองจากภายนอกด้วยรูปร่างเล็กและใบหน้าเฉยชา เธอจึงดูเหมือนไร้ชีวิตชีวาดั่งตุ๊กตาไม้ ทอมรอให้เธอจัดเก็บความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหาร หลังจากนั้นเธอจึงส่งสายตาพยักพเยิดเพื่อบอกให้เจ้าหน้าที่หนุ่มเดินตามเธอไปตามเส้นทางของคฤหาสน์
บันไดเวียนเป็นจุดที่ทอมคิดว่าสวยงามที่สุดจุดหนึ่งของคฤหาสน์ เพราะไม่ใช่แค่การออกแบบแต่มันดึงดูดให้ผู้มาเยือนอยากเดินขึ้นมาสู่ชั้นถัดไปอย่างไม่สิ้นสุด เขาไม่ได้แวะที่ชั้นสองอย่างหนก่อน ชั้นที่ตรงสุดทางเดินมีภาพเขียนสีน้ำมันเด็กหนุ่มผมทอง ทอมเสียดาย พลันนึกขึ้นได้ว่าวันรุ่งขึ้นค่อยแวะมาชมก่อนกลับก็ยังได้ ชั้นสามเป็นส่วนพักอาศัย มีห้องหับเรียงรายให้เลือกสรรตามคำพูดของมิสเตอร์ลาวเดน กระนั้นหญิงชรากลับเดินนำเขาไปยังห้องนอนตรงเกือบสุดทาง เธอไขกุญแจเปิดประตูให้ ก่อนเดินจากไปเงียบๆ โดยไม่รอฟังคำขอบคุณ
ห้องนอนตรงหน้า ประเมินดูแล้วเป็นห้องที่เทียบได้กับห้องสวีทของโรงแรมชื่อดัง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเป็นแบบร่วมสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นสก็อตแลนด์ ภายในห้องอบอวลกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ เตียงขนาดคิงไซส์น่าเอนหลังพักผ่อนให้หายเหนื่อย แม้ลึกๆ แล้วทอมรู้สึกกังวลว่าค่ำคืนนี้ของอาจมีสิ่งลี้ลับมาก่อกวน แต่เขายอมรับโดยดุษณีว่าตนเหนื่อยล้าเกินกว่าจะมานั่งขวัญผวา
และอีกเรื่องที่สำคัญกว่า...
ทอมอยากรู้ว่าตำนานอสูรร้ายแห่งตระกูลลาวเดนจะจริงเท็จสักแค่ไหน
‘โง่เขลาเบาปัญญา...’
‘ดวงตาสีฟ้าใสซื่อเป็นเพียงหน้ากากแห่งความแพศยา’
‘จงชดใช้...ด้วยชีวิต’
ไร้ซึ่งเสียงสายฝน มีเพียงเสียงแว่วจากที่ไหนสักแห่งแทรกซึมสู่โสตประสาท คล้ายความฝันทว่าไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดทอมจึงลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะทำเช่นนั้น ราวกับถูกควบคุม ชายหนุ่มเปิดประตูออกจากห้องพัก ก้าวเดินเนิบช้าไปตามโถงทางเดินมืดสนิท ไม่มีแสงสลัวนำทางดั่งเช่นตอนหัวค่ำ หัวสมองของทอมโล่งเปล่าและพร่าเลือน รู้สึกเพียงแต่ว่า...มีบางอย่างเรียกร้อง
ร่างสันทัดก้าวลงบันไดทีละขั้น กระทั่งลงมาถึงชั้นล่าง ประตูคฤหาสน์ค่อยๆ เปิดแง้ม เรียวมือผลักบานประตู อากาศรอบกายเย็นเฉียบ ดวงตาสีฟ้าทอดตรงไปยังสวนด้านข้างของคฤหาสน์ ไกลออกไปเป็นดงกุหลาบและป่าสนทึบ สองขาขยับก้าวเดินไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยเศษซากกิ่งไม้ที่ปลิวหักจากแรงลมของพายุ เท้าเปลือยเปล่าไม่รับรู้ซึ่งความเจ็บปวดแม้กิ่งไม้ดังกล่าวจะบาดผิวจนได้แผล
เจ้าของเรือนผมสีทองพาตนเองเข้าไปยังดงกุหลาบ หนามแหลมเกี่ยวพันเสื้อผ้า ค่อยๆ ต้องผิวจนเลือดซิบ เขาไม่เจ็บหรือแท้จริงเขาอาจจะเจ็บแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้สึก... นั่นคือสิ่งที่ทอมพยายามถามตนเอง และควบคุมสติว่าเหตุใดเขาถึงได้เดินออกมาจากคฤหาสน์ในยามวิกาล มุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งที่เขาไม่รู้ ทำไมเขาจึงห้ามตนเองไม่ได้ ไม่ต่างจากการต้องมนต์ เขายังคงเดินลึกเข้าไปในป่า ความสงัดเงียบชวนวังเวงเชิญชวนเขาในทุกๆ ฝีก้าว
ท้ายที่สุดเขาหยุดยืนหน้าต้นสนมหึมา ทอมผ่อนลมหายใจขณะเงยหน้ามองการขยับไหวของใบสน น่ากลัว...หดหู่เหมือนร่างมนุษย์ได้รับการทรมานจากเปลวไฟ พลันเขาได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนที่แหวกผ่านป่าทึบ ทอมเลื่อนมือแตะที่ข้างเอวหวังหยิบปืนพก โชคดีที่ถึงแม้จะเป็นมือสมัครเล่นในงานภาคสนาม เขาก็ไม่พลาดวางปืนไว้ไกลตัว
‘อสูรร้ายจะพรากชีวิตมนุษย์ผู้แสนโง่เขลาในไม่ช้า คำสาปจะไม่เปลี่ยนแปลง’
หัวใจของเจ้าหน้าที่หนุ่มกระตุกวูบ เสียงปริศนาแว่วกระซิบ หนนี้น้ำเสียงนั้นแฝงนัยสาปแช่งชิงชัง ในความมืดมิด ทอมสังเกตเห็นแสงแวววับของดวงตาสัตว์ใหญ่ที่ค่อยๆ คืบคลานมาใกล้ ...ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร อาจเป็นสุนัขหมาป่า เสือ สิงโต หรืออะไรที่สุดจะจินตนาการ เขาอยากหนีไปให้พ้นแต่ร่างกายกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างใจคิด อาจเป็นโซ่ล่องหนที่ตรึงเขาไว้ กระบอกปืนในมือสั่นไหว เสียงหายใจกึ่งคำรามจากสัตว์ใหญ่หลอนประสาทเสียยิ่งกว่าอะไร
“พระเจ้า!” อุทานสุดเสียงเมื่อมีร่างที่ใหญ่กว่าสัตว์นั้นกระโจนคว้ามันหายเข้าไปในความมืด เสียงคำรามต่อสู้ทำให้ประสาทรับรู้ของทอมตื่นตระหนกเต็มสูบ เขาเล็งปืนไปยังเงาตะคุ่ม สองร่างของสัตว์ป่าฟาดฟันโดยสัญชาตญาณดิบ สายตาของทอมเริ่มจะปรับแสงได้ ดวงตาจ้องตรงไปยังภาพเบื้องหน้า...
ร่างของสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่ายืนด้วยสองขาเหมือนมนุษย์
รูปร่างเหมือนสิงโต... ไม่สิ เหมือนหมีสีน้ำตาล ...แต่หมีที่ไหนมีเขาเหมือนกับกระทิง
ทอมเบิกตาโพลงเมื่อคำบอกเล่าของลุงเคนเนธประดังประเดเข้ามาในห้วงความคิด
หรือนั่นจะเป็น... อสูร!
หากเป็นอสูรจริง... อสูรหรือที่ฆ่าคนไปทั้งหมดห้าศพ เจ้าหน้าที่หนุ่มสับสนและร้อนรน เขาไม่ต้องการปล่อยให้ภาพตรงหน้าเป็นเพียงความฝันหรือสิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นมาเอง เรียวมือเล็งปากกระบอกปืนขึ้นอีกครั้ง เฝ้าสังเกตว่าศึกการต่อสู้ของสองสัตว์ป่าหนนี้ใครจะพลาดพลั้งก่อน ร่างของสุนัขหมาป่าถูกเหวี่ยงกระเด็นโดยฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่คาดว่าเป็นอสูรเดรัจฉาน มันหอบหายใจอยู่พักหนึ่งก่อนเหลียวหลังมาสนใจมนุษย์ตัวจ้อย พร้อมกับพุ่งตรงมายังเขา แน่นอนว่าวินาทีนี้ทอมตัวสั่น สติเลือนรางเต็มทน
ปัง!
“เจ้าหน้าที่คาร์นีย์ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ”
ไออุ่นในยามเช้าปลุกเขาไล่เลี่ยกับเสียงเรียกของหญิงชรา ทอมกะพริบตานิดครั้นพบว่าเขานอนอยู่บนเตียงภายในห้องพักตามเดิม หรือเมื่อคืนเขาจะฝัน... แต่ฝันบ้าๆ นั่นจะทำให้เขามีบาดแผลจากดงกุหลาบได้อย่างไร! ดวงตากลมเบิกกว้าง เจ้าหน้าที่หนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองสำรวจตนเองที่ดูเหมือนคนออกงานภาคสนามมาสักสองสามวันติด เท้าเปื้อนโคลน บาดแผล และเสื้อยืดที่มีรอยขาดเล็กๆ จากการโดนกิ่งไม้เกี่ยวพัน
มากไปกว่านั้น...คราบเลือดดวงใหญ่ตรงแขนเสื้อด้านซ้ายนี่ไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน เขาไม่มีได้บาดแผลตรงบริเวณนี้เลยแม้แต่น้อย
แล้วนี่มันเลือดของใคร?
ภาพในหัวของทอมสับสนปนเป ก่อนที่ประสาทรับรู้จะดับลง เขาคิดว่าตนได้ลั่นไกใส่อสูร...
แต่สิ่งที่สำคัญกว่า
ดวงตาของอสูรคล้ายคลึงกับ...ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
ทอมไม่รอให้ความคิดเขาได้ประมวลผลเสร็จสรรพ ร่างสันทัดกระโดดแผล็ววิ่งออกจากห้องพัก เขาตรงดิ่งไปยังห้องอาหารตามที่หญิงชราเชิญเขาเมื่อสักครู่ โดยที่ลึกๆ แล้วทอมหวังว่าตนจะได้เห็น แจ็ค ลาวเดนมีอาการบาดเจ็บจากกระสุนของเขา ทว่า...บนโต๊ะอาหารมีเพียงสำรับซึ่งเตรียมไว้สำหรับเขาแค่คนเดียว อีกทั้งยังไร้เงาของเจ้าของคฤหาสน์ ทอมขมวดคิ้วยุ่ง ร้อนใจจนต้องเอ่ยปากถามหญิงชรา
“มิสเตอร์ลาวเดนล่ะครับ”
“มิสเตอร์ลาวเดนเดินทางกลับลอนดอนไปเมื่อเช้าแล้ว”
“แล้วเขาจะกลับมาที่นี่วันไหน?”
“คงอีกสักสองสามวัน...” ทอมถอนหายใจ แต่ใช่ว่าแผลการถูกยิงจะหายสนิทในสองสามวันนี่ ยังไงเสียคนคนนั้นคงต้องเดินทางกลับมาที่สก็อตแลนด์อยู่ดี เจ้าหน้าที่หนุ่มพยายามคิดเข้าข้างตนเอง อย่างน้อยนั้นเขาได้เข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมเข้าไปหนึ่งก้าวแล้ว ถึงแม้การแพร่งพรายบอกสารวัตรดาร์ซี่เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนอาจทำให้เขาดูเหมือนคนบ้าก็ตาม
“ไม่ดูตัวเองเลยนะ คิดไปสู้กับเขา”
เด็กหนุ่มมองเสี้ยวหน้าของใครอีกคนในระยะประชิด มือบางค่อยๆ แตะสำลีเคลือบยาทาแผลแตะตามร่องรอยแห่งการต่อสู้ ในนัยน์ตาโศกแฝงแววเอ็นดูระคนสงสาร แบร์รี่ยิ้มเยาะให้กับคำพูดนั้นขณะค่อยๆ วางศีรษะแนบกับไหล่ลาด
“อย่างน้อยก็ไม่ตาย”
“แต่ฉันไม่อนุญาตให้นายตาย” นั่นออกจะเป็นคำสั่งมากกว่าคำวอนขอ “หน้าที่ของนายคือการเฝ้าดูแลหัวใจของฉัน”
หัวใจที่แท้จริงถูกฝังอยู่ใต้ต้นสน... หัวใจที่เป็นอีกครึ่งของตัวตนอนายริน บาร์นาร์ด กักขังจิตด้านมืดที่พร้อมแผดเผาทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้ แม่มดผู้มีอายุอมตะมากว่าสามร้อยปีจำต้องแยกหัวใจกับร่างกายไว้คนละแห่ง หนึ่งเพื่อทำให้ตนได้ย้ายจิตวิญญาณไปสู่ร่างที่มีกำลังวังชามากกว่า อ่อนเยาว์กว่า ปกปิดความลับของสายเลือดแม่มดหนึ่งเดียวในสก็อตแลนด์ และสองเพื่อให้อีกหนึ่งตัวตนได้ใช้ชีวิตตามเวลาที่ผันเปลี่ยน ละทิ้งความพยาบาท
แม้ความเป็นจริง จิตด้านมืดนั้นยังคงอาฆาตแค้นไม่เสื่อมคลาย
“คุณยังรักเขาอยู่หรือ?” มือที่กำลังทำแผลให้เขานิ่งไป แบร์รี่ทราบดีว่าอนายรินไม่ชอบการถูกตั้งคำถาม แต่จะทำอย่างไรได้...ปากมันเอ่ยถามไปเอง
“ไม่...” คำตอบแสนจะชัดเจน “น่าโมโหที่เมื่อก่อนรักมากทั้งที่เขา...ร้ายกาจ เลวทราม”
“แล้วตอนนี้ล่ะ คุณรักใคร...” ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นโอบแก้มผ่อง จ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีอำพัน อนายรินยังคงเป็นสุดยอดกล่องปริศนาที่ยากจะไข เพราะแววตาคู่นี้ปิดซ่อนความรู้สึกเสมอ กระนั้นเรียวปากบางที่แนบจุมพิตแต่เพียงแผ่วเบาก็พอจะช่วยปลอบประโลมใจให้ชุ่มชื้นได้บ้าง
“อย่าถามในสิ่งที่นายรู้คำตอบอยู่แล้วสิ”
แขนขวาของเขาปวดหนึบ...จากบาดแผล
แจ็ค ลาวเดนเก็บซ่อนอาการบาดเจ็บ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เมื่อยามเขากลับไปดูแลงานที่บริษัทการเงินของบิดาซึ่งในเวลานี้กำลังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ชายหนุ่มกุมบังเหียนควบคุมทุกอย่าง ปัจจุบันเขาแทบไม่มีเวลาให้กับใคร นั่นจึงเป็นเหตุผลให้แฟนสาวตามมาตอแยเขาถึงที่ทำงาน แน่นอน เธอไม่ผ่านด่านแรกของการรักษาความปลอดภัยตามคำสั่งเขา ด้วยเหตุนี้แจ็คจึงคิดว่ามันคือการบอกเลิกที่ไร้มารยาทไปสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ...เขามีเรื่องให้คิดมากมายเกินกว่ามานั่งสนใจความสัมพันธ์น่าเบื่อหน่ายนี้
“มิสเตอร์ลาวเดนครับ...” ผู้ช่วยมือขวาของเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เขาก่อนจะเดินจากไป
ประวัติของเจ้าหน้าที่ ทอม กลินน์ คาร์นีย์
แจ็คแค่อยากทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชีวิต การศึกษา และการทำงาน จะว่าเขาสนใจในตัวหนุ่มผมทองนั่นก็ประเด็นหนึ่ง ไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้เขาต้องลงทุนวานผู้ช่วยไปสืบประวัติเจ้าหน้าที่คาร์นีย์ทั้งที่ไม่จำเป็น หากเพื่อรับมือกับการสืบคดีของคนคนนี้คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอ
แท้จริง...หรือเพราะความฝันนั้นวนเวียนให้เขาคะนึงถึง
แต่บางสิ่งกระซิบบอกเขาว่า... เจ้าของดวงตาสีฟ้าจะช่วยให้เขาพ้นจากความทรมานทั้งปวง
TBC
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in