RAP IS NOW THE WAR IS ON ! ในตอนนี้ไม่มีรายการอะไรจะเดือดสู้รายการ RAP IS NOW ที่รวมแรปเปอร์ทั่วเมืองไทยมาประชันฝีมือกันอีกแล้ว ซึ่งถ้าเคยดูกันคงจะคุ้นกับแรปเปอร์ลุคนิ่งๆ แต่ทุกดอกที่ออกมาบอกได้เลยว่าฟังแล้วต้องกรี๊ดด้วยความเจ็บแสบ เขาคือ 23street นั่นเอง
วันนี้มินิมอร์เลยจะชวนมาคุยกับ 23 street กัน ซึ่งบอกเลยว่าถึงแม้จะไม่มีแรป แต่เรื่องทั้งในและนอกเวทีที่จะเล่าก็สนุกไม่แพ้กันเลยล่ะ :D
มินิมอร์ : ดูเหมือนเวลาขึ้นเวทีทุกคนดูคล่องกันมาก เคยมีตัน มีติด นึกไม่ออกกันบ้างรึเปล่า แล้วแก้ยังไงกัน
23 Street : มันก็จะมีช่วงที่นึกไม่ออกนะ ยุคก่อนเนี่ยแรปเปอร์พอเวลานึกไม่ออกเขาก็จะไถๆ ใช้คำอื่นกันไปเลยก็มีนะ แต่เดี๋ยวนี้เราก็ใช้ว่ายอมหยุดชะงักไปแป๊ปนึงดีกว่า แล้วค่อยมาต่อ เพราะถ้าแถๆ ไปบางทีคำก็กลายเป็นไม่ได้ไม่คล้องจองไปเลย
มินิมอร์ : เห็นแรปกันโหดๆ ด่ากันเจ็บๆ งี้ เคยมีโกรธกันจริงหรือไปมีเรื่องกันนอกรอบมั้ย
23 Street : จริงๆ ในวัฒนธรรมของแรปเองเขาจะไม่ค่อยถือตัวกันนะ ไม่มีโกรธกันจริงๆ หรือมีเรื่องกันหรอก พอลงเวทีไปจะออกแนวแบบ โหใช้คำแบบนี้เลยหรอวะ รอบหน้าเจอเอาคืนแน่ ไอ้ลงไปแล้วตีกันเพราะเรื่องแรปบนเวทีไม่มีนะ อีกอย่างคือวงการนี้มันแคบด้วย ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันเคยมีไปกินไปดื่มด้วยกันอยู่แล้ว
มินิมอร์ : คิดยังไงกับเรื่องแรปสด แรปจด เห็นคนชอบเอามาบลัฟมาว่ากัน
23 Street : จริงๆเป็นเรื่องที่อยากอธิบายเหมือนกัน ถ้าคนที่ไม่ได้เข้าถึงวงการลึกๆ หรือไม่ค่อยรู้จักก็อาจจะบอกว่าการจดคือไม่เก่ง แต่จริงๆ การจดมันเหมือนเป็นคำที่เราเก็บเอาไว้ มั่นใจแล้ว เหมือนเป็นหมัดเด็ดที่เราซ้อมมา ตอบคำนี้ไปเฮแน่นอน ซึ่งเขาก็เรียกกันว่ามันเป็นสกิลนะ พอใช้บ่อยๆ มันก็เป็นอะไรที่ติดตัวเหมือนกัน รู้ว่าต้องรับต้องส่งยังไง ส่วนแรปสดก็คือทั่วๆ ไปที่ใช้ในเวที ซึ่งถ้าเราขึ้นไปแบบสดอย่างเดียวมันนักฟุตบอลที่ไม่ซ้อมอะไรเลย ไปด้นสดล้วนๆ ออกมามันก็กากใช่มั้ย เล่นอะไรไม่เป็น ไม่มีแทคติค มันก็ไม่โอเคหรอก
มินิมอร์ : มีเรื่องไหน คำไหนบ้างมั้ยที่เรารู้สึกว่าเอออันนี้เราไม่เอา ไม่เล่น
23 Street : ส่วนตัวไม่ชอบคำถ่อยๆ หยาบมากแบบถึงอวัยวะเพศ จริงๆ พวกคนที่ใช้คำแบบนั้นจริงๆ ในวงการเขาก็มองกันว่าไม่ค่อยเก่งด้วยซ้ำ เหมือนแรปแถไปเรื่อยๆ เพราะคำหยาบไม่ได้แปลว่าแรงไง การเลือกใช้คำมันสำคัญกว่า ไม่ต้องหยาบก็เจ็บได้ เหมือนทำให้มีแผลได้โดยไม่ต้องตี ดูมีชั้นเชิงกว่าด้วย
มินิมอร์ : จุดเริ่มที่ทำให้ชอบฮิปฮอปคืออะไร
23 Street : เราเห็นว่าวงการเพลงบ้านเรามันน่าเบื่อ อย่างเพลงร็อคก็แหกปากไปงั้นๆ เพลงที่ดังก็มีแต่เพลงรัก หัวข้อมันวนอยู่แค่ ฉันรักเธอ เธอรักฉัน เธอทิ้งฉัน ทำไมเธอไปรักเขา มีอยู่แค่นี้ แล้วก็ฟังกันอยู่นั่นแหละ แต่พอเจอฮิปฮอปเนี่ยมันพูดถึงชีวิตเลยจริงๆ เดินไปหน้าปากซอยขายยาก็เอามาแต่งเพลงได้ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเป็นการเล่าเรื่องธรรมดาที่เออ นี่แหละ
23 Street : อย่างบ้านเรามันก็คนไม่ชอบฮิปฮอปมานานแล้วล่ะ เขาก็มองว่ามันเถื่อน เรามองว่ามันเหมือนเป็นการมองที่ภายนอก เห็นเป็นฮิปฮอปก็เอาแล้ว ต้องเป็นพวกขายยา พวกคนเถื่อน ไม่ดี แต่จริงๆ คนชอบฮิปฮอปมีทุกวงการ อัยการ อาจารย์มหาลัยยังมี แต่ปัจจุบันนี้กระแสก็ดีขึ้นมากแล้วนะ ขาดก็แค่ ผู้ใหญ่สนับสนุน มันไม่ค่อยมีสปอนเซอร์มาสนับสนุนวงการเท่าไร ทั้งๆ ที่จริงๆ มันดีนะ เด็กแว๊นๆบางคนก็จากไปเล่นยา แข่งรถ ก็เปลี่ยนมาร้องเล่นมาดูแข่งแรปกันนี่แหละ
มินิมอร์ : หลังจากไปออกรายการแล้วฟีดแบคเป็นไงบ้าง มีผลกับชีวิตจริงมั้ย เพื่อนรู้รึเปล่า
23 Street : ตอนแรกเพื่อนก็ไม่รู้หรอก แต่พอออกรายการไปก็รู้กันหมด จริงๆ ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้นะ คนที่เริ่มทำรายการเองก็ไม่เคยคิด ที่ทำตอนแรกกะว่าจะเอาแค่มันๆ ในกลุ่มสนุกๆ เท่านั้นเอง ทุกวันนี้มีคนมาขอถ่ายรูปยังทำตัวไม่ค่อยถูก ยังเขินๆ อยู่เลย เราไม่ได้เตรียมตัวมาแบบพวกศิลปินหรือดาราจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ออกจากงานประจำมาทำตรงนี้ให้เต็มที่ เอาให้สุดเหมือนกัน
มินิมอร์ : ในงานมีเตี๊ยมกันบ้างมั้ย อารมณ์แบบนัดมาก่อนว่าจะด่าเรื่องอะไร หรือ เตี๊ยมคนเรียกพวกมาช่วยโห่อะไรงี้
23 Street : ไม่มีเตี๊ยมแบบจะด่ายังไงเรื่องอะไร อาจจะมีรู้ว่าแข่งกับใคร ส่วนเรื่องเตี๊ยมพวก เอาตอนนี้เรื่องเล่นพรรคพวกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในงานคนมาดูเป็นพันๆ เขาก็เป็นคนที่ชอบจริงๆ จะไปจ้างไปขนเพื่อนมาเป็นร้อยๆ ไหนจะคนดูคนโหวตทางอื่นอีกเป็นแสน พรรคพวกยังไงก็สู้คนที่มาดูเพราะชอบจริงไม่ได้หรอก
มินิมอร์ : แล้วตอนนี้มีโปรเจกต์จะทำอะไรอีกมั้ย
23 Street : ตอนนี้ทำเพลงอยู่ อยู่ในช่วงตัดต่อMV กับปรึกษาฝ่ายที่รู้เรื่องกฎหมายอยู่ว่าจะโดนอะไรมั้ย เพราะพาดพิงหมดเลย รัฐบาล ศาล กระทรวง ทำด้วยความอัดอั้นส่วนตัวล้วนๆ ว่าทำไมไม่มีใครกล้าทำซักที แต่คงยังไม่ปล่อยเร็วๆ นี้