เรื่องนี้อาจเรียกได้ทั้งจดหมาย นวนิยาย และอัตชีวประวัติของเราเอง แรกเริ่มเดิมทีนั้นเราตั้งใจเขียนให้ "แม่ของเปิ้น" อ่าน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิต ความรักความคิดถึงที่เรามีต่อแม่ จึงเขียนเป็นคำเมือง (ภาษาเหนือ) ซึ่งเป็นภาษาที่เราใช้อู้ (พูด) ตามปกติกับแม่ เพราะเราเป็นคนเมือง (คนภาคเหนือ)
เขียนไปเขียนมาก็คิดว่าไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้แค่เรากับแม่ อยากเล่าเรื่องราวของเรา ละอ่อนน้อยเมืองเหนือผู้เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง เติบโตและเรียนรู้แบบคนเมืองหลวง ตามหาตัวตนในเมืองใหญ่ แต่ก็ไม่เคยลืมตัวตนแต่กำเนิดของตัวเองให้ผู้อ่านทั่วทุกภาคในประเทศไทยได้อ่านกัน
ดังนั้น เราผู้เป็นทั้งคนเมืองและคนเมืองหลวงจึงเขียนเรื่องนี้ด้วยคำเมืองและคำไทย เพื่อให้เห็นว่าภาษาถิ่นและภาษาไทยเข้ากันได้ดีและงดงามเพียงไร และเราทุกคนควรเรียนรู้ภาษาถิ่นไว้เพื่ออยู่ร่วมกับคนทุกภาคในประเทศไทยให้แน่นแฟ้นกลมเกลียว
ผมขอขอบพระคุณคณะครูสาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้ทำให้ฝันของผมที่อยากเขียนนวนิยายขึ้นมาสักเล่มเป็นจริง ขอบคุณอาจารย์ภูเดช แสนสา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนาที่น่าเชื่อถือ ขอบคุณอาจารย์สิทธิชัย พันชน มหาวิทยาลัยพะเยา ผู้ให้ความรู้ด้านภาษาและวรรณกรรมล้านนาอันทรงคุณค่า ขอบคุณ "พจนานุกรมล้านนา-ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง" และ "พจนานุกรมคำเมือง ฉบับนักเรียน เยาวชน และผู้สนใจทั่วไป" อันเป็นที่มาของคำเมืองทั้งหลายในเรื่อง ขอบคุณตัวละครในชีวิตจริงของเราทุกคน
และผู้ที่เราขอบคุณสุดซึ้งถึงขั้วหัวใจ คือแม่ของเปิ้น ผู้ที่เปิ้นรักนักขนาด และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้
อนึ่ง ทัศนคติและความคิดเห็นต่าง ๆ ของเราในเรื่องนี้เป็นทัศนคติและความคิดเห็นของคนอายุ ๒๒ ปี ซึ่งตอนนี้เราอายุย่าง ๓๐ แล้ว ทัศนคติและความคิดเห็นส่วนหนึ่งของเราในปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปตามโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นของเรา แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งในตัวเราที่ยังคงเหมือนเดิม
วินัย ชัยชนะ
๑๓ มกราคม ๒๕๖๕
แม่น้องเป็นคนลำปางค่า