เขียนวนไปจ้ะ! สมองตันแก้ได้ภายใน 30 วัน ด้วย 30 Day Challenge


เคยคิดอยากทำอะไร หางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำต่อบ้างมั้ย อย่างการเขียนไดอารี่ได้สองวันก็เลิก ซื้อสมุดสวยๆ มาจะเขียนแต่เขียนได้หน้าเดียวก็ไม่ได้เขียนต่อ แล้วทำยังไงถึงจะทำต่อไปได้เรื่อยๆ จนเป็นนิสัยได้ล่ะ? วันนี้มินิมอร์ขอแนะนำไอเดียใหม่ๆ สำหรับคนสนใจการเขียนสไตล์ non-fiction โดยเฉพาะด้วยการท้าทายตัวเองให้เขียนภายใน 30 วัน (30 Day Challenge) ไปลองเล่นกันดู


บางคนอาจจะคุ้นเคยกับเจ้าไอเดียการท้าทายตัวเองภายใน 30 วัน หรือ 30 Day Challenge กันบ้าง จากชาเลนจ์ออกกำลังกายลดพุง สร้างซิกส์แพคภายใน 30 วันอะไรทำนองนี้ แต่เดี๋ยวก่อน! มันไม่ได้มีแค่นั้น เรายังสามารถปรับชาเลนจ์ 30 วันนี้กับอย่างอื่นได้ด้วย โดยเจ้าชาเลนจ์ที่ว่าก็คล้ายกับ #WritingPrompt ที่เคยแนะนำไปใน WRITER’S WRITE เว็บพัฒนางานเขียนแจกโจทย์สุดสนุกให้ลองคิด เพื่อนักเขียนมือฝืดและสิ้น WRITE ไม้ตอก  แต่เจ้า prompt ก่อนหน้าอาจจะเน้นคนเขียนสไตล์ fiction  วันนี้เลยขอเอาใจคนเขียน non-fiction บ้าง ด้วยการให้โจทย์ตัวเองในการเขียนไปเลย 30 วันใน theme เดียวกัน ใครที่ชอบเขียนบล็อกหรือไดอารี หรือคนที่อยากเขียนแต่ไม่ได้ลงมือซะทีเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง วันนี้มินิมอร์ขอเสนอหลายๆ ไอเดียน่าสนใจมาให้ลองเอาไปใช้กัน 
 

30 Day Letter Challenge

ไอเดียแรก การเขียนบันทึกในรูปแบบของจดหมาย 30 วัน ถึง 30 คน มีตั้งแต่เขียนจดหมายถึงเพื่อนสนิท คนที่แอบชอบ คนที่เกลียด พ่อแม่พี่น้อง คนที่อยากคุยด้วย ไปจนถึงคุยกับเงาตัวเองในกระจก! (หืม น่าสนใจมาก ถ้าเป็นมินิมอร์จะเขียนถึงตัวเองยังไงนะ) เป็นไอเดียที่ดีมาก ปกติเราไม่ค่อยได้คิดอะไรจริงจังกับคนอื่นเท่าไหร่ จะว่าไปก็คล้ายกับแท็ก #จะพูดความรู้สึกแบบไม่กั๊กกับคนที่มากดไลค์แต่ไม่บอกชื่อ ที่ฮิตเล่นกันในเฟซบุ๊กเมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน เพียงแต่ไอเดียบันทึกในรูปแบบจดหมายอันนี้เป็นบันทึกความรู้สึกที่เราตั้งใจให้ตัวเองอ่านมากกว่า นอกจากจะฝึกเขียนแล้วยังเป็นการสำรวจความคิดของตัวเองและความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนอื่นไปด้วยในตัว *ตั้งใจเขียนวันที่ 12 หาคนที่เกลียดที่สุดสัก 10 หน้า A4* 

Website: 30 Day Letter Challenge



30 Day Music Challenge

ไอเดียถัดมาคือการนำเพลง 30 เพลงมาเขียนในแต่ละวัน หลายๆ เว็บไซต์ที่แชร์ชาเลนจ์นี้จะมีลิสต์เพลงมาให้ แต่จริงๆ จะใช้วิธีชัฟเฟิลเพลงในเพลย์ลิสต์ของตัวเองก็ได้ ความเจ๋งมันอยู่ที่เพราะบันทึกนี้เป็นของเราเอง ทำให้เขียนออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับคนเขียน จะเขียนเป็นเรื่องสั้น เป็นบทความ แต่งกลอน หรือบันทึกชีวิตตัวเองก็ได้ไม่มีใครห้าม อย่างสมมติมินิมอร์ชัฟเฟิลได้เพลง มนุษย์ลืม ของ แสตมป์ เอามาเขียนก็ได้หลายเรื่องเลย ถ้าเป็นนิยายคงเป็นชายที่วันหนึ่งตื่นนอนอยู่บนเตียงโดยที่ลืมทุกอย่างแม้แต่ชื่อของตัวเอง ถ้าเป็นไดอารีอาจจะเป็นประสบการณ์ความรักที่อยากลืม (ฮือๆ)

เพราะทุกคนมีเพลงที่ชอบไม่เหมือนกัน โจทย์สำหรับชาเลนจ์นี้เลยใช้วิธีเลือกเพลงหรือชัฟเฟิลจากเครื่องเล่นของเราเอง ใครที่อยากลองชาเลนจ์นี้แค่กดปุ่มเพลย์ก็เริ่มเขียนได้เลยจ้า



30 Day Writing Challenge 

สำหรับใครที่ชอบ Writing Prompt สไตล์โจทย์ยาวๆ ชาเลนจ์จากบล็อกที่รวบรวมบรรดาชาเลนจ์ต่างๆ ไว้อันนี้ก็น่าสนใจ เช่น วันที่ 8 ให้เล่าเรื่องราวชีวิตของเราด้วยมุมมองของคนอื่น มินิมอร์ชอบของวันที่ 24 มากที่ให้เขียนเรื่องเกี่ยวกับตอนที่เราไม่ได้นอนนานที่สุด อืม...เขียนได้หลายเรื่องมาก ตั้งแต่บันทึกชีวิตจริงตอนปั่นเปเปอร์มหาลัยในสัปดาห์ไฟนอล หรือใครไอเดียดีๆ บางทีอาจจะเขียนจนเป็นบทภาพยนตร์ได้เหมือนเรื่องฟรีแลนซ์ของพี่เต๋อเลยก็ได้ รายนั้นพระเอกก็อดหลับอดนอนจนเป็นหนังเลย ฮา แต่ก่อนจะถึงวันที่ 24 ต้องทำวันที่ 1-23 ด้วยนะ!

Website: 30 Day Writing Challenge 



30 Day Writing (A word a Day) Challenge 

มีชาเลนจ์สไตล์โจทย์ยาวๆ ไปแล้ว ก็ลองเล่นกับชาเลนจ์สั้นๆ บ้าง เช่นชาเลนจ์นี้เลย เป็นการนำคำสั้นๆ คำเดียวมาเขียนในแต่ละวัน อย่างเช่น การเริ่มต้น (beginning) อาทิตย์ตก (sunset) ฤดูหนาว (winter) อนาคต (future) โดยที่วิธีเล่นคือเหมือนชาเลนจ์ก่อนหน้าที่คนเขียนเป็นคนเลือกว่าจะเขียนคำคำนี้ออกมาในรูปแบบไหน ยกตัวอย่างเช่น การเริ่มต้น จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มต้นชีวิตรัก การเริ่มต้นในรั้วมหาลัย หรือการเริ่มต้นนิยาย คนเขียนจะตีความไปยังไงก็ได้

Website: 30 Day Writing (A word a Day) Challenge 


ข้อดีของชาเลนจ์เหล่านี้คือถึงจะดูมี theme แต่ก็เป็น theme ที่เปิดกว้างมาก ไม่ใช่แค่ว่าจะออกมาในรูปแบบกลอน เรื่องสั้นบทความหรือไดอารี แต่ใครที่ไม่ถนัดเขียนจะวาด จะถ่ายภาพ จะทำออกมาในรูปแบบอื่นๆ ก็ได้แล้วแต่จะตีความกัน จะเก็บให้ตัวเองอ่านคนเดียวหรือโพสต์ให้คนอื่นอ่านด้วยเป็นการส่งต่อไอเดียให้คนอื่นไปด้วยในตัวด้วยก็ได้

ว่าแต่ว่าทำไมต้อง 30 วันด้วยนะ 7 วัน 40 วันอะไรงี้ไม่ได้หรอ? ลองคิดดูสงสัยคนริเริ่มคงจะมีไอเดียเดียวกับพวกโปรแกรมที่ให้เราทดลองได้ 30 วันมั้ง เหมือนกับที่ถ้าเราชอบก็ซื้อโปรแกรมต่อ หรือการออกกำลังกายที่ถ้าทำไปสักพักคงติดเป็นนิสัย ใครที่ทำตามชาเลนจ์เขียน journal หรือไดอารีมาได้ตั้ง 30 วัน 30 เรื่องแล้วก็คงอยากจะเขียนต่อไปใช่มั้ยล่าา *เชียร์* แต่จะเขียนครบ 30 วันหรือไม่ยังไงนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป มินิมอร์จะเอาใจช่วย ฮ่าๆ