..
ริมถ้วยกาแฟมีเรื่องราว และเรื่องเล่าอันไม่รู้จบของความรัก
..
เขาหอบเอางานคั่งค้างปึกใหญ่กับโน๊ตบุ๊คลงมาจากตึกสูงเดินลัดเลาะผ่านแผงร้านค้าริมถนนอันเจนตาในเมืองใหญ่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานริมถนนจึงโล่งว่างพอให้เดินได้อย่างสบายระดับหนึ่งจุดหมายของเขาอยู่เลยไปแค่สองช่วงตึกร้านที่เธอเป็นคนเฟ้นเลือกด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ไกลจากที่ทำงานเขา
.
การมองหาเธอจากถนนฝั่งตรงข้ามไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรท่ามกลางผู้คนหลายสิบคนในคาเฟ่ร้านโปรด เธอจับจองโต๊ะริมหน้าต่างกรุกระจกใสใช้สายตาทอดมองผู้คนเบื้องนอกไม่ได้สนใจความเป็นไปในร้าน เว้นเสียแต่ว่าเมื่อเจ้าของร้านหนุ่มลุกขึ้นมาครวญเพลงแสนหวานคลอเสียงกีต้าร์คลาสสิคเพื่อรับรองลูกค้าประจำเช่นเธอ ถึงเรียกความสนใจของเธอให้กลับมาอยู่ภายในตัวตนได้อีกคราหนึ่ง
.
เขาแกล้งเคาะกระจกตรงหน้าผากเธอจากด้านนอกไม่อย่างนั้นสายตากับอารมณ์ของเธอคงไม่กลับมาจากที่ไหนสักแห่งในความครุ่นคิดของเธอได้เขาจะรู้ว่าวิญญาณของเธอกลับมาก็เมื่อรอยยิ้มกระจ่างแตะริมฝีปากเธอ
เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาของเธอเขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นมันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งและเป็นเขาเช่นเดียวกันที่ละวางจากงานทุกสิ่งเพียงเพื่อจะไปอยู่ใกล้ๆเธอบางครั้งเขาอยากทำเป็นเมินเฉยเลิกใส่ใจความรู้สึกอันยากจะเข้าถึงของเธอเสียบ้างแต่เขาไม่เคยทำได้ เมื่อนึกเห็นภาพเธอซุกตัวอยู่ในลิ้นชักแห่งความเดียวดายอันเธอเป็นผู้สร้าง
.
“ไงอีกแล้วเหรอ”
เขาถามด้วยประโยคเดิมวางสัมภาระลงบนโต๊ะเลิกใส่ใจแล้วว่ากี่ครั้งกับคำถามนี้ ท่าทางเดิม แววตาเดิมเป็นสิ่งคาดเดาได้ไม่ยาก เขาเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจเธอมาหลายปี สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอ
ผู้หญิงซึ่งจมจ่อมอยู่ในความเพ้อฝันอันไม่รู้จบ อย่างไม่เข็ดหลาบกับการวิ่งตามอารมณ์ซึ่งผันผวนแปรปรวนตามแต่ว่าตอนนั้นเธอวางหัวใจตัวเองไปผูกติดกับใคร
.
เมื่อเขาแสร้งนั่งฝั่งตรงข้ามเธอทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จาจนเมื่อเขากลับมานั่งข้าง เธอจึงเปิดยิ้มบานแฉ่งอย่างเด็กได้ของเล่นถูกใจ กอดแขนเขาแนบแน่นพิงหัวกับไหล่เขาฮัมเพลงอะไรสักอย่างออกมาเบาๆ เธอเป็นสุขใจเขาเองก็เป็นสุขใจ
“แค่นี้เอง”
เขามองสบตาเธอระบายลมหายใจบางเบา
.
เครือข่ายคล้องเกี่ยวเอาคนสองคนเป็นเพื่อนกันเป็นเพื่อนจากการนำพาของใครสักคน หรืออะไรสักอย่างยื่นความสนใจในสิ่งเดียวกันมาวางไว้ตรงหน้าหรือจากการเสาะแสวงหาเรื่อยเปื่อยในโลกอีกใบ เขาเองไม่แน่ใจ เธอเองก็ไม่รู้
.
เสียงข้อความทำเขาสะดุ้งตื่นตอนตีสาม แต่อดไม่ได้ที่จะหยิบมาเปิดดูเพลงบทหนึ่งถูกส่งมาจากหญิงสาวแปลกหน้า สักพักมีข้อความขอโทษตามมา
“คุณทำผมตื่น” เขาพิมพ์ข้อความกลับไป
ผ่านไปกว่าสิบนาทีหลังจากเธออ่าน
“คุยได้หรือเปล่า”
.
เข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้า เปลี่ยนการพิมพ์โต้ตอบด้วยตัวหนังสือหลังเป็นเสียงของอีกฝ่ายด้วยสำนวนว้าเหว่แสนเปล่าดาย และการพูดถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างไม่ปะติดปะต่อตามแต่อารมณ์เขาจับได้ว่าเธอเหงา เอาเถอะเขาเองไม่รังเกียจบทสนทนาเชิงระบายฟุ้งฝันของเธอ
.
ไม่ทุกค่ำคืน หากเป็นบางคืนซึ่งเธอไร้ร้างและต้องการใครสักคนเป็นส่วนหนึ่งในโมงยามอันเหว่ว้าเธอจะโทรหาเขาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ เขาแค่รับฟัง หรือในบางค่ำคืนเขาแค่เปิดลำโพงทิ้งไว้ต่างฝ่ายต่างนั่งทำงานของตน เขาไม่รู้ถึงงานของเธอแค่รู้ว่าเธอมักทำจนค่ำมืดดึกดื่นเสมอ งานสร้างฝันให้เป็นจริง เธอเคยบอกเขาแบบนั้น
.
“ฉันเจอคุณหน่อยได้มั้ย” เธอพูดประโยคนี้ในวันหนึ่ง
เขากลายเป็นฝ่ายอ้ำอึ้งรีรอ
การเจอกันในความเป็นจริงไม่ว่าจะบวกหรือลบ มักทำให้เรื่องราวเลยเถิดจนยากจะกู่กลับทั้งสองด้านเขาเพียงแค่อยากสงวนความสัมพันธ์ไว้เพียงแค่นี้ ไม่มากไม่น้อยไปกว่า
“ฉันขอโทษ แค่คิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ในความจริง”
“..........”
หลังการทิ้งช่องว่างในบทสนทนา หลังคำพูดสุดท้ายของเธอถูกย่อยสลายด้วยความรู้สึกเขาตอบตกลง
“จริงนะ” น้ำเสียงเธอดูตื่นเต้น
“อย่าคาดหวัง”
“ฉันเปล่า คุณล่ะ” เธอย้อนถาม
“ผมเปล่า”
เขาได้ยินเสียงเธอหัวเราะ
“งื้อ... แค่เราเจอกัน”
.
เธอเกินกว่าความคาดหวัง นั่นคือสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากความรู้สึกเหมือนฮอโลแกรมที่เมื่อแสงมีสภาพหน้าคลื่นสอดคล้องต้องกันจะปรากฎเป็นภาพคมชัดมีมิติจับต้องได้แต่หากไม่ ภาพของเธอพร่าเลือนพร้อมที่จะสลายหายไปต่อหน้าต่อตาหากเขาละเลยไม่เหนี่ยวรั้ง
.
ตอนนั้นเขาจะเอานิ้วจิ้มหน้าผากเธอพร้อมประโยค
“โลกเรียกเพกา โลกเรียกเพกา” จนเธอหัวเราะ
“ไปไหนมา”
“ลอยไปแบบ*
“โห...อ่านหนังสือซะด้วย”
“ต้องอ่านประดับหัวบ้าง มีเพื่อนทำงานสำนักพิมพ์นี่ ทั้งเล่มจำได้แต่เรเมดิออสคนเดียวแหละ ฉันอยากเป็นแบบเธอ ลอยไปนอกโลก”
“ครับเรเมดิอออส”
“แค่นี้”
“งื้อ” เขาทำไม่รู้ไม่ชี้
“ผู้เลอโฉมล่ะ” เธอทวง
“ไหนดูสิ” เขาจับคางเธอพลิกหน้าไปมา ส่ายหน้า “ไม่เลอโฉม”
“ใจร้าย”
.
นับจากวันนั้นที่เขามักเรียกเธอว่าเรเมดิออสไม่เลอโฉม เป็นมุกขำขันยามเจอกันเพื่อเรียกเสียงหัวเราะหรือแม้เพียงรอยยิ้มบางเบาของเธอ
.
ครั้งนี้ไม่มีเสียงหัวเราะหรือรอยยิ้ม ช้อนเปื้อนฟองนมค้างในอากาศฟองละเอียดสลายเปลี่ยนเป็นน้ำหยดลง แตกเป็นดอกไม้ประดับพื้นโต๊ะขาว
“เขาโทรมา บอกว่ามีเรื่องจะคุย”
“แล้ว”
“ไม่รู้สิ” เธอส่ายหน้าวางช้อนลงบนจานรอง
“อย่าคิดมากน่า” เขาแตะหลังมือเธอ ดอกฟองนมปรากฏประดับพื้นหลัง มือของเขามือของเธอแก้วกาแฟ โน๊ตบุ๊คกับกระดาษปึกใหญ่ ความเศร้าหงอยของเธอกรุ่นกำจาย
.
เขารู้ว่าก่อนเธอจะโทรหาเขาในเช้าวันนี้ เมื่อคืนเธอคงคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาและร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วนได้หลับนอนเพียงน้อยนิด หรืออาจจะไม่เลย ผู้หญิงตรงหน้าเขาเป็นแบบนี้เอง
.
“ผู้หญิงมีสัมผัสพิเศษรู้ไหม”
เขาไม่ตอบโต้ประโยคนี้ของเธอหากผู้หญิงมีสัมผัสพิเศษอย่างว่าจริง เหตุใดความรู้สึกของเขาถึงไม่อาจสัมผัสถึงใจเธอได้สักหนเธอมองหาคนอื่นอยู่เสมอ คนอื่นที่ไม่ใช่เขาผู้ชายตรงหน้าคนนี้
.
“กอดหน่อย”
คำติดปากของเธอซึ่งออกมาบ่อยครั้งคำพูดแสนเรียบง่าย แต่สร้างความลำบากใจให้เขาอยู่เนืองนิจ
ตอนเธอเอ่ยคำนี้ครั้งแรกให้ได้ยินทำเขาตกใจ
“ฉันแค่ต้องการพลังชีวิต” เธอบอกแบบนั้น
“แค่กอดฉันไว้”
นั่นเป็นอีกคำหนึ่งในยามฟ้าส่องประกาย เธอจะหดตัวและหลับตาหวาดหวั่นกับเสียงที่จะตามติดมาในไม่ช้าเมื่อเขาชวนเธอมานั่งโต๊ะกลางร้านยามฝนตกหนัก แต่เธอยังคงดื้อดึงจะนั่งริมหน้าต่างอยู่อย่างนั้นอกของเขาจึงกลายเป็นเพิงหลบความตื่นกลัวของเธอเป็นระยะหลังท้องฟ้าเงียบสงบเธอมักจะหัวเราะให้กับความขี้กลัวของตัวเองและเริ่มเขียนถ้อยคำแสลงใจนับไม่ถ้วนลงบนกระจกอีกครา
“แค่นี้เองสำหรับฉัน” เธอพูดประโยคนี้ในยามที่เขาโอบกอดเธอไว้เมื่อเธอร้องขอ
เขาถอนหายใจแค่นี้สำหรับเธอที่ไม่ได้รู้เลยว่าเขาเหมือนกลืนยาขมเข้าไปอึกใหญ่ กี่ครั้งแล้วที่เธอเป็นแบบนี้กับความรักของเธอ ในยามมีความสุขเธอจะพูดจาเจื้อยแจ้วประกายตาวับวามแม้ขณะอยู่กับเขา ทุกอย่างรอบข้างระยิบพรายไปพร้อมกับเธอ
.
แต่ในวันนี้เธอก็เป็นอีกคนที่เขาคุ้นเคยเช่นกัน เธอที่ระทมทุกข์กับความรู้สึกของความรักบางครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอเหมือนเจ้าหญิงในนิทานหลุดออกมาจากหน้าหนังสือ ยามที่เด็กสักคนอ่านค้างไว้และหลับไปขณะหนังสือกางอยู่บนหน้าอก
เป็นเจ้าหญิงผู้หลงทางและตื่นกลัว
.
เจ้าหญิงผู้ตามหารักนิรันดร์และความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ
ที่ในความรู้สึกของเขาเธอคงไม่อาจหาให้เจอได้อย่างคนมองโลกจากความเป็นจริง คนในแบบที่เธอใฝ่ฝันไม่มีอยู่จริง
.
“ฉันแค่อยากเชื่อ”เธอบอกกับเขาเสียงแผ่วเบา เหม่อมองไปด้านนอก
.
ไม่เคยมีใครยั่งยืนเขาเหล่านั้นไม่อาจหยิบยื่นให้เธอได้
.
.
เขาเลื่อนเก้าอี้ทำท่าจะลุกจากไปมือเล็กๆ จับมือเขาไว้ เขาทรุดนั่งลงใบหน้าเศร้าปรากฏรอยยิ้มกระจ่างอีกครั้ง แค่นี้เองสำหรับเธอ
แค่เห็นรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ
*
กาเบรียลการ์เซีย มาร์เกซ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in