ค่ำคืนยามพระจันทร์เต็มดวงให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปตั้งแต่เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นใน Hackett's Quarry
‘ปาร์ตี้แคมป์ไฟฤดูร้อนนองเลือด กลุ่มวัยรุ่นโรคจิตวางแผนฆาตกรรมครั้งใหญ่’ นั่นคือสิ่งที่หนังสือพิมพ์บอก แต่ไม่มีใครเลยที่รู้ความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีไปกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ยังมีชีวิตรอด ทว่าต่อให้พยายามพูดความจริงก็ไร้ประโยชน์ มนุษย์หมาป่าอาละวาด สิ่งเหล่านี้มันก็มีแค่ในหนังสยองขวัญเกรดบีเท่านั้น พวกตำรวจคิดแบบนั้นจนกระทั่งใครสักคนเอาหลักฐานที่เก็บได้ให้พวกเขาดู พวกเขาจึงหุบปากเงียบและยอมปล่อยตัวทุกคนที่ถูกจับอย่างเสียไม่ได้
ตำรวจไม่ต้องการให้ความจริงเหล่านี้หลุดรั่วออกไป ซึ่งลอร่าเข้าใจดี เรื่องราวแบบนี้มีแต่จะสร้างความวุ่นวายให้ไม่จบไม่สิ้นกับคนที่เหลือ อีกทั้งพวกเขาทั้งหมดไม่ต้องการจะรื้อฟื้นความทรงจำเลวร้ายขึ้นมาอีกครั้ง สุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอจนกว่ากาลเวลาจะทำให้ลืมเลือนไปเอง
ชีวิตในคุกระยะสั้น ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับลอร่ามากเท่าไรนักถ้าเทียบกับคนอื่น ตรงกันข้ามมันทำให้เธอรู้สึกสงบกว่าการถูกปล่อยตัวออกไปข้างนอกเป็นไหน ๆ ในฐานะที่ตัวเองเคยผ่านสถานะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเพราะติดเชื้อมาแล้ว มันยากมากที่จะลืมความรู้สึกกระหายเลือดในครั้งนั้นได้ เธอยังจำได้ดีตอนที่ฝังเขี้ยวไปบนแขนของนายอำเภอทราวิส แฮ็กเก็ต รสชาติเลือดคาว ๆ คละคลุ้งในปากติดอยู่ปลายลิ้น เธอไม่สามารถกินอาหารอย่างคนปกติได้เป็นเดือน ๆ ต้องใช้ชีวิตด้วยการให้น้ำเกลือชั่วคราวจนกระทั่งดีขึ้นมาได้บ้าง
หลายครั้งที่ลอร่าหวนนึกถึงใบหน้าใจดีของคริสแฮ็กเก็ต เจ้าของค่ายพัก Hackett's Quarry และมนุษย์หมาป่าที่ทำให้แม็กแฟนเก่าของเธอติดเชื้อจนมากัดเธออีกทีหนึ่ง การตายของเขาทำให้เธอและแม็กกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำให้ความสัมพันธ์ในอดีตกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ท้ายที่สุดแม็กก็ชิงฆ่าตัวตายระหว่างยังอยู่ในคุก ทิ้งลอร่าไว้เพียงลำพังด้วยความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่ในอก เช่นเดียวกับความกลัวที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าสักวันตัวเองจะกลับไปเป็นเช่นนั้น เป็นมนุษย์หมาป่ากระหายเลือดน่าขยะแขยงเมื่อพระจันทร์ส่องสว่างบนฟากฟ้า ลงมือเข่นฆ่าผู้คนโดยที่ไม่รู้ตัว แม็กเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกันเขาถึงได้เลือกที่จะฆ่าตัวตายไปเช่นนั้น
ลอร่ากลับไปสมัครเรียนสัตวแพทย์อย่างที่ตั้งใจไว้ ย้ายตัวเองไปไกลถึงนิวยอร์ก แต่ก็ไม่เคยหนีฝันร้ายพ้นเลยสักครั้ง ภาพของคนที่ตายในคืนนั้นและเสียงกระซิบกระซาบที่เปี่ยมด้วยคำสาปแช่งยังตามหลอกหลอนเธออยู่เสมอทุกครั้งที่ราตรีมาเยือน มันคือเสียงวิญญาณของหญิงชราแห่งแฮ็กเก็ต ทราวิสเคยบอกกับเธอว่าหล่อนเป็นชาวยิปซีที่ชื่อว่าเอไลซ่าที่แวะมาเปิดคณะละครสัตว์ที่นั่นเมื่อหลายปีมาแล้ว และซิลล่าลูกชายหล่อน หรือที่เรียกกันในคณะละครสัตว์ว่า The Dog Boy ก็คือต้นกำเนิดของการแพร่เชื้อมนุษย์หมาป่าตัวอื่น ๆ
ลอร่าเป็นคนลงมือฆ่าThe Dog Boy ด้วยตัวเอง ปืนลูกซองใส่กระสุนเงินไม่มีพลาดเป้า ตั้งแต่นั้นวิญญาณหญิงชราชาวยิปซีก็ตามติดเธอเหมือนเงาด้วยความแค้น เธอเชื่อว่าหล่อนน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม็กคิดฆ่าตัวตาย และหล่อนจะไม่หยุดจนกว่าลอร่าจะไม่เหลือใครหรือจนกว่าลอร่าจะตายตามลูกชายที่รักของหล่อนไป
ที่สุดแล้วหลังจากต่อสู้กับฝันร้ายและสภาวะจิตใจที่บอบช้ำจนกระทั่งเรียนจบ เธอก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำจนได้ นั่นคือกลับไปที่ North Kill
มันเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าทีเดียว แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เธอจำเป็นต้องทำ อะไรบางอย่างดึงดูดให้เธอต้องกลับมาที่นี่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง มันเหมือนกับว่าคำตอบที่ตามหายังคงอยู่ที่เมืองนี้และไม่เคยจากไปไหน
เธอไม่คิดว่าคำตอบที่ว่าคือ ทราวิส แฮ็กเก็ต
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น เรียกว่าเข้าขั้นบัดซบเลยก็ว่าได้ นายอำเภอบุคลิกแสนประหลาดในเมืองเล็ก ๆ ที่จับเธอและแฟนไปขังไว้ในคุกเป็นเดือน ๆ เพราะเรื่องของมนุษย์หมาป่าบ้า ๆ นั่น เธอไม่ชอบเขาแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทราวิสทำให้เธอรอดชีวิตมาได้หลายครั้ง และเธอเองก็ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ด้วยเช่นกัน ทีมเวิร์กที่เข้ากันได้อย่างแปลก ๆ นั่นแหละที่ทำให้หญิงสาวสามารถฆ่าตัวต้นตอของเชื้อมนุษย์หมาป่า และทำให้หลายชีวิตรอดมาได้จนถึงวันนี้
ในบรรดาผู้รอดชีวิตทั้งหมดจากคืนนั้น ลอร่ากับทราวิสใช้เวลาด้วยกันมากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ยังได้ผ่านความเจ็บปวดที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทราวิสสูญเสียครอบครัวโดยส่วนใหญ่ไป ส่วนเธอก็สูญเสียแฟนหนุ่มแสนดีไปด้วย กลายเป็นว่าทั้งเขาและเธอเป็นเพียงแค่สองคนที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวมาตลอดตั้งแต่นั้น
ลอร่าคิดเสมอว่าทราวิสเกลียดเธอเข้ากระดูกดำเหมือนกับแม่ของเขา เพราะเธอคือต้นเหตุการณ์ตายของทั้งพี่ชายและหลานสาวตระกูลแฮ็กเก็ตผู้ติดเชื้อมนุษย์หมาป่า เธอไม่คิดว่าเขาจะรับสายเธอเลยสักนิดตอนที่เธอรวบรวมความกล้าโทรไปหาเขาเป็นครั้งแรก แต่เขาก็กดรับจนได้หลังจากเสียงสัญญาณมือถือดังในรอบที่ห้า ไม่มีความเกลียดชังในน้ำเสียง แม้ว่าบทสนทนาจะเริ่มต้นด้วยการประชดประชันไปบ้างแต่มันก็เป็นไปได้ด้วยดี
แค่ประโยคสั้น ๆ ว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” ก็ทำให้ลอร่าเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เธอเปิดปากเล่าชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไปให้เขาฟัง และเขาเองก็เล่าถึงการทำงานและชีวิตที่นี่ให้เธอฟังเช่นเดียวกัน หญิงสาวได้รู้จากปลายสายว่าแม่ของเขาเสียชีวิตไปสักพักแล้วเพราะทำใจไม่ได้กับการสูญเสียคนในครอบครัวไปถึงสองคน ทราวิสดูไม่ค่อยโศกเศร้าเท่าไรนัก เขารับมือกับสถานการณ์พวกนี้ได้ดีเสมอ ทำให้เธอนึกถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งนั้นที่เขาและเธอต้องเอาตัวรอดไปด้วยกัน ทราวิสเป็นคนเดียวที่ไม่เคยสติแตกหรือระเบิดอารมณ์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“ฉันจะไม่โกหกเธอหรอกนะว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น เราทั้งคู่ผ่านเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในโลกมา มันไม่มีทางหายไปง่าย ๆ หรอก ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันจบลงแล้วก็ตาม”แม้จะฟังดูห้วนสักหน่อยแต่นั่นก็เป็นคำปลอบใจในสไตล์ทราวิส เขาถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ “แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อใดก็ตามที่ถึงวันพระจันทร์เต็มดวง ฉันยังถือปืนออกไปข้างนอกนั่นอยู่เลย”
ปืนลูกซองและกระสุนเงิน สองสิ่งที่สามารถฆ่ามนุษย์หมาป่าได้ ลอร่ามีความคิดบ้า ๆ ในหัวที่ทำให้เธอหลุดปากออกไปจนได้ “ฉันไปด้วยได้ไหม”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณกลัวมนุษย์หมาป่า แต่ฉันกลัวตัวเอง มันคงดีกว่าถ้ามีคุณอยู่ด้วย”
เธอไม่ได้พูดชัดเจนนัก แต่รู้ดีว่าอย่างไรทราวิสก็เข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการสื่อ เธอกลัวที่จะต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าอีกครั้ง และคราวนี้คนที่สามารถฆ่าเธอได้ก็มีแค่ทราวิสเท่านั้น การอยู่ติดกับเขาดูจะเป็นทางเดียวที่ทำให้ความกลัวอันไร้สาระลดน้อยลงไปได้บ้าง
ปลายสายเงียบไปนานทีเดียว ชั่วขณะหนึ่งเธอคิดว่าจะได้ยินคำบ่นจากทราวิส อย่างเช่น ‘คิดอะไรไร้สาระสิ้นดี’หรือ ‘ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอหรอกนะ’ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เขายอมให้เธอกลับมาเจอเขาที่นี่ และเธอก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวตอนได้ยินอย่างนั้น ประหลาดดีเหมือนกันกับการที่เธอรู้สึกดีใจที่ได้กลับไปทั้งที่ควรจะต้องกังวลแท้ ๆ
“พวกเธอสองคนมีความสัมพันธ์ที่โคตรจะประหลาด” ไรอัน หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากมนุษย์หมาป่าแห่ง Hackett's Quarry
เราทั้งคู่–เข้าใกล้คำว่าฆ่ากันตายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เราก็ไม่เคยทำเช่นนั้นจริง ๆ สักที แม้กระทั่งตอนที่ลอร่ากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ทราวิสมีกระจกเงินในมือและสามารถแทงเธอให้ตายได้ทุกเมื่อ ส่วนเธอก็ฝังเขี้ยวลงไปบนแขนเขา พร้อมที่จะฉีกกระชากร่างอีกฝ่ายให้เป็นชิ้น ๆ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย เป็นแค่การสบตาที่ยาวนานเหมือนนิรันดร์จนกระทั่งการตายของคริส แฮ็กเก็ต ทำให้เธอกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
เธอรู้ดีแก่ใจว่าทำไมและเธอรู้ว่าเขาก็รู้ บางสิ่งผูกติดเราไว้แนบแน่นเกินกว่าจะตัดขาด เรารู้สึกกันอย่างลึกซึ้งมากกว่าใคร ๆ ที่เรารู้จักมาตลอดทั้งชีวิต และไม่ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานหรือน้อยแค่ไหน หรือพบเจอกับใครอื่นอีกก็ตาม จะไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงเท่ากับความรู้สึกระหว่างเราทั้งคู่ที่แบ่งปันกันผ่านความเป็นความตายเพียงแค่สบตาเท่านั้น
แม้จะมีข้ออ้างมากมายให้หยิบยกมาพูด แต่ที่สุดแล้วเธอก็ต้องยอมรับกับตัวเองจนได้ว่ามีเหตุผลข้อเดียวเท่านั้นของการกลับไปสู่ North Kill นั่นก็คือทราวิส แฮ็กเก็ต
เหตุผลข้อนั้นยิ่งชัดเจนในใจมากกว่าเดิมเมื่อลอร่ามาถึงและเห็นเขากำลังรอเธออยู่ที่จุดนัดพบ ร่างสูงในเครื่องแบบนายอำเภอแสนคุ้นตายืนพิงประตูรถตำรวจ มือข้างหนึ่งถือถ้วยกาแฟกระดาษเอาไว้ และยื่นมันให้กับเธอทันทีที่เธอเดินเข้าไปหาพร้อมประโยคแรกที่ออกมาจากปากของเขา “คุณผู้หญิง”
ทราวิสยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาและการแสดงออกของเขา แต่ทักษะการสนทนาแสนทื่อตรงก็ยังชวนให้ตลกไม่ต่างกับครั้งแรกที่เจอเลยสักนิด
ดูเหมือนจะมีแค่เธอเท่านั้นที่ไม่เหมือนเดิมในแง่ของความรู้สึกที่มี…ต่อเขา
เร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป เธอยังไม่มั่นใจพอที่จะบอกเรื่องนี้ได้เต็มปากนอกจากการพิสูจน์เท่านั้น
และมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ หลังจากที่ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ลอร่ามาที่นี่ ในค่ำคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงและท่ามกลางป่ามืดที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ นอกจากเธอกับเขา ลอร่าคว้ามือทราวิสเอาไว้ น้ำเสียงของเธอแหบแห้งยามที่เอ่ยปากขอร้องให้เขาโยนเรื่องมนุษย์หมาป่าบ้า ๆ นั่นทิ้งไปและอยู่กับเธอต่อในคืนนี้
ทราวิสมองมือของเธอที่เกาะกุมเขาเอาไว้ ดวงตาคมกริบเหมือนมีดไล่สายตาขึ้นมาสบตากับเธอในความมืด เธอมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดนัก นอกจากเสียงกระซิบของเขา “คุณผู้หญิง เธอควรปล่อยมือฉันซะ ก่อนที่จะเสียใจทีหลัง”
หญิงสาวยอมไม่ปล่อยมือตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่แม้กระทั่งตอนที่เขาสัมผัสข้างแก้มเธอ ปัดปอยผมเธอออกอย่างเชื่องช้า ไปจนถึงตอนที่เขาก้มลงทาบทับริมฝีปากจุมพิตเธอ
ค่ำคืนนี้ยาวนานกว่าคืนไหน ๆ สำหรับเธอและสำหรับเขา
ลอร่าจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เธอเจอกับทราวิส เขาต้องการให้เธอกับแม็กไปพักที่โรงแรมฮาร์บินเจอร์แทนที่จะไป Hackett's Quarry แน่นอนว่าเธอไม่ได้ไปที่นั่น ไม่คาดเลยว่าปีต่อมาให้หลัง ทราวิสจะเป็นคนพาเธอมาที่โรงแรมราคาถูกแห่งนี้เสียเอง
อากาศหนาวยะเยือกไม่เป็นผลอีกต่อไปเมื่อเนื้อหนังเสียดสีแนบชิดเปี่ยมด้วยความอบอุ่นจนถึงขั้นร้อนจัด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนใดเลยมาหลายปีแล้ว ความเร่งรีบที่งุ่นง่านทิ้งรอยแดงเปียกชื้นไว้บนผิวเธอทุกครั้งที่ปากของเขาเคลื่อนที่ เสียงครวญครางเล็กน้อยเล็ดลอดออกมาจากลำคอ เป็นการร่วมรักที่เหงอะหงะเขินอายจนไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งตำรวจคนนี้เคยทำให้เธอกลัวจนหัวหด ลอร่าขยับสะโพกเคลื่อนไปข้างหน้าให้การสอดใส่เป็นไปได้โดยถนัด เธอกอดก่ายเขาบนเตียงเล็ก ๆ เหมือนคนกำลังจมน้ำที่พยายามไขว่คว้าอะไรก็ตามที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ และตระหนักได้ในที่สุดอย่างลึกซึ้งเต็มตื้นว่าเขาเองก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน
ลอร่าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าที่เงียบงันและสงบ ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดอยู่ แต่ก็สว่างพอจะเห็นอะไรในห้องนอนได้อย่างชัดเจน เธอรู้สึกแปลกพิกลที่พบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่ในห้องเพียงลำพังอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่มีฝันร้ายปลุกให้สะดุ้งตื่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกด้วย หญิงสาวขยี้ตาเล็กน้อยแล้วหันไปไปหานายอำเภอที่อยู่ข้าง ๆ เขาตื่นได้สักพักแล้วแต่ยังนอนมองเธออยู่บนเตียง จนลอร่าอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อคืนเขาได้นอนจริง ๆ บ้างหรือเปล่า
เธอยิ้มให้คนข้างกายก่อนจะมองเห็นอะไรบางอย่างบนแขนข้างขวาที่เปลือยเปล่าของเขา ลอร่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเพราะทราวิสมักจะใส่เสื้อแขนยาวเป็นประจำ แต่ตอนนี้เธอได้เห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นอย่างชัดเจนเต็มสองตา มันคือแผลเป็นรอยเขี้ยวสัตว์ขนาดใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามก็รู้ว่าเขาได้มันมาได้อย่างไร เธอเอื้อมมือไปแตะรอยแผลเป็นอันนั้นอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ฉันขอโทษนะ มันเจ็บมากใช่ไหม”
“ไม่แล้วล่ะ” ราวกับรู้ว่าหญิงรู้สึกยังไง ทราวิสจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา ขับไล่อารมณ์ย่ำแย่ในจิตใจเธอให้จางหายไป “อันที่จริงมันเป็นรอยแผลเป็นที่สวยมากเลยนะ”
“งั้นฉันควรกัดเพิ่มอีกสักรอยดีไหม”
“อย่าดีกว่าคุณผู้หญิง ไม่เช่นนั้นเราคงจะไม่ได้ออกไปจากห้องนี้แน่”
รอยยิ้มของเขาที่ดูเหมือนเย้ยหยันต่อทุกสรรพสิ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปในวันนี้ ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาของเขาทอประกายอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ลอร่าหลบตาเขา เธอรู้สึกเสมอว่ามันคงง่ายกว่านี้ที่จะล้อเลียนหรือชวนทะเลาะกับเขาอย่างที่เคยทำ แต่อะไร ๆ เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เพราะการตัดสินใจของเธอเอง และเธอไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
“ขอทีเถอะ เลิกเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงได้แล้ว”
ลอร่าบ่นพึมพำเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่ทราวิสจะได้ยิน เขาหัวเราะก่อนจะลูบหัวหญิงสาวอย่างนุ่มนวล และขยับเข้าไปใกล้ชิดเธอยิ่งขึ้นกว่าเดิม “โอเค ลอร่า”
ฟ้าสว่างแล้ว เสียงนกร้องดังแว่วออกมาจากนอกหน้าต่าง แต่ไม่มีใครคิดจะลุกจากเตียงก่อนเลยสักคน ราวกับอยากจะรักษาช่วงเวลาที่แสนพิเศษนี้ให้ยาวนานที่สุด ลอร่าถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย สองแขนสวมกอดนายอำเภอหนุ่มอย่างหลวม ๆ ได้กลิ่นเหงื่อปะปนกับกลิ่นโลชั่นโกนหนวดของเขา มันยอดเยี่ยมเหลือเกินที่ได้ตื่นมาข้างเขา เธอคิดเช่นนั้น ต่อให้ต้องตายในวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกต่อไป
“ขอบคุณนะ…ที่ยอมกลับมาเจอกันอีก”
มีความประหลาดใจเล็กน้อยจากสายตาทราวิส ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น บางอย่างที่ลอร่ารู้ดีว่าคืออะไร เพราะเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับเขา
“ขอบคุณเช่นกันลอร่าที่เธออยู่นี่”
ลอร่ารู้สึกเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาของเธอปริ่มด้วยน้ำตา แต่โชคดีที่มันไม่ได้ไหลออกมา หญิงสาวเงยหน้าขึ้น มีคำพูดอีกมากมายที่อยากจะพูดแต่เธอก็เลือกกล้ำกลืนมันลงคอหลังจากประสานสายตากับคนข้างกาย ทั้งคู่จ้องตากันไม่สั่นคลอนและหายใจอย่างมั่นคง ลมหายใจประสานกันเป็นหนึ่งด้วยจุมพิตอ่อนโยนอีกครั้ง และการใช้เวลาบนเตียงที่ยาวนานขึ้นสำหรับวันนี้
ลอร่าไม่เคยเชื่อเรื่องของโชคชะตาเลยจนกระทั่งตอนนี้ เธอไม่อาจหนีความจริงที่เกิดไปได้เช่นเดียวกับการหนีหัวใจตัวเอง เพราะคำตอบของเธอคือทราวิสเสมอมา และคำตอบของทราวิสก็คือเธอ เนิ่นนานที่พบเจอและเนิ่นนานที่จากลา ความผูกพันแน่นแฟ้นที่แม้แต่กาลเวลาก็ตัดไม่ขาดนำพาให้ได้พบกันอีกครั้ง และในที่สุดคนทั้งสองก็ได้เจอกับจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ตัวเองตามหามาตลอดเสียที
เธอและเขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วหลังจากนี้
_________________________
เราไม่คิดว่าจะมีคนไทยเขียนคูู่นี้ เพราะมันค่างข้างจะมีปัญหา ต้องแยกแยะพอสมควร ตอนแรกก็กังวลว่ามีแค่เราคนเดียวรึเปล่าที่เห็นไดนามิกของคู่นี้ แต่ไปส่องฝั่งตะวันตกก็เจอเยอะเลย แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนไทยเขียนด้วย ปริ๊มปริ่ม ภาษาเขียนการเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยอ่านเข้าใจง่ายและเห็นภาพมากฮะ ขอบคุุณที่เขียนครับ
ความสัมพันธ์ของคู่นี้ถ้าให้ถกจริงคือยาวเลยฮะ เปิดสเปซเลยเถอะพร้อมสนทนา 555 จะบอกว่ามันมีปัญหาไหมคือมีแหละ แต่ปัญหาที่ว่ามันก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งคู่ อย่างการที่ทราวิสขังลอร่ากับแม็ก ผิดจริงแต่เขาทำไปเพื่อไม่ให้สองคนนี้เป็นอันตราย ส่วนลอร่าที่พยายามช่วยแม็กเต็มที่ แต่ก็ลงเอยด้วยการฆ่าคนไม่ตั้งใจไปเช่นกัน ส่วนตัวเลยตัดสินใจเขียนฟิคโดยขยายความรู้สึกผิดตรงจุดนี้เพื่อเน้นความเป็นเหตุเป็นผลในความสัมพันธ์มากกว่าเลิฟไลน์อย่างเดียว ตั้งใจแต่งให้เป็นช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วหลายปี ในจุดที่ต่างคนต่างมีคอนเซิน และมีอำนาจในการตัดสิน บรรลุนิติภาวะกันแล้ว แล้วอยากถ่ายทอดสิ่งที่ในเกมไม่ได้พูดถึง(เพราะตัดจบแย่มาก) นั่นคือชีวิตของตัวละครหลังจากเหตุการณ์ร้ายจบลงแล้ว ที่ต้องอยู่และสู้กับความทรงจำแย่ๆต่อ ซึ่งบางทีมันอาจเลวร้ายยิ่งกว่ามนุษย์หมาป่าจริงๆซะอีก
ส่วนเหตุผลที่ลงเรือนั่นก็คือไดนามิกของเอเนมี่บีคัมทีมเวิร์คของสองคนนี้มันดีมากกกก ไหนจะการกระทำเล็กๆน้อยๆในเกมที่สามารถเก็บมาคิดได้อีก(ว่าถ้าพวกเอ็งชังน้ำหน้ากันจริงทำไมถึงแสดงออกแบบนั้น) และข้อสังเกตที่น่าสนใจคือถ้าจะจบเกมได้สมบูรณ์ สองคนนี้ต้องร่วมมือกันอย่างเดียวเท่านั้น ขาดใครไป หรือใครตายก่อน เกมจะไม่สมบูรณ์ทันที คือสองคนนี้มันนี้ดวันแอนอะนอเตอร์มาก จึงไม่แปลกเลยที่ฝรั่งมังค่าจะชิปกันสุดๆ(อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยเราก็ชิป) แต่ว่าในไทยคนจะไปทางดีแลนไรอันกันหมด เราไม่มีคนคุยด้วยเลย TT ยังไงถ้าสนใจอยากคุยกันต่อทักมาในทวิตได้นะฮะพร้อมเม้า นานๆจะเจอคนเรือผีเหมือนกัน เดี๋ยวว่าจะแต่งฟิคคู่นี้ต่ออีกสักเรื่อง คันมือมาก
คือเรามองว่าทราวิสกับลอร่าสื่อให้เห็นถึงแกนกลางของเกมซึ่งมันไม่ได้ถูกแบ่งให้เป็นแค่ความดีหรือความเลว ขาวกับดำ หรือเทา หรืออะไรเลย แต่มันสื่อถึงความเป็นคนที่คน ความเป็นมนุษย์ที่พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย เราว่าเกมมันเอนหนักไปทางสองคนนี้เป็นตัวเด่น เป็นตัวดำเนินเรื่องของเกมมากกว่าพี่เลี้ยงอีกนะ ไม่ได้หมายถึงกลุ่มพี่เลี้ยงไม่เด่น แต่เนื้อเรื่องมันจะเดินก็ต่อเมื่อมันถ่ายทอดออกมาจากพี่ทีกับลอร่า คือผู้เล่นรู้เรื่องแวร์วูฟเพราะลอร่าออกจากคุกมาเล่าให้ฟัง และเหตุการณ์ที่อยู่ในคุกคือพี่ทีเล่าเรื่องให้ลอร่าฟังอีกทีหนึ่ง(แต่ไม่หมด) ตอนจะไปจบคำสาปพี่ทีก็เล่าเรื่องไซลาสให้ฟัง และอย่างที่คุณบอก การจะจบคำสาปก็ต้องมีสองคนนี้ มันเลยดูเหมือน...เนี่ย ตัวละครที่ทำให้เนื้อเรื่องดำเนินคือสองคนนี้
ุ
ความสัมพันธ์พี่ทีกับลอร่าเป็นความสัมพันธ์แบบหยุมหัวค่ะ 5555 ไดนามิกมันแบบ "ใช่ ฉันฆ่าทั้งครอบครัวของคุณ และใช่ ฉันก็จับเธอขังเป็นเวลาสองเดือน และใช่ ยังมีอีกหลายเส้นทางที่เราฆ่ากันเองและตายไปพร้อมกับความเกลียดชังกันเอง แต่ในเส้นทางหนึ่ง ฉันอ่อนโยนกับเธอ ในเส้นทางหนึ่งฉันเป็นคนแรกที่รู้เรื่องราวของคุณอย่างแท้จริง และในเส้นทางหนึ่งเรายุติคำสาปที่ยาวนานหลายปีร่วมกัน เฝ้ามองอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ที่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า เราควรเกลียดชังกันเอง เราควรเป็นแบบนั้น แต่เราไม่ทำ ไม่รู้เหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไง ทั้งที่คุุณ/เธอทำลายทุกอย่างในชีวิตของฉัน และฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงทำความเข้าใจได้ยากแบบนี้" คือมัน ;-;
อันนี้ทวิตเราคับ @darkerkuro เราไม่รู้ทวิตคุณ 5555 เราไม่ได้เวิ่น quarry มาก แต่มาคุยกันได้คับ
ที่เรียกว่าเรือผีก็คงแค่เฉพาะไทยแลนด์นี่แหละฮะ เลยเป็นเหตุให้ลงมือแต่งฟิคเองเพราะคิดว่าไม่น่ามีชาวไทยแต่งให้อ่าน) แต่ถ้าพวก AO3 หรืิอ Tum น่าจะเรียกว่าเรือสำราญเพราะประชากรหนาแน่น แต่ไทยแลนด์มัมหมีดีแลนทั่วแผ่นดิน(ฮีน่ารักจริงนะ ใครๆก็เอ็นดู) เลยไม่คิดว่าจะมาเจอคนไทยหวีดเหมือนกัน
สรุปความสัมพันธ์ทราวิสลอร่า = ขมแต่อร่อย ชิปเปอร์ขอกลืนเลยไม่ขอคาย 555 ความขัดแย้งย้อนแย้งระหว่างกันนี่แหละที่ทำให้คู่นี้มันดีงาม ขาดใครไปไม่ได้เลย อีกอย่างคือ character development ของสองคนนี้เห็นชัดเจนที่สุดในเกมด้วย ไม่ว่าจะตอบแบบไหนก็ตาม บทระหว่างทางเขียนมาดีเลยทีเดียวถ้าไม่นับตอนจบงงๆ
ปล.เดี๋ยวเลิกงานแอดไปนะฮะ