เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ออกไปกับเขา (Partir avec Lui)NuttyyttuN
วันที่ 6 (1) - กับฉัน
  •           ฉันออกมายืนหน้าสถานีรถไฟ Gare d’Avignon อีกครั้ง ในขณะที่ผู้คนมากมายต่างหลับใหลอยู่บนเตียงนอนอันอบอุ่น ฉันยืนอยู่บริเวณด้านนอกสถานีด้วยความตื่นเต้นผสมกับความหวาดหวั่นใจเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจอมอนิเตอร์แสดงเวลารถไฟที่จะเข้าเทียบท่าในช่วงเช้า ความหนาวเย็นยังคงไม่จากไปไหน ยังคงติดตามตัวฉันไปในทุกหนแห่ง มีเพียงบางช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่าลมหนาวนั้นเป็นเหมือนเพื่อนร่วมเดินทางของฉันคนหนึ่ง แต่บางครั้งฉันก็กลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนร่างที่ไร้ตัวตนคอยติดตามฉันไปทุกหนแห่ง พยายามคอยรบกวนการเดินทางให้ต้องหยุดชะงักลงอยู่บ่อยครั้ง และนั่นทำให้ฉันต้องรีบพุ่งตัวเข้าสู่สถานีเพื่อเดินเข้าสู่อ้อมกอดของความอบอุ่นที่อยู่ภายใน อบอุ่นกายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะอบอุ่นไปถึงจิตใจ ยังไม่มีร้านค้าใดในสถานีเปิด มีคนอยู่ในสถานีบางตา เช้าเกินไป นายสถานีเดินกันอย่างเชื่องช้าอยู่ภายใน บ้างก็ทักทายกับผู้โดยสารบางคน แต่ไม่มีใครที่จะเดินเข้ามาหาฉัน และนี่คงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ความหนาวเย็นได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม กล้าทำกับคนอย่างฉันที่รู้สึกอ้างว้างและเดียวดายให้รู้สึกราวกับทั้งหมดทั้งมวลมีแค่เพียงตัวฉันเท่านั้นเอง

              ฉันนั่งลงบนเก้าอี้นวมสีแดงสลับดำตัวที่ติดอยู่กับริมหน้าต่างบานใหญ่ ขอบหน้าต่างมีช่องลมที่ปล่อยลมร้อนออกมา ทำให้รถไฟทั้งคันไม่รู้สึกหนาวจนเกินไป แต่ตอนนี้ฉันนั้นกลับรู้สึกรุ่มร้อนไปกับแผนการเดินทางที่ฉันเพิ่งจะตัดสินใจเมื่อคืน รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีอย่างเชื่องช้า ฉันเปิดแผนที่ดูอย่างตั้งใจ บนมือมีแผนที่ประมาณสามถึงสี่ใบ ใบหนึ่งเป็นตารางเวลาของรถประจำทางสาย 20 ที่ฉันจะต้องไปขึ้นให้ทัน และมีเพียงรอบเดียวในช่วงเช้าในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เนื่องจากช่วงเวลาที่ฉันไปมันเป็นช่วงที่โรงเรียนต่างๆปิดเทอม มันทำให้รถประจำทางทุกสายปรับลดเวลาการเดินรถลง แผนที่อีกใบหนึ่งเป็นแผนที่เมือง Arles ในขอบเขตที่กว้างกว่าเขตเมืองเก่า ฉันจะเดินทางไปจนถึงสถานีรถประจำทางป้ายสุดท้าย Les Razetteurs เพื่อไปยัง Saintes-Maries de la Mer เป็นเมืองหนึ่งซึ่งวางตัวชิดติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อไปเดินดูชายหาดที่มีระยะทางยาวมากกว่ายี่สิบกิโลเมตร ไม่รู้ทำไมถึงตื่นเต้นไปกับการเดินเที่ยวทะเลทั้งๆที่บ้านเกิดของฉันเองก็มีชายทะเลเต็มไปหมด แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสมันในช่วงฤดูหนาว อยากจะรู้ว่ามันจะหนาวมากซักเพียงไหน ส่วนอีกใบหนึ่งเป็นแผนที่เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติ Parc Naturel Régional de Camargue ซึ่งฉันยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ซึ่งฉันต้องพยายามดูว่าสามารถไปที่ไหนได้บ้าง ภายใต้ข้อจำกัดของรถประจำทางและรอบของรถไฟขากลับ ฉันพยายามคิดถึงความเป็นได้ต่างๆมากมายในที่ที่ฉันจะไป เมื่อสายตาเมื่อยล้าจากการมองแผนที่สลับไปมา ฉันเงยหน้าเพื่อมองกับภาพบรรยากาศภายนอกที่มืดสนิท พร้อมกับพยายามฟังเสียงประกาศสถานี ฉันก้มมองดูนาฬิกา ก่อนที่จะพบว่าตัวเองนั้นได้นั่งรถไฟเลยสถานีไปเรียบร้อยแล้ว

  •           ภาพบรรยากาศยามดวงอาทิตย์ส่องแสงยามเช้าเป็นสิ่งที่ตัวฉันเองไม่คิดว่าจะได้พบเจออีกแล้ว หลังจากที่นั่งขบคิดเรื่องสภาพบรรยากาศและสภาพการนอนของตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่สิ่งที่สะท้อนผ่านกระจกหน้าต่างรถประจำทางสาย 20 คือภาพดวงอาทิตย์เฉิดฉายตัวอยู่บนผืนทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่มอันกว้างใหญ่ ต้นไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดพัดลู่ไปตามแรงลมราวกับเป็นการทักทายดวงตะวัน แสงสว่างไสวสีอำพันก็สะท้อนความอบอุ่นสู่ทุกสรรพสิ่งเหมือนกับเป็นโอ้มกอดอันอบอุ่นที่ทำให้ทุกอย่างพร้อมจะดำเนินชีวิตต่อไป ฉันก็ได้รับมันด้วยเช่นกัน ฉันนั่งจ้องมองภาพเหล่านั้นอย่างเงียบๆบนเบาะรถสีเขียวปนม่วง รถประจำทางเดินทางผ่านทุ่งนามากมาย ฉันเองไม่เคยคิดว่าจะได้พบกับท้องทุ่งแบบนี้ในเขตประเทศที่มีความหนาวเย็นเช่นนี้ ฉันอมยิ้มเล็กๆให้กับความผ่อนคลายเบื้องหน้า หรืออาจจะเป็นเพราะฉันสามารถขึ้นรถประจำทางนี้ได้ทันเวลา หลังจากฉันนั่งรถเลยสถานีไป หัวใจของฉันเต้นแรงมาก เพราะฉันเลือกลงสถานีถัดไปที่เป็นสถานีระหว่างเมือง ยืนหนาวเหน็บที่ป้ายชานชาลาสถานีรถไฟ มีเพียงหลอดไฟสีขาวดวงเดียว กับหน้าจอโทรทัศน์ที่บอกเวลาที่รถไฟจะเข้าเทียบท่า ฉันก้าวขึ้นรถพร้อมภาวนาให้ฉันสามารถไปทันรถประจำทางด้วย ก่อนที่จะพบว่าตัวเองนั้นมาถึงป้ายรถประจำทางด้านหน้าสถานี Gare d’Arles ตอนเวลาเจ็ดโมงเช้า และยังต้องยืนรอรถอย่างอกสั่นขวัญแขวนเมื่อถึงเวลานัดหมายแต่รถที่ต้องการนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเทียบท่า เมื่อเจ็ดโมงครึ่งรถประจำทางคันงามก็โผล่พ้นหลังตึกมาเพื่อกวาดต้อนผู้คนที่ต้องการจะโดยสารไปพร้อมกับมัน ฉันก้าวขึ้นรถพร้อมกับพูดกับคนขับรถอย่างมั่นใจที่สุดเท่าที่เคยจะพูดมา ‘Bonjour! Saintes-Maries de la Mer, s’il vous plaît’ พร้อมกันกับที่พนักงานขับรถส่งยิ้มกลับมา

              หลังจากถูกพนักงานขับรถปล่อยลงตรงป้ายรถเมล์ Les Razetteurs บนถนนที่เงียบเหงาที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่มีผู้โดยสารคนไหนลงที่ป้ายนี้เช่นเดียวกัน ฉันจึงได้แต่พยายามใช้แผนที่สองสามใบที่มีเพื่อนำพาตัวฉันไปให้ถึง Office de Tourisme ให้ได้ ถนนหลายสายในเมืองนี้เหมือนจะคดเคี้ยววนเวียนไปมา ฉันถึงกับเดินเข้าออกตามตรอกซอกซอยต่างๆมั่วไปหมด ก่อนที่จะพบเข้ากับ Place des Gitans ซึ่งเป็นเหมือนลานกิจกรรมกว้างๆขนาดใหญ่ ตั้งติดอยู่กับ La mairie ที่ว่าการอำเภอของที่นี่ ลานกิจกรรมวันนี้มีเครื่องเล่นอย่างเช่นม้าหมุน และรถไฟเหาะขนาดกลางที่เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่โตจเกินไปนัก มีตลาดนัดขายของตั้งแต่ผักสด ขนมปัง ชีสและเนย จนไปถึงอาหารที่ปรุงสำเร็จเช่นไก่ย่าง และแม้กระทั่งชุดเสื้อกันหนาว และอุปกรณ์ต่างๆ คล้ายๆกับตลาดนัดบ้านเรา ฉันเดินสอดส่องคร่าวๆก่อนจะเดินผ่านมันไป ฉันเดินไปจนสุดถนนจนพบกับวงเวียนรูปปั้นรูปวัวกระทิง ซึ่งด้านหลังเป็นที่ทำการของสำนักงานนักท่องเที่ยว และก็เป็นอะไรที่ไม่ได้เตรียมการไว้นั่นคือ มันยังไม่เปิด ฉันจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังของตึก ซึ่งต้องเดินต้านทานแรงลมหนาวที่พัดมาจากทะเล ในที่สุดฉันก็มาถึงทะเล คลื่นลมแรงใช้ได้ ท้องฟ้ามีเมฆอยู่บ้างแต่ก็ยังคงมองเห็นดวงอาทิตย์อย่างชัดเจน ฉันยืนอยู่บนทางเดินเลียบชายหาดหันหน้าเข้ารับลมหนาวอย่างเต็มที่ ฉันหยิบลิปมันขึ้นมาทาเพิ่มเติม และหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบท่ามกลางลมที่พัดกระหน่ำ เป็นความรู้สึกที่อยากลงเล่นน้ำทะเล น้ำคงเย็นมากๆ ร่างกายคงสั่นสะท้าน ความรู้สึกของการมาเที่ยวทะเลโดยที่สวมเสื้อผ้าสองสามชั้นบวกกับเสื้อแจ๊คเก็ตกันหนาว กางเกงยีนส์และรองเท้าหุ้มส้น มันก็ให้ความรู้สึกแปลกๆดีอยู่เหมือนกัน

  •           ฉันตั้งใจที่อยากจะเดินไปจนสุดขอบของถนนเลียบชายหาดซึ่งเป็นระยะทางประมาณยี่สิบกิโลเมตร รวมระยะทางไปกลับก็เป็นระยะทางสี่สิบกิโลเมตร ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ฉันตกรถประจำทางสายเดิมรอบบ่าย พนักงานผู้ใจดีแนะนำว่าให้ลองเดินดูร้านเช่าจักรยานที่มีอยู่ภายในเมือง แต่เขานั้นไม่ชัวร์ว่าจะมีที่ไหนเปิดหรือไหม ซึ่งก็เป็นไปเป็นตามที่เขาพูด ไม่มีร้านเช่าจักรยานร้านไหนเปิดเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วร้านค้าต่างๆบริเวณย่านเมืองเก่านั้นแทบจะเรียกได้ว่านับร้านค้าที่เปิดอยู่ได้ด้วยซ้ำ ฉันชอบกับการมาเที่ยวที่ไม่ค่อยมีผู้คนมากเท่าไหร่ แต่บางทีมันก็ให้บรรยากาศของเมืองร้างอยู่กรายๆ ในตรอกซอกซอยรอบบริเวณโบสถ์ Église de Notre-Dame-de-la-Mer เงียบเหงา แม้กระทั่งตัวโบสถ์เองก็ไม่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมในวันนี้ ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าร้านมินิมาร์ทเพื่อซื้อนมและน้ำเปล่าก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่ทางเดินเลียบชายหาด และตัดสินใจที่จะเดินไปเรื่อยๆเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย เพื่อนร่วมเดินทางมีเพียงแค่ลมทะเลอันหนาวเหน็บที่ถูกพัดขึ้นฝั่งจากทางด้านขวามือ ส่วนด้านซ้ายเป็นบ้านเรือนขนาดไม่เกินสองชั้นวางเรียงตัวไปตามแนวยาวของทะเล ถูกกั้นกลางด้วยพื้นหินขัดสีเหลือนวลที่ทำไว้เป็นทางเดิน หรือสำหรับจักรยาน หรือจะไว้าสำหรับวิ่งออกกำลังกายก็เป็นได้ ฉันเดินมุ่งน่าไปตามทางอย่างโดดเดียว มีเพียงบางครั้งบางคราวที่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังคอยสะกดรอยตามอยู่เรื่อยๆ แต่ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะฉันชอบคิดถึงหนังฆาตกรรม ภาพหลอนมักจะตามติด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นตอนเช้าที่สดใสก็ตาม

              บริเวณสะพานทางเชื่อมระหว่างชาดหาดด้านตะวันออกและชาดหายด้านตะวันตก ถูกคั่นกลางด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ Trabas de Jusiou ฉันยืนมองทะเลสาบเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยนกสีขาวบินร่อนอยู่เหนือแอ่งน้ำ เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ในแผนที่เขียนไว้อย่างนั้น มีชายวัยกลางคนสองสามคนมายืนวนเวียนอยู่ที่บริเวณแห่งนี้เช่นกัน เขาไม่น่าจะใช่นักเดินทางแน่นอน เขายืนพูดคุยกันในภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ พร้อมกับเดินลงไปบริเวณเนินดินด้านข้างสะพานเพื่อเข้าไปใกล้กับบริเวณแอ่งน้ำมากขึ้น ฉันได้แต่ยืนสำรวจสภาพแวดล้อมด้านหน้าและพวกเขาอยู่เนืองๆ ทำไมฉันถึงต้องไปสนใจพวกเขามากนัก หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาก็มีท่าทีที่จ้องมองฉันอยู่อย่างต่อเนื่อง ฉันจึงเริ่มมีท่าทีไม่ไว้วางใจมากนัก ถึงแม้ว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยของมีค่ามากมาย แต่พวกเขาคงจะรู้ได้ในทันทีว่าฉันไม่ใช่คนที่นี่อย่างแน่นอน ฉันเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ถ้าฉันเดินทางต่อไปจนถึงสุดปลายหาดอีกด้านหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของนาเกลือ Salin de Giraud ต้องใช้เวลาเดินเท้าอีกประมาณแปดชั่วโมง ซึ่งนั่นจะทำให้ฉันตกรถอย่างแน่นอน ก่อนที่ฉันจะได้คิดต่อไป ฉันสังเกตเห็นแล้วว่ากลุ่มชายเหล่านั้นกำลังเดินตรงมาที่ฉันอย่างแน่นอน ฉันยังคงทำท่าทีไม่สนใจใยดีตรงข้ามกับแรงเต้นของหัวใจที่อึกทึกครึกโครม ทำไมฉันถึงหวาดหวั่นกับอะไรเหล่านี้ด้วย เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นมีเสียงฝีเท้าของม้าพุ่งตรงมายังบริเวณที่ฉันยืนอยู่อย่างฉับไว เป็นกลุ่มคนที่น่าจะมาท่องเที่ยวละแวกนี้โดยใช้ม้าเป็นพาหนะ กลุ่มชายเหล่านั้นหันหลังกลับไปที่จุดตั้งต้นกลางแอ่งน้ำ ฉันถือจังหวะนี้เดินจ้ำกลับไปยังทางเดิม กลับไปยังกลางใจเมืองอีกครั้ง ฉันหันหลังกลับไปเห็นเพียงร่างหนึ่งบนอานม้า ฉันเห็นเพียงแค่แผ่นหลังที่ถูกคลุมด้วยเสื้อแจ๊คเก็ต ฉันหันหลังกลับและเดินต่อไป ในใจคิดแต่เพียงแค่ว่าทำไมคนบนนั้นช่างเหมือนเขาเสียเหลือเกิน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in