22.00น.
คอที่กำลังหมุนไปในอีกทิศทางหนึ่งกลายเป็นนาฬิกาปลุกให้ฉันในทุกเช้าของวัน จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่เวลาเช้า สำหรับคนทั่วไป เวลานี้คือเวลาแสนสบายที่พวกเขาจะได้ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและหลับไป
แต่นี่คือเวลาเช้าสำหรับฉัน
นี่คือกิจวัตรของฉัน…การมองเด็กชายคนนี้ในทุกๆวันช่างเป็นกิจวัตรที่น่าเบื่อ ซ้ำซากและจำเจ ในแต่ละวันไม่มีสิ่งใดให้ทำนอกจากการเพ่งมองเด็กชายที่กำลังเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือ หนังสือที่เขาอ่านก็จะมีแต่เล่มเดิมๆที่ขีดเขียนซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้ง
ฉันพยายามมองไปให้กว้างขึ้นกว่าเดิม มองให้ไกลกว่าเด็กชายผู้นี้แต่ยากเหลือเกิน เพราะฉันไม่สามารถขยับคอเองได้ถ้าปราศจากมือที่เด็กชายขยับให้และน้อยครั้งที่เขาจะขยับคอของฉันให้ได้มองสิ่งอื่นๆรอบห้องบ้าง นี่เป็นชีวิตที่น่าเบื่อเกินกว่าจะบรรยายได้ ลองคิดภาพดูสิ ถ้าทุกๆวันคุณตื่นมาแล้วทำได้แค่จ้องมองเด็กชายคนหนึ่งในท่าเดิมแต่ไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้ ไม่สามารถแม้แต่จะขยับตัวได้และมองได้แค่ในสิ่งที่คนอื่นอยากให้มอง จะน่าเบื่อขนาดไหนกันนะ
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครทราบได้ อาจจะสองชั่วโมง หรือสามชั่วโมงฉันไม่รู้อะไรเลย และมองไม่เห็นเข็มนาฬิกา แต่ฉันเห็นเด็กชายคนนี้จัดแจงเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าลุกขึ้น และทำอะไรบางอย่างที่ฉันมองไม่เห็น
มือของเด็กชายเอื้อมมาสัมผัสที่ร่างกายของฉันอีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันรู้ว่าเวลาของฉันในวันนี้กำลังจะหมดไปเหมือนเช่นทุกๆวัน
และแล้ว ไฟก็ดับลง
09.16 น.
เคยได้ยินไหมใครสักคนเคยบอกว่า เวลาผ่านไปเร็วเสมอและไม่รู้เลยว่าเวลาของแต่ละคนจะเหลืออยู่มากน้อยขนาดไหน สิ่งที่ควรทำคืออย่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่าอย่าทิ้งขว้างเวลาด้วยการผูกติดกับอะไรบางอย่างที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ฉันรับฟังพลางคิดไตร่ตรองว่าฉันใช้เวลาคุ้มค่าหรือไม่
ไม่หรอกไม่เปล่าประโยชน์สิน่า เพราะฉันเฝ้ารอด้วยความหวังหวังว่า ฉันจะได้มองเขาในมุมอื่นๆบ้างและเขาจะหันมามองฉัน
ฉันลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียหลังจากถูกปลุกด้วยน้ำอุ่นๆที่พรมรดมาบนตัวไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าความอุ่นนี้ส่งผ่านมาจากน้ำหรือจากไอแดดที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างกันแน่ หากแต่สายน้ำนั้นกลับเพิ่มความชุ่มชื่นให้ร่างกายและจิตใจไม่น้อยทีเดียวเวลานี้เป็นเวลาสายแล้ว ฉันมองใบหน้าคุ้นตาของเด็กชายที่กำลังใช้มือจัดแต่งทรงผมให้ฉันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นไย ดูสิ ขอบตาของเขาคล้ำขึ้นอีกแล้ว ผมก็ยุ่งไม่เป็นทรง ชุดนอนที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นชุดเดียวกันกับชุดนอนเมื่อคืนวานและเมื่อคืนวานซืน…
เด็กชายหาวหวอดใหญ่ก่อนจะเดินลับออกไปจากห้อง
ฉันละสายตาจากเด็กชายไปยังคนข้างๆเขายืนห่างจากฉันเพียงไม่กี่เซนติเมตร พยายามจะทักทาย แต่เขาก็ไม่ได้มองมาที่ฉันสักนิดหรืออาจจะเรียกได้ว่า เขาไม่เคยหันไปมองทางอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเขาเอาแต่มองไปที่‘ใคร’ คนหนึ่งอยู่เสมอ สายตาของเขาไม่เคยเลื่อนออกไปจากทิศนั้น…
หลายครั้งฉันพยายามหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เคยมองไปทางไหนเลยบางทีอาจเป็นเพราะเวลาของเราไม่ตรงกัน ฉันตื่น เขาหลับ ฉันหลับ เขาตื่น เราจึงไม่เคยได้‘เจอ’ กันสักครั้งแม้กระทั่งคำทักทายก็ไม่เคยได้ยินได้ฟัง ตั้งแต่ฉันจำความได้ฉันก็อยู่เคียงข้างเขามาตลอด คอยส่งสารถึงเขาเพียงทางเดียวและไม่เคยได้รับสารใดกลับ
ความเศร้าที่เคยมีกลับแปรเปลี่ยนเป็นความน่าเบื่อ
เบื่อกับการเฝ้ามองสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับตัวเรา
เบื่อกับการเฝ้ามองภาพเดิมๆ ที่คุ้นตา
เบื่อกับการเฝ้ามอง‘เขา’เพียงมุมเดียวมาตลอดชีวิต
**ลิขสิทธิ์งานเขียนและภาพถ่ายเป็นของผู้สร้างผลงาน**
--------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in