เทศกาลภาพยนตร์ World Film Festival of Bangkok จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 แล้ว โดยปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 13-22 พ.ย.นี้ ที่ เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ค้นพบหนังแปลกใหม่หรือหาดูยาก เราจึงขอแนะนำ 5 โปรแกรมหนังเด็ดไม่ควรพลาดในงานนี้
![](http://c.min.ms/a/0/261/64ofwn2be9.jpg)
1. Arabian Nights (2015, Miguel Gomes)
หนังของผู้กำกับชาวโปรตุเกสที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำหนังที่พิศวงสุดๆ หนังสร้างจากนิทานอาหรับ One Thousand and One Nights (หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ‘อาหรับราตรี’ หรือ ‘พันหนึ่งราตรี’) แต่มันเป็นการตีความใหม่แบบที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะมีทั้งยุคอดีต ปัจจุบัน อนาคต ปนมั่วกันไปหมด แถมหนังยังแบ่งเป็น 3 ภาค รวมแล้วยาว 381 นาที! ข่าวแว่วมาว่าตัวผู้กำกับจะมาร่วมงานนี้ด้วย
ตัวอย่างภาพยนตร์ Arabian Nights (2015)
![](http://c.min.ms/a/0/261/8vk6goz4bs.jpg)
2. The Human Resources Manager (2010, Eran Riklis)
ผลงานของผู้กำกับอิสราเอลคนดัง หนังของเขาเรื่องก่อนหน้าอย่าง The Syrian Bride (2004) หรือ Lemon Tree (2008) ก็เคยมาฉายในเทศกาลบ้านเรา หนังว่าด้วยผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (ตามชื่อเรื่อง) ที่ต้องนำศพลูกจ้างไปส่งให้ยังบ้านเกิดที่โรมาเนีย ถึงหนังจะเก่าไปหน่อย แต่ก็น่าดูทีเดียว
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Human Resources Manager (2010)
![](http://c.min.ms/a/0/261/glv662qnec.jpg)
3. Almost Heaven (2014, Li Shih)
ภาพยนตร์ไต้หวันที่เราไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก (ขนาดว่ากูเกิลแล้วก็ยังหาอะไรไม่เจอ) แต่พล็อตเรื่องน่าสนใจมาก มันเล่าถึงหญิงสาวที่หนีหายจากสามีและลูกชายไปถึงสิบปี แต่แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งเธอก็กลับมาบ้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าติดตามว่าครอบครัวนี้จะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่
![](http://c.min.ms/a/0/261/yp0h6i3jpt.jpg)
4. Contempt (1963, Jean-Luc Godard)
นอกจากหนังร่วมสมัยแล้ว ในเทศกาลยังมีส่วนของหนังคลาสสิกด้วย อย่าง Contempt ก็เป็นหนังดังของ Godard ผู้กำกับระดับปรมาจารย์ของกลุ่มฝรั่งเศสคลื่นลูกใหม่ (French New Wave) เนื้อเรื่องว่าด้วยชู้รักสามเส้าที่เกิดขึ้นกลางกองถ่ายหนัง เป็นการปะทะกันของความขัดแย้งเชิงศิลปะและอารมณ์มนุษย์
![](http://c.min.ms/a/0/261/542s7nefkc.jpg)
5. โปรแกรม Tribute to Hou Hsiao-Hsien
เพิ่งมีหนังเรื่อง The Assassin เข้าฉายในบ้านเราไปหมาดๆ ทางเทศกาลจึงจัดโปรแกรมสดุดีให้แก่ Hou Hsiao-Hsien ผู้กำกับชาวไต้หวันท่านนี้ โดยเลือกหนังเรื่อง A Time to Live, a Time to Die (1985) เล่าถึงครอบครัวที่ต้องจากบ้านเกิดไปเมืองอื่น และ Dust in the Wind (1986) ว่าด้วยหนุ่มสาวที่ต้องพรากจากกันเพราะฝ่ายชายไปเกณฑ์ทหาร ส่วนฝ่ายหญิงก็แต่งงานกับชายอื่น
ติดตามรอบฉายและข้อมูลภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้ที่ worldfilmbkk.com