ณ ลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย บรรยากาศแสนคึกคัก เต็มไปด้วยเสียงดังจากการพูดคุยและบทสนทนาที่จับความไม่ได้ ตัวฉันที่เดินผ่านมาเห็นนึกสงสัยว่าคงมีกิจกรรมอะไรสักอย่าง ด้วยความอยากรู้จึงลองเดินเข้าไปใกล้ให้มากขึ้น
“รับน้ำฟรีไหมคะ”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับหญิงสาวอายุราวยี่สิบต้น ๆ รอยยิ้มประดับบนใบหน้าขาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ พร้อมกับมือที่ยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ฉัน
ไหน ๆ ก็เป็นของฟรีและอากาศตอนนี้ก็ร้อนเกินทน รับมาก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยื่นมือไปรับขวดน้ำและกล่าวคำขอบคุณเล็กน้อย
เดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้รู้ว่ามีการจัดงานรณรงค์อะไรสักอย่างเกี่ยวกับการใช้รถ แต่ตัวฉันก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น ระหว่างที่เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับข้าวกล่องฟรีมาอีก ดีจัง ช่วงนี้อยากประหยัดค่าใช้จ่ายพอดีเลย
นั่งกินจนข้าวหมดเกลี้ยงก็นึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปทำธุระนี่นา ทำอย่างไรกับกล่องและขวดน้ำนี้ดีนะ แต่คนอื่นก็วางทิ้งไว้ตรงนี้นี่นา งั้นถ้าทำบ้างก็คงไม่เป็นไร ก็ฉันรีบนี่นา
วันนี้มีกิจกรรม “car-free-day วันปลอดรถ ลดโลกร้อน รวมพลคนใช้จักรยาน” จัดที่ห้าง XXX
ผมรอคอยกิจกรรมนี้มานานแล้ว วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้สวมใส่เสื้อออกกำลังกายตัวใหม่ที่ตั้งใจซื้อมาเมื่อวันก่อนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ พร้อมกับพาเจ้าจักรยานลูกรักไปเปิดโลกกว้างมากกว่าที่จะได้ปั่นวนไปวนมาอยู่แค่แถวบ้าน และนอกจากนี้ก็ยังจะได้ไปพบปะเพื่อนฝูงในแวดวงคนรักจักรยานอีกด้วย
เมื่อไปถึงสถานที่จัดกิจกรรม ก็ได้เจอผู้คนมากมาย คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็พากันเข้ามาทักทายพูดคุยเล็กน้อย ระหว่างรอเพื่อนสนิทที่ผมนัดไว้ หูก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก “รับน้ำฟรีไหมคะ” ผมหันไปมองตามทิศทางที่ได้ยินเสียงก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เรียกผม แต่เรียกผู้หญิงอีกคนที่เดินผ่านเธอต่างหาก ทว่าผมกลับละสายตาไปจากผู้หญิงคนที่กำลังยื่นมือไปรับขวดน้ำไม่ได้เลย นั่นจึงทำให้ผมทำเป็นเดินเข้าไปรับน้ำดื่มฟรีเพื่อที่จะได้เห็นเธอให้ชัดยิ่งขึ้น
ผมแอบเดินและลากจักรยานตามเธออยู่ห่าง ๆ แต่ก็พอจะได้เห็นว่าเธอกำลังเดินไปไหน เธอได้รับข้าวกล่องที่แจกฟรีตรงอีกซุ้มแล้วเธอจึงไปหาที่นั่งทาน ผมแอบนั่งมองเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วขึ้นทั้ง ๆ ที่ก็ยังไม่ได้ไปออกกำลังกาย เพียงแค่คิดว่าจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอดีไหม
ทว่าจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นพรวดแล้วรีบเดินออกไปโดยทิ้งกล่องข้าวกับขวดน้ำไว้
เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็ได้แต่นั่งคอตก เสียดายโอกาสที่เคยมี หากไม่ลังเลเข้าไปคุยก็คงได้รู้จักกันแล้วแท้ ๆ
“เฮ้อ” ผมได้แต่นั่งถอนหายใจ แต่ก็เอาเถอะ เรายังมีโอกาสเจอคนอื่นอีกตั้งเยอะ ไหน ๆ วันนี้ก็มาแล้ว ไปปั่นจักรยานรณรงค์ให้คนหันมาใช้จักรยานแทนรถยนต์ลดโลกร้อนดีกว่า ถือว่ามาทำอะไรดี ๆ ให้สังคม ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน แต่ก็คิดได้ว่าถ้าจะปั่นจักรยานก็คงถือขวดน้ำไม่ได้ งั้นวางไว้แถวนี้ก่อนแล้วกันนะ
เมื่อคืนก่อนเลื่อนเจอผ่าน ๆ ในไทม์ไลน์เฟซบุ๊คก็ได้รู้วันนี้จะมีงานรณรงค์เกี่ยวการใช้จักรยานแทนรถช่วยสิ่งแวดล้อม ยิ่งสมัยนี้ก็ดูเหมือนคนจะเริ่มสนใจปัญหานี้มากขึ้นด้วยคงจะมีคนไปเข้าร่วมเยอะแยะ ถ้าไปถ่ายรูปบรรยากาศงานก็คงจะน่าชื่นใจมิใช่น้อย
เมื่อผมมาถึงที่งานก็ได้แต่อ้าปากค้าง นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีแต่ขยะวางเกลื่อนกลาดอย่างนี้ แล้วขยะที่ว่าเนี่ยก็มีแต่กล่องพลาสติกกับขวดน้ำทั้งนั้น กล้องในมือผมสั่นไปหมดแล้ว ผู้ชายที่นั่งอยู่เมื่อกี้ก็ลุกออกไปปั่นจักรยานโดยทิ้งขวดเอาไว้อีก เห็นอย่างนี้ก็รู้สึกอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บเอาไว้
หลังกดชัตเตอร์ผมก็ผละออกมาจากช่องวิวไฟน์เดอร์มาดูรูปที่กดถ่ายเมื่อสักครู่ ก่อนกดปุ่มชัตเตอร์ก็ทำไปตามสัญชาตญาณของตากล้องมืออาชีพที่ถ่ายออกมาให้เส้นช่วยดึงสายตา แต่ก็รีบถ่ายมากไปหน่อย ภาพก็เลยไม่ได้ออกมาสวยมากนัก แต่เอาจริง ๆ แล้ว ต่อให้ถ่ายแบบตั้งใจก็คงไม่สวยอยู่ดี ในเมื่อมีแต่ขยะ ขยะ และขยะที่ทำลายทัศนียภาพ ถ้าหากไม่มีขยะพวกนี้เส้นในภาพก็คงดูต่อเนื่องกว่านี้ แต่เอาเถอะ ยังไงคืนนี้บอกเลยว่าเจอกันในพันทิป
ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งมาก ฉันต้องคอยเดินไปเดินมาและรับเรื่องจากแต่ละซุ้มที่มาเป็นสปอนเซอร์แจกของฟรี แต่ดูสิ ทำไมคนถึงได้ทิ้งขยะเกลื่อนกลาดอย่างนี้นะ ตั้งแต่ต้นจนสุดทาง ไม่มีตรงไหนเลยที่จะไม่มีคนทิ้งขวดน้ำไว้ น่าโมโหสุดก็คงจะเป็นคนที่ทิ้งไว้ที่พื้น ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าคนต้องเดิน คนต้องปั่นจักรยานผ่าน ถ้าเกิดสะดุดอาจจะล้มจนได้แผลก็ได้ ให้ตายสิ มาลำบากฉันต้องทำให้พื้นที่ตรงนี้ไร้สิ่งกีดขวาง เดี๋ยวให้ป้าแม่บ้านมาจัดการแล้วกัน
แล้วหมอนี้ยังจะมายืนเกะกะถ่ายรูปตรงนี้อีก หงุดหงิดเป็นบ้า อากาศก็ร้อน
“ป้า เดี๋ยวช่วยเก็บขยะพวกนี้ให้ที” ผู้หญิงตรงหน้าพูดเสียงกระแทก ฟังดูก็รู้ว่าคงกำลังหงุดหงิด คนฟังได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ของวันนี้ นี่ป้าก็เก็บขยะไม่ได้หยุดเลยนะ พอเก็บหมดตั้งแต่ต้นจนถึงสุดทางหันมาอีกทีก็มีขยะล็อตใหม่ขึ้นมาอีก เหมือนหลงอยู่ในดินแดนแห่งขยะที่ไม่มีทางออก ทำไมคนเรามันถึงได้ไร้จิตสำนึกขนาดนี้กันนะ ถังขยะก็วางอยู่ทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องช่วยเก็บของคนอื่นก็ได้ เก็บส่วนของตัวเองไปก็พอ
ก็ได้แต่บ่นในใจไปเรื่อย ก้มหน้าเก็บขยะต่อไป
ขวดน้ำได้แต่มองผู้หญิงวัยกลางคนก้มหน้าเก็บเพื่อน ๆ ของตนลงถุงสีดำ ฉันรู้สึกสงสารเธอชะมัด อากาศร้อนจนตัวฉันแทบจะละลายแต่เธอก็ยังคงหยิบขวด หยิบกล่อง หยิบแก้วน้ำลงถุงใบนั้นอย่างมุ่งมั่น คงได้แต่หวังว่าจะพาทุกคนให้ไปอยู่อย่างพร้อมหน้ากัน รู้สึกผิดต่อเธอจัง ถ้าขยับตัวเองได้ พวกเราก็คงไปเองแล้ว…
และฉันก็ได้เจอเพื่อนใหม่อีกหลาย ๆ คน
เราจับฉลากได้คือคำว่า "น่าเกลียด" พอเห็นปุ๊บความคิดแรกที่ขึ้นมาก็คือ เราจะไม่เขียนสิ่งที่ตัดสินความงามของสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น เพราะเราเชื่อว่าทุกอย่างมีความงามของมันเอง ขึ้นอยู่กับคนมอง
ตอนแรกก็คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าจะเขียนอะไรดี แต่เราก็ตัดสินใจเลือกเขียนเรื่องนี้ เพราะเราเห็นแก้วน้ำพลาสติก ขวดน้ำที่วางอยู่ตามทางที่เราเดินผ่านอยู่บ่อยๆ แล้วคิดขึ้นมาว่า ทำไมคนบางคนถึงทำตัวน่าเกลียดจัง ถือไปอีกนิดก็เจอถังขยะแล้วแท้ๆ วางอย่างนี้มันขวางทางคนเดินนะ :<
ตอนเขียนครั้งแรกก็มีแต่ความคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนอ่านรู้สึกว่ามันน่าเกลียดเต็มไปหมด เลยเขียนในมุมมองของขวดน้ำดูว่าฉันโดนทิ้งอย่างนี้นะ ฉันเกะกะนะ เพราะคนทิ้งฉันนะ ประมาณนี้ แต่สรุปพอได้ไปลองฟังความเห็นจากคนในคลาส ก็มีคำพูดที่บอกว่า มันน่าเศร้ามากกว่านะ ขวดน้ำดูน่าสงสาร เราก็แบบทำไมกลายเป็นเศร้าล่ะ (;w;) แต่นั่นก็ทำให้เราตระหนักมากขึ้นถึงมุมมองของคน ที่มองสิ่งต่างๆในมุมมองและความคิดที่ต่า่งกัน มีคนที่มองมากกว่าขยะในภาพ มองเส้นในรูป ต่างๆนานา ทำให้เราได้มุมมองใหม่ๆ และออกมาเป็นงานเขียนชิ้นนี้ในที่สุดค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เห็ดนางฟ้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in