เรื่องราวสยองขวัญที่เกี่ยวข้องกับคน 4 คน ที่ได้รับการว่าจ้างจากเศรษฐีคนหนึ่งในการเข้าไปตรวจสอบความเป็นไปได้หลังการตายของตนเอง ณ. บ้านหลังหนึ่งที่ถูกเรียกว่า Hell House ซึ่งถือได้ว่าเป็นบ้านผีสิงที่มีผีมากที่สุดในโลก ความลุ้นระทึกที่ผสมผสานกับความน่ากลัวทำให้พวกเขาทั้ง 4 คนเอาชีวิตตัวเองแทบไม่รอดในการบุกไปที่บ้านหลังนี้ เรามาตามลุ้นตามเชียร์กันดีกว่าว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบของเรื่องนี้จะลงเอ่ยอย่างไร มินิมอร์บอกเลยว่าเห็นแค่หน้าปกก็สยองแล้ว แฮ่!
Haunted เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นแนวสยองขวัญ 23 เรื่องของ Chuck Palahniuk โดยแต่ละเรื่องจะถูกเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ ตัวละครทุกตัวจะมีส่วนร่วมในทุก ๆ เรื่องย่อย มินิมอร์ชอบตรงการขึ้นต้นบทใหม่ของแต่ละเรื่อง คือจะมีการขึ้นด้วย คำคม ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ของผู้แต่งที่ต้องการจะสื่อสารกับคนอ่าน ทำให้คนอ่านเข้าใจมากขึ้น และภายในเนื้อหาแต่ละฉากแต่ละตอน เราในฐานะคนอ่านก็จะสัมผัสได้ถึงนัยยะสำคัญที่ผู้แต่งต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา เห็นหน้าปกเบลอ ๆ แบบนี้ พอได้อ่านแล้วไม่เบลออย่างที่คิดนะจ๊ะ ลองไปอ่านกันดูน้าา
เป็นหนังสือที่ขายดีและสร้างชื่อให้กับ Peter Straub จริง ๆ สำหรับ Ghost Story เรื่องนี้ โดยเรื่องราวภายในเล่มได้เกิดขึ้นที่เมืองสมมุติแห่งหนึ่ง และมีคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า 'Chowder Society' ซึ่งกิจกรรมหลักของคนกลุ่มนี้คือการแชร์เรื่องผีที่ทุกคนได้พบเจอกันมาเอามาเล่าต่อ ๆ กัน มินิมอร์คิดว่าหนังสือเล่มนี้ก็แอบคล้ายหนังสือรวมเรื่องเล่าผีแบบไทย ๆ ที่เราเคยเห็นผ่าน ๆ ตากันมา แต่รับรองว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านแล้วจะต้องมีความสนุกสนานและตื่นเต้นกับเรื่องราวเหล่านี้แน่นอน!
แม้จะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยแต่ก็ทำลายความหลอนของพี่เขาไม่ได้จริง ๆ จ้ะ สำหรับเรื่องนี้ The Exorcist แฟนหนังสือหลายคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เพลินจนวางไม่ลงจริง ๆ ใครที่อยากอ่านมินิมอร์จะชวนมาดูเรื่องย่อกันดีกว่าว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร และจะมีที่มาที่ไปยังไงกันบ้าง
เหตุการณ์ในเรื่องนั้นเริ่มต้นมาจากครอบครัวของดาราสาวคนหนึ่งที่ต้องมาพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับลูกสาว ซึ่งตอนแรกนั้นเธอไม่คิดอะไร แต่พอเหตุการณ์เริ่มบานปลายยากที่จะควบคุมไหวเธอจึงหันหน้าไปพึ่งศาสนา เมื่อบาทหลวงคนหนึ่งได้เข้าไปดูอาการของ เทเรซ่า ลูกสาวของเธอแล้วนั้น เขาได้ตัดสินอาการออกมาอย่างรวดเร็ว โดยคำตอบของบาทหลวงคนนั้นคือ เทเรซ่า ถูกครอบงำโดยสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ และสิ่งที่บาทหลวงจะต้องทำอย่างเร็วที่สุดก็คงหนีไปพ้นการขับไล่วิญญาณร้ายที่ครอบงำเทเรซ่าอยู่
เป็นไงละ อ่านแค่นี้เริ่มอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าสุดท้ายเทเรซ่านั้นจะรอดชีวิตจากวิญญาณร้ายได้ไหม
มินิมอร์บอกเลยว่านิยายเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วก็สนุกไม่แพ้กัน แถมยังได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์หลอนระดับตำนานอีกด้วย ! ทำไมถึงเรียกว่าตำนานก็ลองดูรางวัลที่ได้รับมาซะก่อน ไหนจะ Best Writing , Best Director , Best Screenplay , Best Sound Mixing เลยไม่อยากให้พลาดกัน
แถมภาพยนตร์ยังทำออกมาได้โคตรหลอน ! ฉากหมุนคอรอบทิศทำเอาสยองไปสามวันเจ็ดวันเลยจ้า..
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักหรือน่ากลัวกันแน่สำหรับเหล่า 'ตา' บนหน้าปกหนังสือเล่มนี้ เห็นชื่อ Stephen King ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาเลยจ้า สอยมาอ่านกันได้เลย ! โดย Night Shift ถือว่าเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดแรกของ Stephen และได้รับรางวัล Best Collection จาก Balrog Award อีกด้วย พ่วงมาด้วยรางวัลแบบนี้ทำให้อยากอ่านขึ้นมาเลยเนอะ
หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วย 20 เรื่องสั้นที่จบในตอน โดยแต่ละเรื่องได้ถูกตีพิมพ์มาแล้วในนิตยสารชื่อดังของยุคนั้น เรื่องเด่น ๆ ที่น่าสนใจยกตัวอย่างเช่น Graveyard Shift ที่เป็นเรื่องราวของโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่ง ที่ได้จัดกิจกรรมทำความสะอาดครั้งใหญ่ของปีขึ้นมา โดยการทำความสะอาดครั้งนี้ได้รวมไปถึงชั้นใต้ดินที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงสีเก่าด้วย และชั้นใต้ดินนั้นแหละที่ทำให้คนงานกลุ่มนี้ได้เจอกับรังหนูขนาดใหญ่ ต่อให้ฆ่ายังไงก็ฆ่าไม่หมด การได้เจอรังหนูขนาดใหญ่นี้ก็ได้ทำให้ปริศนาคนงานหายของที่นี้ถูกคลี่คลายขึ้นมาด้วย Graveyard Shift นี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ บอกเลยว่าใครที่เกลียดหนู ถ้าได้อ่านหรือได้ชมเรื่องนี้รับรองว่าจะต้องมีหนาวกันแน่ ๆ
Night Surf เกี่ยวกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่รอดชีวิตจากไวรัส A6 ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิต แต่ไวรัสนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไปอยู่ดี สิ่งที่วัยรุ่นกลุ่มนี้ทำก็คือการบูชายัญมนุษย์ให้กับพระเจ้า เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ ความเชื่อจะกลายเป็นแค่ความเชื่อลอย ๆ หรือไม่ หรือลัทธิการบูชายัญพระเจ้าจะมีอยู่จริง อยากรู้ลองไปหาซื้อมาอ่านดูกันนะจ๊ะ มินิมอร์รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เอ๊ะ นี้มันคือตัวอะไร ทำไมมันถึงได้น่ากลัวขนาดนี้... มินิมอร์จะเฉลยให้ ไอ้ตัวที่ยุบยับ ๆ อยู่ที่หน้าปกนั้นมันคือทากจ้ะ แถมทากชนิดนี้ถือว่าเป็นชนิดพิเศษ เพราะมันเป็นทากที่กินเนื้อคน!!! (หืม) โดยเรื่องราวในเล่มนั้นถ้าจะให้บรรยายเป็นภาษาง่าย ๆ มินิมอร์ขอใช้คำว่า 'ทากบุกโลก' ถึงจะเป็นคำที่ชัดเจนมากที่สุด ความน่ากลัวนั้นก็ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะทากที่ปรากฏในเรื่องจะว่าตัวเล็กก็ไม่ใช่ จะว่าตัวใหญ่ไปก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าใหญ่กว่าธรรมดาและก็น่ากลัวกว่าธรรมดาแน่นอน
เนื้อเรื่องจะสยองขวัญปนคันยิบ ๆ แค่ไหนก็ลองดูเอาเซ่ เพราะมันได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย และแน่นอนว่าเราจะได้เห็นทากตัวเป็น ๆ คลานต้วมเตี้ยม ๆ อยู่เต็มหน้าจอแน่ ๆ โดยจะบอกว่านักแสดงในเรื่องนี้ลงทุนลงแรงมาก ๆ เพราะมีอยู่ฉากหนึ่งที่พวกเขาจะต้องโดนทากตัวเป็น ๆ มาเกาะอยู่เต็มตัว ! แค่ทากอย่างเดียวว่าสยองแล้ว ยังมีเมือกของทากเละเทะอยู่เต็มตัวอีกต่างหาก ใครที่ชอบหนังแนวสยองขวัญบวกชวนอาเจียนหน่อย ๆ มินิมอร์แนะนำเรื่องนี้เลยจ้า หรือถ้าอยาก soft ลงมาหน่อย ก็ไปสอยหนังสืออ่านโลด อ่านแล้วมาบอกมินิมอร์หน่อยก็ดี ว่าอ่านจบเล่มแล้วมีความรู้สึกเป็นยังไง55555 มินิมอร์จะรออ่านนะจ๊ะ
ใคร ๆ ก็บอกว่าปีศาจตนนี้นั้นน่ากลัว แต่ความจริงแล้วมันน่าสงสารต่างหาก มินิมอร์เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงจะเคยมีโอกาสรู้จักกับ Frankenstein กันมาบ้างแล้ว Frankenstein เกิดขึ้นมาจากฝีมือการเขียนของ Mary Shelly นักเขียนชาวอังกฤษ โดยเนื้อหานั้นเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ต้องการจะทำการทดลองครั้งสำคัญของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการจะทำการทดลองนั้นเกี่ยวกับการชุบชีวิตของคนตายให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง การทดลองของเขาในครั้งนี้ทำให้บรรดาคนรอบข้างต่างมองว่ามันไร้สาระ และไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่ทว่าแล้ววันหนึ่งการทดลองของเขาได้สัมฤทธิ์ผล เขาได้ฟื้นชีวิตให้แก่ศพของผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะตั้งชื่อมันให้เหมือนกับชื่อของเขาว่า Frankenstein
สำหรับ Frankenstein นั้นถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นอมตะเลยก็ว่าได้ เพราะได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายรอบ โดยการปรากฏตัวของ Frankenstein ครั้งแรกนั้นคือปี 1931 ใน
รูปแบบของภาพยนตร์ และถือได้ว่าเป็นการปรากฏตัวที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะมองว่า Frankenstein เป็นปีศาจที่น่าเกลียดน่ากลัวตนหนึ่ง แต่ถ้าเราลองมองดี ๆ ได้ศึกษาและทำความเข้าใจกับมัน เราจะได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว Frankenstein นั้นก็ไม่
แตกต่างอะไรกับมนุษย์เรา ที่อยากมีคนรัก อยากมีคนเข้าใจ ไม่ใช่ว่าสร้างมันขึ้นมากลับไม่ใส่ใจแถมมองว่ามันเป็นตัวอันตรายแบบที่ Dr.Frankenstein มองมัน
Books of Blood นี้เป็นหนึ่งในชุดนิยายแนวสยองขวัญสั่นประสาทของ Clive Barker โดยนิยายชุดนี้จะแบ่งออกเป็นหนังสือเล่มย่อย ๆ อีก 6 เล่ม ซึ่งแต่ละเล่มจะประกอบไปด้วยเรื่องสั้น 4-5 เรื่อง โดยเอกลักษณ์งานเขียนของ Barker นั้นไม่ได้อยู่ที่ความสยองขวัญอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงความเป็นแฟนตาซีรวมถึงการใส่จินตนาการเข้าไปเพิ่มเติมด้วย ฮิตแค่ไหนลองคิดดูสิ เพราะเรื่องสั้นในหนังสือชุดนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังมาแล้วถึง 6 เรื่อง!! ใช่จ้ะ เพื่อน ๆ อ่านไม่ผิดหรอก 6 เรื่องจริง ๆ จ้า
โดยเรื่องราวของ Books of Blood นั้นเริ่มต้นมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องการพิสูจน์ว่าโลกวิญญาณนั้นมีอยู่จริง ๆ โดยเธอพยายามจะพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับบ้านทอลลิ้งตั้น สถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมสุดสยอง ซึ่งทำเลที่ตั้งของบ้านนี้เปรียบได้กับทางสามแพร่งของบ้านเรา และถ้าหากโลกมนุษย์ถูกนำมารวมกับโลกวิญญาณแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
มินิมอร์ต้องบอกเลยว่าในหนังสือว่าสยองแล้ว พอมาทำเป็นหนังยิ่งสยองเข้าไปใหญ่ ใครที่อยากรู้เรื่องราวแต่ใจไม่กล้าพอมินิมอร์ขอแนะนำให้ไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านกัน หน้าปกก็อย่างที่เห็นเต็มไปด้วยโลกมนุษย์และโลกวิญญาณปะปนกันไปจนแยกไม่ออก มาลองอ่านนิยายสยองขวัญรูปแบบใหม่กับ Books of Blood กันเถอะ มินิมอร์รับรองว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน
Psycho เป็นนิยายแนวระทึกขวัญ ผลงานของ Robert Bloch โดยภาพจากหน้าปกนั้นเราสามารถเรียกมันว่าฉากในตำนานก็ว่าได้ เพราะฉากนี้เป็นฉากที่คนพูดถึงกันเยอะมากตอนที่นิยายเรื่อง Psycho ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยฝีมือของผู้กำกับ Alfred Hitchcock ราชาแห่งภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญ เมื่อตำนานชนตำนาน จึงทำให้หนังสือเล่มนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ออกฉาย
นอร์แมน เบตส์ กับแม่ของเขาได้เปิดธุรกิจโรงแรมร่วมกัน อยู่มาวันหนึ่งได้มีเลขานุการสาว แมเรี่ยน เครน หลงเข้าไปพักที่โรงแรมแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เมื่อเธอได้พูดคุยทำความรู้จักกับนอร์แมนคนนี้เท่านั้นละ ความสยองขวัญจึงเกิดขึ้น!
นอกจาก Psycho เล่มนี้แล้ว ยังมีภาคต่ออีก 2 เล่ม คือ Psycho II และ Psycho House ซึ่งภาพยนตร์ก็มีออกมาเช่นกัน แต่เสียดายที่ไม่ใช่ฝีมือการกำกับของ Hitchcock แล้ว
อย่างที่มินิมอร์บอกไปก่อนหน้านี้ว่าหนังสือเรื่องนี้ได้มีการถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งทำออกมาในมุมมองแบบสีขาว-ดำ ทำให้หนังดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก จุดเด่นของภาพยนตร์คือฝีมือการสร้างของ Alfred Hitchcock นี้แหละที่จะมาทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวทางเฉพาะตัวกว่าเรื่องไหน ๆ บอกเลยว่าเป็นการเล่นกับคนดูได้แบบน่าเหลือเชื่อ และบอกเลยว่าตอนจบมีหักมุมแน่นอน จับตาดูกันให้ดี !
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in