1
สำหรับตอนจบ ในเรื่องนี้ เหมือนจะเป็นการรวบรวมประโยคที่ไม่ค่อยจะเข้าพวกด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วหนึ่งคือคำพูดสไตล์ Harsh Statements ประมาณว่าอ่านแล้วจึ้ก จนต้องเล่าออกเสียงให้เพื่อนข้างๆ ฟัง มีเพื่อนผมคนนึงเคยตอบว่า โห ทำไมคนเขียนเค้าปากจัดจัง (ฮา)
2
ถือโอกาส พูดสั้นๆ เกี่ยวกับหนังสืออีกทีนึง ว่ามันไม่ใช่หนังสือที่ผมชอบที่สุด แต่การอ่านมันทำให้ผมได้เข้าใจสังคมเกาหลีใต้มากขึ้น เหมือนได้รู้จักชายวัยกลางคนที่มีความคิดคนนึง การสอนของเขามันก็อัดแน่นไปด้วย quote ที่มีความหมาย ไม่เน้นแค่คมกริ๊บ ซึ่งก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของผมดี สำหรับใครที่ชอบอ่านหนังสือแต่รู้สึกว่าไม่ใช่แนว ลองเปิดใจอ่านดูนะครับ อาจจะได้อะไรมากกว่าที่คิด : )
ความเศร้าใจของคุณเป็นการโกหกตัวเองและโกหกผู้อื่น อันนี้ลุงคิมสอนเราว่าการโพทะนาความเศร้าของตัวเองให้คนอื่นรับรู้เนี่ย จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนอกจากจะเป็นการหลอกตัวเองให้ยิ่ง depress มากยิ่งขึ้นไปอีก
คนที่ปฏิญาณอย่างมุ่งมั่นว่า “จะเลิกให้ได้ภายในวันที่ 1 มกราคม”นี่ไม่ใช่คำสัญญาว่าจะเลิกภายในวันที่ 1 มกราคม แต่เป็นการปลอบใจตัวเองว่าเรายังสามารถสูบบุหรี่ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ประโยคนี้เป็นอะไรที่โดนใจผมมาก ไม่จำเป็นต้องกำหนดวันเริ่ม ควรจะเริ่มเลย
คำว่า “ที่ดี” ให้ความรู้สึกค่อนข้างกำกวม ให้ระบุให้ได้เฉพาะเจาะจงเพื่อที่จะได้ประเมินค่าของมันได้
ควรยอมรับความสำเร็จของผู้อื่น-รู้สึกอิจฉาได้อย่างอิสระ เป็นสิ่งที่ฟังแล้วแปร่งหูอยู่ แต่ลุงคิมบอกว่า การที่เรายอมรับว่าเราอิจฉานั้นเป็นการยืนยันว่าเราอยากจะได้จะมีในสิ่งนั้นแล้วในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเปิดทางให้เรา มีเหตุผลในการพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุกที่ต้องการได้ ดีกว่าการที่ทำตัว องุ่นเปรี้ยวแล้วบอกว่าไม่น่าอิจฉาหรอก แบบนั้นมันไม่ได้พัฒนาตัวเอง
เราไม่สามารถสะสมคนที่ถูกใจ มาเป็นตัวเลือกในภายหลังได้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ไม่ใช่การ “เลือกคู่ที่ดีที่สุด”แต่คือการ“เป็นคู่ที่ดีที่สุด
คนเพียงคนเดียวที่เข้าใจเราสำคัญกว่าคนนับร้อยที่รู้จักเราเพียงผิวเผิน
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สังคมไม่มีที่ให้อยู่ตัวคนเดียว คุณต้องพยายามเรียนรู้การอยุ่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้ถึงแม้จะไม่ถูกใจใครถึงขนาดไม่อยากคุยแล้วก็ต้องคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองก่อน
มนุษย์ไม่สามารถพึงพอใจต่อสิ่งที่มีได้ตลอดไ
ปพวกเราวิ่งไปตามแรงแห่งความปราถนา ไม่สามารถปล่อยมือจากสิ่งที่ถือครองได้
การตัดใจทำได้ยากกว่าการพยายามทำต่อ
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูง แต่จำเป็นต้องมีไหวพริบและปัญญาสูง
เคล็ดลับสำคัญในการสร้างแบรนด์คือ story telling การแข่งขันเข้าทำงาน จะต้องมีแบรนด์ของตัวเอง
อันนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการสัมภาษณ์และมีจุดยืนในสังคมที่เราอยู่ แต่ถ้าผิดหวังกับงานที่หวังก็ไม่เป็นไร ลุงคิมก็มีบทปลอบใจให้เหมือนกัน ซึ่งก็คือ
ความสามารถคือผลสำเร็จแห่งอนาคตที่วัดค่าผ่านผลงานในอดีต ไม่ใช่หลักประกันผลสำเร็จในอนาคต
สุดท้าย ให้หมั่นถามตัวเองและพึงละรึกไว้เสมอว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in