ริมถ้วยกาแฟมีเรื่องราว...และเรื่องเล่าอันไม่รู้จบของความรัก
..
ไม่ควรเลยที่เขาจะใช้ร้านกาแฟเป็นที่หลบฝน เพียงแต่มันเป็นร้านเดียวที่มีป้ายเปิดแขวนไว้ของยามเช้าในเมืองเล็กที่ยังหลับอยู่ในระหว่างปลายฝนต้นหนาว และเขาไม่อยากยืนริมชายคาคอยเบี่ยงตัวหลบซ้ายขวา
.
หากทันทีที่เขาผลักประตูเข้าไปบทเพลงชวนแสลงใจแผ่วโหยกระทบ เขาชะงักเท้าละล้าละลังแต่ฝนเม็ดโตข้างนอกเร่งผลักให้เขาตัดสินใจก้าวผ่านกรอบประตู ชายเจ้าของร้านไม่แม้แต่จะละความสนใจจากการบรรจงทำความสะอาดแก้วในมือ อย่างว่านั่นคือการพร่ำภาวนาเพื่อการหลุดพ้นประการหนึ่งของตัวเอง
.
เขาเลี่ยงการนั่งริมหน้าต่างกระจก ตัดสินใจนั่งหน้าเคาน์เตอร์เช่นเดียวกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนหน้า เธอเองก็เช่นเดียวกับเจ้าของร้าน คือไม่สนผู้มาใหม่หลบหน้าตาไว้ภายใต้หนังสือเล่มหนึ่งจดจ่อในโลกส่วนตัว
.
*นอนใต้
.
สลับกับยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ระยะการทอดแขนลงไปเหมาะเจาะโดยไม่ต้องเหลือบแลไล่สายตา-ทอดแขน-ยกถ้วย-จิบ-วาง ไล่สายตา-ทอดแขน-ยกถ้วย-จิบ-วาง ไล่สายตา-ทอดแขน-ยกถ้วย-จิบ-วางเป็นเช่นนั้นสม่ำเสมอ จนหลังสุดเธอยกถ้วยเปล่าขึ้นจิบและเขาเผลอปล่อยรอยยิ้มมีเสียงออกไป
.
เธอปรายตามองเขาเสี้ยววินาที อารมณ์จับใบหน้าเพียงหนึ่งหยดสีร่วงหล่นจากปลายพู่กันแต่งแต้มเสน่ห์โดยไม่ตั้งใจ ผู้หญิงคงเป็นเช่นนี้เองดึงดูดให้ชวนมองในบางกิริยา ชายเจ้าของร้านเติมกาแฟในถ้วยเธอกลิ่นความใหม่สดของเมล็ดกาแฟอบอวลไปทั่วร้าน ก่อนจะหันไปสนใจกับการจัดเรียงถ้วยอีกคราโดยไม่ถามไถ่ถึงความต้องการของเขา แต่ช่างเถอะเขาไม่ปรารถนาลิ้มรสความขมในเวลานี้
.
เขาไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาท เพียงแต่หาจุดโฟกัสเพื่อเพ่งความสนใจนอกเหนือจากบทเพลงแค่นั้นเอง อยากเอ่ยคำขอโทษแต่เธอปิดกั้นอื่นใดในสายตาไปอีกครั้งด้วยการหายไปในโลกใบอื่น
.
ไม่เป็นผลเสียงเพลงยังแทรกครวญโหยไห้หยอกเย้า เขาคิดถึงเธอผู้ไกลห่าง คิดถึงความสัมพันระหว่างเขากับเธอในความหมายซึ่งมากกว่าคำว่าเพื่อน ที่เพียงเสียงแผ่วเบาทางปลายสายของเธอมีอิทธิพลเร่งเร้าให้เขาละวางจากงานทุกสิ่งตรงหน้าเพื่อไปอยู่ข้างเสมอ
.
ในร้านคาเฟ่ใกล้ที่ทำงานของเขาภาพของเธอริมหน้าต่างกระจก ใช้สายตาทอดมองออกไปด้านนอกภาพเธอจะเท้าคางทำตาปรอยอย่างว่าตกหลุมรักเสียเต็มประดาเมื่อเจ้าของร้านหนุ่มลุกขึ้นมาครวญเพลงแสนหวาน
.
ภาพเธอวาดรูปเฉิ่มเชยแสนคลาสสิคลงบนกระจกยามฝนตก หรือเขียนข้อความชวนคลื่นเหียนทำนองรักใคร่ก่อนจะแนบแก้มกับหน้าต่างชื้นเย็นพลางหัวเราะคิกคักทั้งที่กลัวฟ้าร้องแทบขาดใจ ก่อนประโยค "กอดฉันสิ" จะตามมาอกกับไหล่ของเขาจึงแหล่งพักพิงความหวาดกลัวของเธอเสมอ
.
หลายปีที่เขารู้จักเธอไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เธอยังว่ายวนอยู่ในอารมณ์ถวิลหาใครสักคนแสนพิเศษ
“ฉันต้องการความรักและการเอาใจใส่ฉันมากๆอยู่เคียงข้างฉันเสมอ แต่ไม่มีใครเป็นแบบนั้นเลย เขาเลิกใส่ใจฉันเหมือนตอนแรก”
และประโยคสุดท้าย “เขาไม่รักฉันแล้ว”มาพร้อมกับหยาดน้ำตาไร้เสียงสะอื้น
.
เธอเป็นแบบนี้เองเมื่อเธอรักใครสักคนเธอก็หวังว่าคนที่เธอรักจะปฏิบัติเช่นเดียวกันและเสมอไป เธอหวั่นวิตกกับการพรากจากอย่างเสียจริตจนน่าสงสาร นี่จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเมินเฉยได้เลยสักครั้ง
กี่ครั้งแล้วกับคนรักคนแล้วคนเล่าของเธอเธอหลงรักง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ และทุ่มเทสุดจิตใจกับความรักของเธอเสมอ
.
เพียงแต่เธอไม่เคยหลงรักเขาเธอคล้ายมีมนต์วิเศษที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักได้ง่ายดายพอกับทอดทิ้งเธอง่ายดายเช่นเดียวกัน
.
เธอสุดจะทน อดีตคนรักคนหนึ่งของเธอเคยเปรยประโยคนี้และย้อนถามที่ผ่านมาเขาไม่รู้สึกว่าต้องทนกับเธอ ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเขาไม่เคยทอดทิ้งเธอไปไหนแม้ขณะเธอมีคนรักเป็นตัวเป็นตนเปิดใจรับฟังความสุขของเธอเสมอมา
.
โอบกอดความโศกเศร้าของเธอซับน้ำตาไหลเคลียแก้ม ปลุกปลอบความร้าวฉานของเธอให้เข้มแข็งเขาเป็นได้แค่นี้เองสำหรับเธอที่ผ่านมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เป็นเธอที่หนีหายไปจากเขาด้วยประโยคบอกเล่าว่า
"ฉันจะไม่อยู่สักพัก"
.
ไม่มีเสียงแผ่วเบาเจือสะอื้นทางโทรศัพท์ให้เขาละงานเพื่อไปหาไม่มีเรื่องเล่าเคล้าน้ำตาของเธอกับชายคนรักคนไหนอีก ไม่มีถ้อยคำฉันรักเธอแหวกละอองน้ำบนกระจก ไม่มีถ้อยประโยคให้โอบกอดยามฟ้าร้องเหมือนจู่ๆ เธอละลายหายไปในอากาศ กลายเป็นเขาที่ว่ายวนเฝ้าถวิลหาแทน
.
บทเพลงวนมาท่อนฮุกอีกครั้ง ผู้หญิงข้างเขาจบการใช้สายตาไล่กวดตัวหนังสือถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง การวิ่งไล่ตัวหนังสือคงทำเธอเหนื่อย หากเขาสงสัยถึงเรื่องอื่นเธอจะติดเชื้อโรคจากเรื่องราวในหนังสือเล่มนั้นหรือเปล่า โรคประหลาดที่ชอบหลับนอนกับผู้คน
.
บ้าชิบ
เขาถอนหายใจเช่นเดียวกับเธอ ปล่อยความรู้สึกให้ห้วงเวลาตอนนี้หยุดนิ่ง
.
ชายเจ้าของร้านจบภาระกิจร่ายมนต์ใส่แก้วกาแฟ
.
ส่วนเธอ ตัวตนอีกหนึ่งยังติดค้างอยู่ในเรื่องราวแห่งชีวิตที่หลบหลีกมาชั่วคราว.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in