เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LizladaficLizlada
[Fic] Heaven in Hiding | Part 6.
  • Heaven in Hiding 
    Jack L. & Tom GC.
    Part 1. Part 2. | Part 3. | Part 4. | Part 5 | Part 6




    สภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างขมุกขมัว คนเพิ่งหายป่วยย่นจมูกนิดครั้นพบว่าท้องฟ้าช่างไม่สดใสเอาเสียเลย แสงแดดแทบไม่รอดผ่านก้อนเมฆหนาทึบยังผลให้บรรยากาศโดยรอบชวนอึมครึมไปด้วย ทอมเดินทางมาถึงสถานีตำรวจแต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อเจ้าหน้าที่หลายนายมีสีหน้าไม่สู้ดี คร่ำเครียดและวิตกกังวลจนสังเกตได้ นายตำรวจนายหนึ่งเมื่อหันมาสบตาเขาจึงพูดขึ้น

    “คุณรู้เรื่องสารวัตรดาร์ซี่แล้วหรือยัง?”

    “เออ..มีเรื่องอะไรหรือครับ” ทอมสังหรณ์ใจไม่ดี ยิ่งเมื่อเขามองไปโดยรอบแล้วยังไม่พบสารวัตรดาร์ซี่ทั้งที่ปกตินายตำรวจผู้นั้นประจำอยู่ ณ สถานีตลอดทั้งวันคืน

    “สารวัตรดาร์ซี่รถคว่ำ อาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล”

    “อะไรนะครับ!”

    “พวกเราเองก็ช็อค แต่เชื่อเถอะว่ามีเรื่องให้น่าโมโหยิ่งกว่านั้น เพราะรถของสารวัตรถูกตัดสายเบรก”

    เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดอะไรไม่ออกได้แต่ฟังเหตุการณ์คร่าวๆ ว่าเมื่อวานหลังเลิกงาน สารวัตรดาร์ซี่ขับรถกลับบ้านเช่นปกติ น่าเศร้า...สารวัตรไม่ได้กลับถึงบ้านตนเองอย่างทุกวัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบสายเบรกถูกตัด แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ทั้งที่รถยนต์ของสารวัตรจอดในที่โล่งแจ้งหน้าสถานีตำรวจด้วยซ้ำ ดังนั้นข้อสันนิษฐานจึงเป็นไปได้ว่าคนร้ายคงย่องไปตัดสายเบรกตั้งแต่คืนก่อนที่สารวัตรจะมาทำงาน ซึ่งมันอาจไม่ได้ถูกตัดให้ขาดเสียทีเดียว

    กระดานสรุปคดียุ่งเหยิงไปด้วยข้อมูลที่ไม่อาจสรุปได้ ทอมถอนหายใจ เขายืนอยู่ตามลำพังท่ามกลางหลักฐานและรูปถ่ายเหยื่อภายในห้องสืบสวน ความตายของพวกเขากำลังเรียกร้องให้ทอมเร่งรุดในการทำคดีมากกว่านี้ ไหนจะการที่คู่หูผู้ร่วมทำคดีมาด้วยกันกลับนอนสาหัสไม่รู้สึกตัว นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรนใจ ความคืบหน้าล่าสุดมีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดในปั๊มน้ำมัน รูปร่างที่พอจะสันนิษฐานได้ แต่สุดท้ายคนร้ายก็ยังคงเป็นปริศนาล่องลอยอย่างไร้ตัวตนไม่ต่างจาก แจ็ค เดอะริปเปอร์

    “...นั่นมัน” ดวงตาสีฟ้าสะดุดเข้ากับบางอย่างบนกระดานสรุปคดี มีรูปถ่ายหนึ่งใบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รูปถ่ายใบนี้เป็นมุมหนึ่งจากคฤหาสน์ลาวเดน ทอมเบิกตากว้าง หยิบรูปมาถือไว้ในมือ เขาจำได้ขึ้นใจว่านี่น่าจะเป็นวันที่ไปพบแจ็ค ลาวเดนวันแรก เขากำลังเปิดประตูรถยนต์ สีหน้ายุ่งเหยิง ภาพถูกถ่ายลงมาจากชั้นสองของตัวคฤหาสน์ บางอย่างดลใจให้เจ้าหน้าที่หนุ่มพลิกดูด้านหลังของรูปถ่าย


    จงสังเวยชีวิตเพื่ออสูร


    ทอมรู้สึกคล้ายกับทั้งร่างกายเย็นยะเยียบ เป็นอันทราบดีว่าห้องสืบสวนแห่งนี้อยู่ในการดูแลของนายตำรวจทุกคนอย่างเคร่งครัด คนนอกแทบจะเข้ามาไม่ได้ แต่รูปถ่ายปริศนาใบนี้กลับอยู่บนกระดานสรุปคดี หมายความว่า อาจมีคนในสถานีรู้เห็น หรือคนร้ายจงใจลอบเข้ามาก่อกวนพวกเขา จงใจสั่นประสาทให้เขาเสียสมาธิในการสืบคดี จงใจทำให้หลายๆ อย่างรอบตัวเขาอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

    ชายหนุ่มเก็บรูปถ่ายใส่กระเป๋าหลังกางเกง พยายามเป็นอย่างยิ่งในการประคองสติที่ค่อนข้างจะเกือบกระเจิดกระเจิงของตนให้อยู่กับร่องกับรอย ทอมถอนหายใจ เมื่อเหลือเขาเพียงคนเดียวในการสืบคดี เขาจึงไม่ควรรีรอและชะล่าใจอีกต่อไป สัญชาตญาณบอกเขาว่าอีกไม่นาน...คนร้ายอาจเริ่มล่าเหยื่อรายใหม่

    “เจ้าหน้าที่คาร์นีย์” นายตำรวจที่ทอมจำได้ว่าเป็นลูกน้องของสารวัตรดาร์ซี่อีกคนเปิดประตูห้องสืบสวนเข้ามาพบเขาพร้อมด้วยท่าทางร้อนรน

    “ครับ...”

    “คุณต้องมาดูนี่” ทอมก้าวขาเร็วๆ ตามหลังนายตำรวจผู้นั้น เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ของใครต่อใครทำให้เขามึนงงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ท่ามกลางความวุ่นวาย เขาเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางนิ่งอยู่บนโต๊ะกลางรับพัสดุ ทว่าเจ้าหน้าที่หนุ่มเป็นอันต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้กลิ่นเหม็นคาวเลือด

    “นี่มันบ้ามาก ให้ตายสิ” เสียงโวยนั่นทำให้ทอมต้องก้าวเข้าไปใกล้ กล่องกระดาษใบพอเหมาะที่ภายนอกดูสะอาดดี แต่ภายในกลับบรรจุซากศพกระต่าย ตัวของมันชุ่มไปด้วยเลือด มากไปกว่าซากกระต่ายมันมีจดหมายท้าทายที่เขียนด้วยลายมือบรรจงสวยงามดั่งตั้งใจสร้างเรื่องให้ทุกคนได้โจษจัน


    ถึง เจ้าหน้าที่คาร์นีย์
    ขอบคุณการมาเยือนของคุณที่ทำให้อสูรได้พบความงดงามที่เฝ้าตามหา
    หนึ่งชีวิต แลกกับทุกชีวิต


    ทอมอ่านข้อความดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมายความว่าคนร้ายต้องการชีวิตของเขาหรือ? ทุกสายตาจดจ้องมายังเจ้าหน้าที่ผู้เดินทางมาสืบคดีดังอย่างตั้งคำถาม ทอมอาจไม่สรรหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ มันทั้งสับสนและยากจะควบคุม เหตุการณ์ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่เดินทางมายังสก็อตแลนด์ฉายวนเป็นฉากๆ ดั่งฟิล์มภาพยนตร์

    และอีกครั้งที่ทอมหยุดความคิดหยุดที่ชื่อของผู้ชายคนนั้น
    แจ็ค ลาวเดน

    ไวเท่าความคิด ร่างสันทัดวิ่งออกจากสถานีตำรวจตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวของเขา จุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์ลาวเดน




    อนายรินแปลกใจที่วันนี้เจ้าสุนัขหมาป่าตัวดีไม่อยู่เฝ้าเขาอยู่ภายในห้องทำงานอย่างทุกวัน จิตใจค่อนข้างว้าวุ่นและอ่อนแอจากอาการป่วยทำให้ความสามารถอันพึงมีโดยเฉพาะการหยั่งรู้ดูท่าจะทำงานได้ย่ำแย่กว่าที่เคย อนายรินไม่อาจทราบว่าแบร์รี่หายไปไหน ดูเหมือนเธอจะพยายามดูดพลังชีวิตของเขาเสียจนหมดสิ้น ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลยิ้มเยาะให้กับสภาพตนในเวลานี้ เธอคงกำลังลงโทษเขาโทษฐานคิดปฏิปักษ์อย่างไม่ต้องสงสัย

    “คุณคงอยากให้ผมตายไวๆ เพื่อหนีไปอยู่ร่างอื่นอย่างนั้นสินะ ดีเลย...ผมจะได้เป็นอิสระสักที” เขากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสนิท วางสายตานิ่งไปยังกรอบรูปภาพเขียนเก่าแก่ซึ่งอยู่อีกฝั่งของห้องทำงาน มันเป็นภาพเขียนสีน้ำมันอายุหลายร้อยปี หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามแต่กลับดูทุกข์ระทมด้วยนัยน์ตาโศกเศร้า ว่ากันว่าผู้เป็นสามีวาดให้เธอเป็นของขวัญวันแต่งงาน

    และนั่นคือเธอผู้พยายามสร้างชีวิตอมตะ หวังสาปแช่งเขาคนนั้นให้ทรมานทุกชาติภพ

    “ฉันชักจะชังน้ำหน้าแกเสียแล้ว อนายริน” ร่างของหญิงสาวปรากฏกายตรงหน้า เธอเยื้องย่างกายมาใกล้เขาพร้อมรอยยิ้มราบเรียบจนติดจะเยือกเย็น

    “ตามสบาย ผมเองก็เบื่อหน้าคุณเหมือนกัน ถ้าไม่คิดจะคืนร่าง ก็ช่วยใช้ร่างนี้ทำเรื่องดีๆ หน่อย”

    แม้คำพูดออกจะประชดประชันเธอไปเสียมาก แต่ความจริงแล้วเขากำลังขอร้องเธอต่างหาก อนายรินไม่อยากให้ความเคียดแค้นของเธอต้องถูกส่งต่อไปยังคนตระกูลบาร์นาร์ดรุ่นสู่รุ่น การเชื่อมต่อวิญญาณระหว่างกันทำให้เขารับรู้ทุกเรื่องราวในอดีตของเธอ รู้สึกรักและเกลียดทายาทลาวเดนพร้อมกับเธอ มากไปกว่านั้น เขาอาจถูกเธอครอบงำจิตใจจนไม่เหลือตัวตนก็เป็นได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อนายรินทุกข์และอ่อนแอมากขึ้นเมื่อยามเธอเข้าใกล้เป้าประสงค์ทีละนิด

    สาปแช่ง...ทรมาน และพรากสิ่งที่รัก

    “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังอะไร ไอ้หมาสกปรกตัวนั่นด้วย” แววตาเธอวาวโรจน์ครั้นสบเข้ากับเขาตรงๆ เรียวนิ้วซีดยื่นมาแตะเชยปลายคาง จ้องลึกให้เขายำเกรงเธอ แต่อนายรินกลับหัวเราะอย่างคนไม่หวาดกลัวซึ่งสิ่งใด

    “ผมจะไปทำอะไรคุณได้...”

    “อย่าหักหลังฉันก็แล้วกัน” สิ้นน้ำเสียงนั้น เธอเลือนหายเข้าสู่ร่างของชายหนุ่ม พลันเขารู้สึกราวตกสู่เหวลึกอันมืดมิด

    “แต่ตอนนี้...แกไม่ควรออกมายุ่งวุ่นวาย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ หนุ่มน้อย”




    คฤหาสน์ลาวเดนดูสมบูรณ์ขึ้นมากกว่าหนก่อนที่ทอมมาเยือน อาจเพราะมีการรับสมัครคนงานใหม่จำนวนหลายคนเข้ามาทำงาน เจ้าหน้าที่หนุ่มบึ่งรถมายังคฤหาสน์หลังหุบเขาด้วยความรู้สึกที่เขาเองไม่อาจอธิบายออกมาได้ เขาแค่อยากมาที่นี่ พบกับชายหนุ่มทายาทลาวเดน คลี่คลายทุกความสงสัยซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

    ทว่าเป็นอันต้องผิดหวัง

    “มิสเตอร์ลาวเดนเพิ่งจะเดินทางกลับลอนดอนไปเมื่อเช้าค่ะ” แม่บ้านประจำคฤหาสน์บอกเขาเช่นนั้นก่อนเธอจะเดินกลับไปทำงานบ้านต่อ

    ทอม กลินน์ คาร์นีย์กำลังสติแตก...เขายอมรับ เหตุผลอะไรกันที่เขาต้องขับรถมายังคฤหาสน์ลาวเดน ทั้งที่ความจริงทอมควรตามหาหลักฐานอื่นในคดี หรือไม่ก็ขลุกตัวอยู่ในสถานีเพื่อไขปริศนาว่าคนร้ายเป็นใคร แต่เพราะทั้งหมดที่กล่าวมา เขาเพียรวิ่งตามหามันทุกอย่างราวกับวิ่งเข้าไปติดในเขาวงกต และแทบมองไม่เห็นทางออกเลยแม้แต่น้อย ได้แต่นึกโทษว่าตนนั้นอ่อนหัด ซ้ำยังบกพร่องต่อหน้าที่จนไม่น่าให้อภัย

    ส่วนหนึ่งเพราะเขาพยายามคิดว่าขอให้คนร้ายไม่ใช่ แจ็ค ลาวเดน

    “หัวหน้าครับ เราเจอโพรงกระต่ายตรงนี้ ทำยังไงดีครับ”

    “ไม่เป็นไร ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ อย่าไปรบกวนพวกเขาเลย” ทอมหันไปตามเสียงพูดคุยของคนงาน มุมหนึ่งของสวนข้างบ้านที่ติดกับดงกุหลาบ เขาเห็นคนงานจัดสวนกำลังสำรวจโพรงกระต่ายโดยมีชายอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าคนงานกำกับอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่หนุ่มกำลังจะเปิดประตูรถยนต์ หากแต่เป็นอันต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อเขาเห็นกระต่ายตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากโพรงของมัน... สีและรูปร่างใกล้เคียงกับซากศพกระต่ายที่ถูกส่งไปยังสถานีตำรวจเสียจนไม่น่าเชื่อ

    “ขอโทษนะครับ” ทอมตัดสินใจเดินไปทักหัวหน้าคนงาน ชายคนนั้นหันมายิ้มตอบพร้อมเอ่ยถาม

    “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

    “คุณเป็นหัวหน้าคนงานที่นี่?”

    “ครับ” หัวหน้าคนงานพยักหน้ารับ “ผมแมทธิวครับ ส่วนคุณ?” ทอมเลิกคิ้วนิด พยายามทบทวนว่าคุ้นชื่อนี้มาจากที่ไหน ท้ายที่สุดทอมจึงจำได้เคยได้ยินชื่อนี้จากญาติของเหยื่อหลายรายออกปากชื่นชมหัวหน้าคนงานไม่น้อยทีเดียวว่าเขาช่วยเหลือครอบครัวเหยื่อเป็นอย่างดีไม่น้อยไปกว่าเจ้าของคฤหาสน์อย่างมิสเตอร์ลาวเดน

    “เจ้าหน้าที่คาร์นีย์ครับ ไม่ทราบว่าผมพอจะถามคุณสักสองสามข้อจะได้ไหม?” ชายตรงหน้าโคลงศีรษะนิดเหมือนจะบอกว่าจริงๆ แล้วเขานั้นไม่ได้ว่างพอจะตอบคำถาม แต่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หนุ่มเสียมากกว่า ดังนั้นทอมจึงไม่รอให้เสียเวลา

    “ได้ข่าวว่าคุณช่วยเหลือครอบครัวของเหยื่อในคดีทุกราย”

    “ก็เพราะเราทำงานด้วยกันมานาน ความช่วยเหลือพวกนั้นมันเล็กน้อยมากๆ”

    “ผมรู้ว่านี่คงเป็นคำถามที่คุณคงโดนถามมาบ่อยแล้ว แต่ผมเองก็เพิ่งจะมาทำคดีนี้ ผมน่ะจนปัญญาเหมือนกัน คุณคิดว่าคนร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนงานหรือเปล่า พอจะมีข้อมูลของคนที่คนงานพวกนั้นไปพัวพันไหมครับ”

    “ผมรู้แค่พวกเขาบางคนเป็นหนี้พนันเท่านั้น แต่นอกเหนือจากนี้ผมไม่ทราบจริงๆ คุณเจ้าหน้าที่”

    “หนี้พนัน?”

    “ตามประสาคนอยากรวยทางลัดน่ะครับ” หัวหน้าคนงานถอนหายใจ ท่าทางเช่นนั้นทำให้ทอมอนุมานได้ว่าแมทธิวไม่อยากหลุดปากเรื่องพนันให้มากนัก กลับกันมันยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้น กระนั้นเขาแสร้งทำทีว่านี่คงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญและจบประเด็นเสียเอง

    “ยังไงก็ขอบคุณที่ตอบคำถามและให้ความร่วมมือครับ

    “หวังว่าคดีนี้จะจบลงด้วยดี เจ้าหน้าที่คาร์นีย์” แมทธิวเอื้อมมือมาแตะบ่าเขาคล้ายกับให้กำลังใจก่อนจะหันกลับไปทำงานที่คั่งค้างต่อ

    ทอมกวาดสายตาไปโดยรอบคฤหาสน์ลาวเดน แม้จะสวยงามและอยู่ท่ามกลางป่าสนเงียบสงบ หลบซ่อนความวุ่นวาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนจนเรียกได้ว่ามันเป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมมากแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่หากมันยังคงเป็นสถานที่ต้องสาปในคดีฆาตกรรมอยู่ละก็ จากบ้านพักตากอากาศในฝันคงกลายเป็นบ้านผีสิงได้ไม่ยาก

    เขาตัดสินใจเดินทางกลับ ระหว่างทางเขาโทรศัพท์หานายตำรวจในสถานีเพื่อสอบถามว่ามีข้อมูลเรื่องแหล่งพนันหรือไม่ ซึ่งแน่นอน...ใจกลางเมืองมีบ่อนเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่จริง มันตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของบาร์แห่งหนึ่ง และเมื่อทอมเดินทางไปถึงเขาเป็นอันต้องประหลาดใจ เพราะบาร์นี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เหยื่อรายล่าสุดเดินโซซัดโซเซตัวโชกเลือดมาสิ้นใจท่ามกลางสายตาผู้คนทั้งเมือง

    เจ้าหน้าที่หนุ่มนั่งรออยู่ภายในรถกระทั่งบาร์เปิดทำการ ไม่ทันที่เขาจะก้าวลงจากรถดีก็มีสายโทรศัพท์เรียกเข้า มันเป็นเบอร์ที่ทอมไม่คุ้นนัก

    “สวัสดีครับ”

    ‘เจ้าหน้าที่คาร์นีย์ ผมแจ็ค ลาวเดน’ ทอมขมวดคิ้วฉับ ไม่บอกก็รู้ว่าเสียงหัวเราะเบาๆ ที่แผ่วมาจากปลายสายกำลังขบขันเรื่องใดอยู่

    “...เดี๋ยวสิ คุณเอาเบอร์ผมมาจากไหน”

    ‘ผมมีวิธีของผม’

    ให้ตาย! ผู้ชายคนนี้ ทอมนึกสบถแต่พยายามข่มใจไม่พูดอย่างใจคิด รอฟังว่าทายาทลาวเดนนึกครึ้มอะไรถึงได้จงใจโทร.มาก่อกวนเขาขณะปฏิบัติหน้าที่

    “มีอะไรก็ว่ามาสิครับ”

    ‘แม่บ้านที่คฤหาสน์แจ้งผมว่ามาวันนี้คุณไปที่นั่นเพราะต้องการพบผม มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า’ อดไม่ได้ที่เขาจะกลอกตาขึ้นนิดเมื่อน้ำเสียงของแจ็ค ลาวเดนฟังดูเหมือนสั่งการเขาอยู่กลายๆ ได้แต่นึกหมั่นไส้ว่าบทสนทนาที่ว่าไม่ต่างจากการที่เขาเป็นเลขาส่วนตัวของคุณนักธุรกิจคิวทอง

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ” บอกปัดไปส่งๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลงย่ามใจ แม้ความจริง ทอมจะเดินทางไปถึงคฤหาสน์ลาวเดนแค่เพราะต้องการพบชายหนุ่มด้วยเหตุผลง่ายๆ ไม่กี่ข้อ นั่นคือ...เขาแค่ต้องการคนที่ช่วยให้จิตใจสงบลง และน่าแปลกที่ชื่อของผู้ชายคนนี้ปรากฏขึ้นเป็นชื่อแรก

    ‘ผมจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน’

    “ก็แล้วแต่คุณจะคิดครับ”

    ‘อีกสักพักผมถึงกลับสก็อตแลนด์’

    “แล้วคุณมาบอกผมทำไม”

    ‘เผื่อคุณคิดถึงผม’ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่มีทีท่าว่าใครจะวางสายก่อน เสียงเพลงในวิทยุยังคงเล่นคลอเบาๆ กระทั่งเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่หนุ่มตัดสินใจเอ่ยขึ้นเนื่องจากยังมีหน้าที่รอเขาอยู่

    “ผมต้องวางสายแล้ว”

    ‘ทอม...’ เจ้าของชื่อชะงัก เพราะโดยปกติ แจ็ค ลาวเดนติดปากเรียกเขาด้วยชื่อ เจ้าหน้าที่คาร์นีย์เสมอ...ทอมประหลาดใจ กระนั้นก็นิ่งฟังว่าอีกฝ่ายจะกล่าวอะไรต่อ

    ‘ระวังตัวด้วย...ผมเป็นห่วง’

    “ครับ” เขากดวางสาย ฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ รู้สึกปั่นป่วนและวูบโหวงในอกชอบกล ทอมไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีช่วงเวลาจิตใจเปราะบางกระทั่งเขาระลึกได้ว่าวันทั้งวันของเขาวันนี้มันค่อนข้างหนักหน่วงหดหู่ ดังนั้นเมื่อใครอีกคนต่อสายตรงมาหาเขาเพื่อบอกประโยคสั้นๆ เพียง ผมเป็นห่วง จึงเป็นเรื่องเกินความคาดหมายทีเดียวจากผู้ชายที่ชื่อว่า แจ็ค ลาวเดน





    ใครจะรู้ว่าคฤหาสน์ลาวเดนเต็มไปด้วยห้องหับซับซ้อน หนึ่งในนั้นคือห้องที่ถูกซ่อนตัวอยู่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ หากจะเข้ามาได้ต้องรู้จักประตูลับภายในห้องหนังสือ กลไกของมันถูกอำพรางสายตาด้วยชั้นหนังสือ ประตูลับจะเปิดออกเมื่อหยิบหนังสือเล่มที่ถูกต้องออกจากชั้น หลังบานประตูคือบันไดหินสูงชันนำทางไปสู่ห้องซึ่งจัดได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้าม ตั้งแต่เขารู้ว่าตนจะต้องกลายร่างเป็นอสูรอัปลักษณ์ การหลบซ่อนตัว ขังตนเองอยู่ภายในห้องที่เขาเรียกมันสั้นๆ ว่า คุกจองจำชั่วคราว จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ห้องทั้งห้องเกือบจะอับแสง มีเพียงช่องหน้าต่างเล็กๆ ระบายอากาศและพอจะเห็นอิสรภาพอันริบหรี่

    ชายหนุ่มไม่ได้เดินทางกลับลอนดอนอย่างที่กล่าวอ้าง หากแต่จำต้องหลบซ่อนตัวไม่ให้ใครอื่นพบเห็นเขาในสภาพอัปลักษณ์... ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนกระทั่งข้ามวันมาจนบัดนี้ ทายาทลาวเดนยังคงอยู่ในร่างอสูรแม้โดยปกติตามคำสาปเขาจะกลับสู่การเป็นมนุษย์ในยามฟ้าสางก็ตาม ประสาทสัมผัสของเขาว่องไวเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในร่างนี้ ดังนั้นแจ็คจึงทราบถึงการมาเยือนทอม กลินน์ คาร์นีย์ แม้ตนจะหลบซ่อนตัวและได้ยินทุกบทสนทนา แน่นอนว่าหลังจากทอมเดินทางกลับไปแล้ว เจ้าหน้าที่จากลอนดอนคงกำลังเริ่มปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตราย

    ‘เวลาของเจ้าเหลือไม่มาก’

    จู่ๆ เสียงนั้นแว่วกระซิบ มันแผ่วเบาแต่กลับบาดลึกทรมานเสียจนเขาล้มลงกับพื้น ดวงตากวาดมองไปโดยรอบ ไร้ซึ่งสรรพสิ่งใด มีเพียงเสียงหัวเราะเย้ยหยันก้องกังวาน

    ‘จงทรมานชั่วกาล...จงถูกพลัดพรากไม่มีที่สิ้นสุด’ ความเจ็บปวดถาโถมโจมตี หากนี่เป็นการกลั่นแกล้ง ผู้ที่สาปแช่งเขาคงกำลังสาแก่ใจเกินจะกล่าวที่ทำให้เขาดิ้นทุรนทุราย ร่างอสูรค่อยๆ แปรเปลี่ยนคืนสู่ร่างมนุษย์ ทว่า... เขานั่นอ่อนแรง ดวงตาสีฟ้าหรี่หลับทั้งที่ห้วงความคิดของเขาเวียนวนอยู่กับใครอีกคน





    ภายในบาร์แห่งนี้ครึกครื้นไปด้วยผู้คน มองผิวเผินอาจเป็นร้านอาหารและมีเครื่องดื่มบริการธรรมดาๆ แต่รายงานจากนายตำรวจที่เขาเพิ่งจะขอข้อมูลแจ้งว่าที่นี่ซ่อนบ่อนเล็กๆ แต่มีการหมุนเวียนของเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว การจะเดินเข้าไปในส่วนของบ่อนนั้นไม่ง่ายเนื่องจากหลายๆ คนต่างทราบดีว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ ซึ่งการมาเยือนของเขาย่อมมีวาระแอบแฝง

    ทอมทำทีเป็นไม่สนใจสายตาแปลกๆ จากคนในร้านหรือแม้กระทั่งคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าถิ่น... เจ้าหน้าที่หนุ่มจับจองที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์ สั่งเครื่องดื่มเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาอาจแค่มาที่นี่เพื่อพักผ่อนจากการทำงานก็เท่านั้น ทอมเฝ้าสังเกตการณ์ทุกการเคลื่อนไหวของผู้ที่เข้ามาในบาร์ ที่นี่แตกต่างจากบาร์ที่เขาเคยไปนั่งดื่มกับแจ็ค ลาวเดน เพราะบรรยากาศอึมครึมและตึงเครียดกว่า อาจเพราะมีชายหน้าตาบึ้งตึงสองสามคนเฝ้าตามจุดไม่ต่างจากผู้คุม

    “เจ้าหน้าที่คาร์นีย์?” เสียงหนึ่งทักขึ้น ทอมหันไปตามต้นเสียง ชายคนนั้นคือหัวหน้าคนงานที่เขาเพิ่งจะได้พบที่คฤหาสน์ลาวเดน

    “อ๋อ คุณแมทธิว” แมทธิวเลือกที่จะนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์เช่นเดียวกันกับทอม พร้อมกับสั่งเบียร์มาหนึ่งแก้ว

    “เรื่องคดีคงทำให้คุณเครียดน่าดู คืบหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ?” ทอมเลิกคิ้วนิดเมื่ออีกฝ่ายชวนเริ่มสนทนา ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากเสียมารยาท

    “ผมคงตอบคุณไม่ได้ อันที่จริงคงต้องบอกว่าไม่มีข้อมูลจะตอบมากกว่า” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามเรื่องคดีในสถานที่เปิดแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นกับชายที่เรียกได้ว่าเหยื่อทุกคนรู้จัก... ในแง่หนึ่งแล้ว ทอมคิดว่าแมทธิวเองก็เข้าข่ายผู้ต้องสงสัยในคดีได้เช่นกัน

    แน่นอน...เวลานี้เขาไม่ควรไว้ใจใคร

    “เรื่องคดีมันคงเป็นความลับ โทษทีที่เผลอถาม” แมทธิวยักไหล่ขณะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม แต่ด้วยนิสัยของเจ้าหน้าที่พิเศษ ทอมไม่อาจละสายตาไปจากรอยแผลเป็นตรงข้อมือขวาของชายคนนี้ได้ ประเมินด้วยสายตา รอยแผลเป็นนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน

    มันดูคล้ายกับรอยกรงเล็บสัตว์...

    “คุณทำงานให้มิสเตอร์ลาวเดนมานานแค่ไหนแล้วครับ” ทอมคิดว่าเขาน่าจะลองพูดคุยกับแมทธิวเพื่อสำรวจความคิดของชายผู้นี้บ้าง ในเมื่อจากแฟ้มคดีเขาดูเป็นคนสำคัญสำหรับญาติของเหยื่อไม่น้อยไปกว่าแจ็ค ลาวเดน คำถามเมื่อสักครู่ทำให้แมทธิวเลิกคิ้วเล็กน้อย

    “ตั้งแต่เขาเดินทางมาสก็อตแลนด์ ประมาณครึ่งปีได้แล้ว”

    “คุณเป็นคนพื้นที่สินะครับ”

    “ใช่ ผมทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ผมรับงานปรับปรุงคฤหาสน์เพราะเขาเสนอเงินดีมาก ดีกว่างานที่เคยทำมาสองสามงานเชียวคุณ”

    “แล้วมิสเตอร์ลาวเดนเขาเป็นคนยังไงหรอครับ”

    “นักธุรกิจทั่วไป เขามองเห็นแค่กำไรกับขาดทุนตามประสาคนรวยนั่นแหละ” ความจริงแล้วทอมเคยคิดว่าแจ็ค ลาวเดนเป็นคนอย่างที่แมทธิวว่า แต่เพราะโทรศัพท์สายนั้น เขาจึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถือทะนงตนอย่างที่คนนอกตระกูลปรามาส

    “แล้วคุณเชื่อเรื่องตำนานคำสาปตระกูลลาวเดนไหมครับ” คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจจนอดไม่ได้ที่ทอมจะลองเอ่ยปากถาม ปฏิกิริยาของแมทธิวไม่ได้น่าแปลกใจนักเพราะเขาหัวเราะขบขันพลางส่ายหน้าอย่างคนไม่เชื่อเรื่องนิทานหลอกเด็ก

    “แค่เรื่องที่คนพูดต่อกันมา ผมว่าตำนานอสูรอะไรนั่นไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด”

    “...นั่นน่ะสิครับ”

    “ที่น่ากลัวจริงๆ น่าจะเป็นฆาตกรที่ยังลอยนวลอยู่มากกว่า...”

    “...”

    จู่ๆ ทอมรู้สึกราวกับโลกทั้งโลกที่เขามองเห็นพร่าเลือน ศีรษะหนักอึ้ง โสตประสาทอื้ออึงสัญชาตญาณตะโกนก้องร้องเตือนเขาว่านั้นพลาดท่าให้กับ...อันตราย

    ทอมมองแก้วเครื่องดื่มในมือสลับกับใบหน้าของแมทธิว

    “คุณคงเหนื่อยมาก พักก่อนเถอะ...เจ้าหน้าที่คาร์นีย์”





    เสียงกิ่งสนวูบไหวไปตามแรงลม เด็กหนุ่มผมดำเจ้าของดวงตาสีฟ้าไม่ได้อยู่ภายใต้ร่างสุนัขหมาป่าอย่างที่ควรจะเป็น เขายืนอยู่หน้าต้นสนขนาดมหึมากลางป่าทึบในเขตพื้นที่ของตระกูลลาวเดน ลึกลงไปในพื้นดิน ใต้รากสนนั้นฝังหัวใจแม่มดเพื่อซ่อนเร้นจากภัยอันตราย ยามนี้เขาเลือกอาศัยร่างมนุษย์เพื่อกระทำบางสิ่งบางอย่าง รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยงแต่จากการทบทวนถึงความเป็นไปได้ หนทางที่ทำให้อนายรินปลดเปลื้องจากคำสาปทั้งปวงย่อมมีเพียงหนทางเดียว...

    แรกเริ่มเดิมทีแบร์รี่ไม่แน่ใจว่าตัวตนของอนายรินคือใคร และเป็นอย่างไร...จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบว่าอนายรินซึ่งเมตตาต่อเขาไม่มีทางอาฆาตแค้นใครได้แน่ เขารับรู้ได้ถึงความทรมานที่เจ้าของชีวิตได้รับ มันคือความเจ็บปวดที่แลกมาด้วยคำสาปแช่ง มากไปกว่าการตอบแทนบุญคุณผู้มอบชีวิต แบร์รี่แค่อยากให้อนายรินได้รับอิสรภาพอย่างที่เจ้าตัวพึงมีมาตั้งแต่กำเนิด นั่นคือการมีชีวิตเป็นของตนเองโดยชอบธรรมไร้ซึ่งสิ่งใดบงการ

    ถึงอย่างนั้นการทำลายหัวใจแม่มด...เท่ากับล้มล้างทุกอำนาจจนหมดสิ้น

    รวมไปถึงอำนาจที่ทำให้สุนัขหมาป่าเช่นเขามีชีวิตเฉกเช่นมนุษย์เช่นกัน

    ทว่าครั้นจะทำลายหัวใจแม่มดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเพียงแค่มีใครเข้าใกล้มัน อีกฝ่ายย่อมหยั่งรู้และแน่นอนว่าจะต้องรีบปรี่เข้ามาขวางเป็นแน่ แต่เขาคงต้องเสี่ยง ในเมื่อไม่มีวิธีไหนบ้าบิ่นไปกว่านี้อีกแล้ว

    เด็กหนุ่มหยิบกริชเงินออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อแจ็คเก็ต เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันสามารถทำลายหัวใจแม่มดได้เนื่องจากกริชเงินเล่มนี้ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลบาร์นาร์ด น่าแปลกที่อนายรินไม่เคยแตะหรือเข้าใกล้แม้กริชจะถูกเก็บรักษาในตู้โชว์ภายในห้องทำงานของเจ้าตัวเอง นั่นทำให้แบร์รี่สามารถขโมยมันออกมาจากตู้โชว์ได้โดยที่อนายรินไม่ทันสังเกต เพราะสิ่งนี้ไม่เคยเป็นที่สนใจของอนายริน อาจเรียกได้ว่าเป็นของแสลงเห็นจะได้

    “หายมาอยู่ที่นี่นี่เอง” เสียงทักจากเบื้องหลังทำให้แบร์รี่จำต้องเลื่อนกริชเงินเก็บภายใต้เสื้อแจ็คเก็ตตามเดิม เขามองข้ามไหล่ตนเองจึงพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน...

    ถึงรูปร่างหน้าตาเป็นของอนายริน แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่อนายริน เป็นเธอต่างหาก

    “ผมไม่ได้หายไปไหน แค่มาทำหน้าที่ของตัวเอง” เด็กหนุ่มมองดวงตาสีอำพันที่จ้องตรงมา ทว่าแบร์รี่เพียงแค่ยักไหล่ วางท่าเป็นปกติว่าเขาไม่ได้คิดคดทรยศดั่งที่อีกฝ่ายกำลังคลางแคลงใจ

    “ถ้าแค่นั้นฉันก็สบายใจ แต่ถ้าเพราะกริชเงินที่ขโมยมาเพื่อที่จะกระทำการบางอย่าง ก็ขอให้รู้ไว้ว่านั่นไม่ฉลาดเท่าไหร่” เขากะไว้แล้วว่าผู้มีอำนาจหยั่งรู้ทุกความคิดคนอื่นเช่นแม่มดแห่งบาร์นาร์ดไม่มีทางพลาดเรื่องนี้ เพียงแต่เธอจงใจให้มันเกิดขึ้นก็เท่านั้น

    “ผมจะทำแบบนั้นไปทำไมเล่า” แบร์รี่แสร้งเฉไฉ หากเป็นอนายรินอยู่ตรงหน้าเขา เจ้าตัวคงยินยอมให้เขาทำลายหัวใจแม่มดโดยไม่รีรอ แต่เป็นแม่มดอายุหลายร้อยปีที่เข้าครอบครองร่างนั้นอยู่ในขณะนี้ ครั้นจะทำอะไรก็ดูยุ่งยากไปเสียหมด นั่นเพราะการที่เธอออกมาแสดงตัวเช่นนี้หมายความว่าจิตของอนายรินเข้าขั้นอ่อนแอจนไม่อาจต้านทานเธอได้แล้ว หากปล่อยไว้นานวันเข้ามีแต่จะยิ่งทำให้จิตวิญญาณของอนายรินเข้าใกล้การแตกดับมากขึ้นเรื่อยๆ

    เขาต้องตัดสินใจ...

    ‘แบร์รี่’ จู่ๆ เสียงนุ่มแว่วในโสตประสาท แบร์รี่รู้ได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของใคร และดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าอนายรินกำลังสื่อสารกับเขาเช่นกัน เด็กผมดำสงบฟัง ไม่แสดงออกว่าเขานั่นประหลาดใจเต็มประดาที่อีกคนสามารถสื่อสารโดยไม่ให้เธอรับรู้ได้อย่างไรทั้งที่กำลังอ่อนแอ

    ‘หาโอกาสทำลายหัวใจนังแม่มดนั่นซะ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญคนของอสูรกำลังตกอยู่ในอันตราย ไปช่วยเขาและอสูร แก้ไขมันแทนฉันทีนะแบร์รี่’

    “ชีวิตของมันเป็นของฉัน แกหรือก็ไม่มีสิทธิ์ ชีวิตหมาสกปรกที่ถูกชุบขึ้นยังเป็นอำนาจของฉันเลย ดังนั้นจงสำนึกบุญคุณ” เธอเอ่ยหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มอย่างคนกุมอำนาจตัดสินชีวิตใครต่อใคร ภาพตรงหน้าของแบร์รี่ไม่ใช่อนายรินอีกต่อไป แต่เป็นร่างทับซ้อนของหญิงสาวที่ปรากฏกายขึ้น

    พลันแบร์รี่กลับคืนสู่ร่างสุนัขหมาป่า หมอบนั่งราวกับยอมศิโรราบต่ออำนาจแห่งแม่มดบาร์นาร์ด แม้แท้จริงเขาค่อนข้างร้อนใจทีเดียวเมื่อสิ่งที่ต้องแก้ไขล้วนถูกจำกัดด้วยเวลาที่ค่อยๆ บีบคั้น


    กระนั้นก็ตาม คำสาปนั่นจะต้องสิ้นสลายในค่ำคืนนี้

    พอเสียที ความทุกข์ทรมานแห่งผู้ได้รับคำสาป...




    TBC

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in